Market Wrap-Up
- SET วันที่ 8 ต.ค.67 ปิด +0.60 จุด อยู่ที่ 1,452.80 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,745 ลบ.สถาบันซื้อ 2,294 ลบ.ต่างชาติขาย 342 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 51 ลบ.รายย่อยขาย 2,003 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 491 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BBL,KTB,GULF,COM7,CBG และยอดขายในหุ้น PTTEP,BDMS,ADVANC,CRC,IVL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,025 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TCAP,QH,BPP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 14,587 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 59,580 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,987 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.30%, S&P500 +0.97%, Nasdaq +1.45% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +2.12%, บริการสื่อสาร +1.07% หลัง US Bond Yield ปรับลดลง ขณะที่กลุ่มพลังงาน -2.63%, วัสดุ -0.37% ปรับลดลงตามราคาน้ำมัน, โลหะ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.55% จากแรงขายกลุ่มสินค้าหรูหรา, เหมืองแร่ -4.4% ปรับลดลงตามราคาทองแดง, สินแร่เหล็ก หลังจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี & บริการสื่อสาร หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.01% ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลง จากประเด็นข่าวกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดโอกาสเจรจาหยุดยิงกับทางอิสราเอล ส่งผลให้ VIX Index ปรับลดลงอยู่ที่ 21.42 & สูงสุดที่ 23.14 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมสหรัฐ ก.ย. ปรับขึ้น 0.3 อยู่ที่ 91.5 โดยค่ำวันนี้ติดตาม Fed Minutes ก.ย., พฤหัส US CPI ก.ย. คาด 3% & ส.ค. 2.5% YoY, ศุกร์ US PPI ก.ย. คาด 0.1% & ส.ค. 0.2% MoM และการเริ่มรายงานกำไร Q3/67 กลุ่มธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q3/67 บจ.ใน S&P500 +5% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มสินค้าหรูหรา, เหมืองแร่ หลังจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตสุรา เช่น เรมี่ คอนโทร -6.4% หลังจีนประกาศ ม.ต่อต้านการนำเข้าบรั่นดีจากสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการตอบโต้หลัง EU ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ EV ของจีน นักลงทุนรอผลการประชุม ECB วันที่ 17 ต.ค. นี้ โดย Reuter Poll ชี้มีโอกาสลดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ต.ค. และ ธ.ค. นี้
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง นำโดยฮั่งเส็ง -9.4% หลัง NDRC ของจีนเผยเตรียมออกพันธบัตรชนิดพิเศษให้รัฐบาลท้องถิ่น แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนต่อมาตรการดังกล่าว ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ช่วงเปิดตลาด +10% แต่ปิดปรับลดลงเหลือ +4.59% ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -1.0% จากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง กอปรค่าเงินเยนที่แข็งค่าส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น
- ดัชนี SET วานนี้ +0.04% ปริมาณการซื้อขาย 5.4 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 2,294 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 51 ลบ. ต่างชาติขาย 342 ลบ. และรายย่อยขาย 2,003 ลบ. โดยช่วงเปิดตลาดปรับลดลงตามดัชนีภูมิภาค จากแรงชายกลุ่มพลังงาน, วัสดุก่อสร้าง, เหล็ก หลังรัฐบาลจีนยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ม.ด้านคลัง ที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ กอปรกลุ่มค้าปลีกปรับขึ้นนำโดย CRC +3.0% รับข่าวร่วมกับกองทุนมั่งคั่งซาอุในการลงทุนซือกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส เป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าหรูชั้นนำในยุโรป ขณะที่หุ้น AOT, CPALL ได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา +7.78% WoW โดยนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีใต้ +33.8% และ +19.5% จากการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดวันชาติของทั่ง 2 ประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ World Bank คาด GDP ไทยปีนี้เติบโตที่ +2.4% และปี 68 คาด +3% ได้ปัจจัยหนุนจากการบริโภค & การลงทุนภาคเอกชน
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 หากยืนได้แนะนำถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้านที่ 1,460 ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และรอรายงานกำไร Q3/67 กลุ่มธนาคาร ซึ่ง Consensus คาด +2.4% YoY, -3.5% QoQ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค CPALL,GLOBAL,CBG,AU,COM7,SYNEX คาดได้ประโยชน์ ม.กระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปี/ กลุ่มส่งออกอาหาร CPF,TFG,BTG,ASIAN ได้แรงหนุนค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า
- SYNEX* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.30 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 160 ล้านบาท +5%QoQ, +83%YoY เติบโตสูง YoY หนุนจากรายได้รวมที่โตจากฐานต่ำ ขณะที่ QoQ มีแรงหนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม communication (smartphone) ช่วยลดผลกระทบ low season ขณะที่ GPM ดีขึ้น YoY จากการเน้นขายสินค้าที่มี margin ดีอย่างกลุ่ม gaming และ enterprise solutions ทั้งนี้หากมองข้ามไปใน 2H67 น่าจะได้รับประโยชน์จากความต้องการ Upgrade สินค้า AI PC & Mobile ที่เพิ่มขึ้น การเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple และ seasonal ของสินค้าไอทีช่วงท้ายปี ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี 67-68 ที่ 647 ล้านบาท +26%YoY และ 768 ล้านบาท +19%YoY
- SAV (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 +QoQ, +YoY ปัจจัยบวกหลัก คือ จำนวนเที่ยวบินที่ยังมี Gap การฟื้นตัวPost Covid-19 โดยเฉพาะเที่ยวบิน International ที่ +8%YoY และ Overflight ที่ +7%YoY ส่วนการดำเนินงานช่วง 2H67 นี้ คาดว่าจะยังเป็นบวกฟื้นตัวต่อได้ YoY และมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจาก 1.AirAsia Cambodia ที่เริ่ม operate ในเดือนพ.ค.67Angkor AIR เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ระหว่าง นิวเดลี และ พนมเปญ ในช่วงเดือนมิ.ย.67 และ 3.การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา เช่น แคมเปญ Visit Siem Reap 2024 ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาด กำไรสุทธิ SAV ปี67 ที่ 507 ลบ.(+31%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI พ.ย. -$3.57 อยู่ที่ $73.57 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$3.75 อยู่ที่ $77.18/บาร์เรล หลังฮิซบอลเลาะซ์เปิดโอกาสการเจรจาหยุดยิงกับอิสราเอล
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$30.60 อยู่ที่ $2,635.40 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุม พ.ย. นี้ และรอข้อมูล US CPI ก.ย. ในช่วงค่ำวันศุกร์นี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -13.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -10.23 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -10.57 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +7.53 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.018%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -47 จุด อยู่ที่ 1,860
(-) BitCoinเช้านี้ -0.44% อยู่ที่ 62,275 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)การประชุม ธ.กลางอินเดียคาดจะคงดอกเบี้ยที่ 6.5%
Economic Calendar
ในประเทศ
07 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แถลง "สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567"
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
09 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
10 ต.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.ย.)
11 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th