Market Wrap-Up
- SET วันที่ 9 ต.ค.67 ปิด +4.17 จุด อยู่ที่ 1,456.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,353 ลบ.สถาบันซื้อ 1,603 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 193 ลบ.รายย่อยซื้อ 267 ลบ.และต่างชาติขาย 2,064 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 859 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,GULF,BH,COCOCO,TRUE และยอดขายในหุ้น PTTEP,KBANK,ADVANC,IVL,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,707 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BPP,TCAP,SCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,205 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 64,785 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 850 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.03%, S&P500 +0.71%, Nasdaq +0.60% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & บริการสื่อสาร หลังรายงาน Fed Minutes 17 – 18 ก.ย. คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนให้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.66% ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์ +1.1% นำโดย Continental ผู้ผลิตชิ้นส่วนเยอรมัน +7.2% จากคาดการณ์กำไร Q3/67 ปรับสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับลดลง หลัง ING -2.5%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & บริการสื่อสาร หลังรายงาน Fed Minutes ก.ย. เผยคณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่หนุนให้ปรับลดดอกเบี้ย 0.50% แต่ไม่ได้ผูกมัดว่าจะต้องลดในอัตราพิเศษดังกล่าวต่อไป ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐคาดจะปรับลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% โดยค่ำวันนี้ติดตามรายงาน US CPI ก.ย. คาด 3% & ส.ค. 2.5% YoY, วันศุกร์ US PPI ก.ย. คาด 0.1% & ส.ค. 0.2% MoM และการเริ่มรายงานกำไร Q3/67 กลุ่มธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q3/67 บจ.ใน S&P500 +5% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์ & ชิ้นส่วน ขณะที่ตัวเลขส่งออกเยอรมัน ส.ค. +1.3% ดีกว่าคาด -1.0% MoM และนำเข้าเยอรมัน ส.ค. -3.4% ต่ำกว่าคาด -2.5% MoM ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า ส.ค. 2.25 หมื่น ล.ยูโร นักลงทุนรอผลการประชุม ECB วันที่ 17 ต.ค. นี้ โดย Reuter Poll ชี้มีโอกาสลดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ต.ค. และ ธ.ค. นี้ รวมถึงรายงานกำไร Q3/67 ของ บจ.ใน Stoxx600 ซึ่งคาด +4.6% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -6.6%, ฮั่งเส็ง -1.38% หลังคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ยังไม่ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดย ก.คลังจีนนัดหมายจะแถลง ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ในวันเสาร์นี้ ส่วนดัชนีนิเกอิ +0.87% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี กอปรกับค่าเงินเยนอ่อนค่า ขณะปัจจัยการเมืองญี่ปุ่นจะจัดเลือกตังในวันที่ 27 ต.ค เพื่อขอเสียงสนับสนุนนายอิชิบะ ปธ.พรรค LDP ให้ดำรงตำแหน่งนายก ฯ คนใหม่
- ดัชนี SET วานนี้ +0.29% ปริมาณการซื้อขาย 4.93 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 1,603 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 193 ลบ. รายย่อยซื้อ 267 ลบ. และต่างชาติขาย 2,064 ลบ. โดยยังได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เป็นหลัก กอปรกับ GULF,INTUCH,ADVANC ปรับขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อดัชนี +4.44 จุด จากความหวังเชิงบวกต่อบริษัท New Co.ของกลุ่ม GULF ที่จะได้ประโยชน์จากเทรนด์ธุรกิจ Data Center ที่จำเป็นต้องต่ออุตสาหกรรม AI ส่วนกลุ่มบริการได้ปัจจัยหนุนจาก สทท.ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 68 ที่ 2.9 – 3.1 ล.ลบ. และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 68 คาดที่ 38 – 40 ล.คน ซึ่งเป็นผลบวกต่อกำไรกลุ่มขนส่ง, ท่องเที่ยว, รพ. ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์, วัสดุก่อสร้างถูกแรงขายกำไร หลังจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด ม.ด้านการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต้องรอการแถลงมาตราดังกล่าวในวันเสาร์นี้ ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้าจะเริ่มรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง BB.Consensus คาด +2.4%, -3.5% QoQ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 โดยมีแนวต้านที่ 1,465 – 1,470 ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,HMPRO,DOHOME ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงิน/ กลุ่มปลอดภัย ADVANC,BDMS,CHG และเก็งกำไร CKP,SPREME,SAMART มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
- COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.50 บาท) มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทยที่เติบโตสูงในเดือน ก.ค.-ส.ค. ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายและกำไรปกติใน 3Q67 ของบริษัทน่าจะเติบโตได้ดีทั้ง QoQ, YoY เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีน โดยสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวยังคงขายดีและช่วยสร้าง GPM ให้ดีขึ้นตาม U-rate ที่สูงขึ้น ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มทำกำไรต่อเนื่อง ทั้งนี้จาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 929 ล้านบาท +72%YoY และ 27 พันล้านบาท +37%YoY
- WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นลบ./ EBITDA margin>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ลบ.(+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI พ.ย. -$0.33 อยู่ที่ $73.24 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$0.60 อยู่ที่ $76.58/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.8 ล.บาร์เรล แต่ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากพายุเฮอรเคนมิลตันและภาวะสงครามอิสราเอล & อิหร่าน
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$9.40 อยู่ที่ $2,626 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุม พ.ย. นี้ และ Dollar Index แข็งค่า +0.37% อยู่ที่ 102.926
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -231.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -61.69 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -162.31 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -7.07 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.069%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -61 จุด อยู่ที่ 1,799
(-) BitCoinเช้านี้ -2.57% อยู่ที่ 60,550 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
07 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แถลง "สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567"
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
09 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
10 ต.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.ย.)
11 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th