Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

425


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ อัปเดต Momentum Tracker แนวโน้มตลาดหุ้นโลกและทองคำ
Key Takeaways:
▶️ ดัชนี MSCI All-Country World Equity อาจผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ จากการเข้าใกล้ฤดูกาลประกาศงบ และการมี Momentum Tracker ที่อ่อนแอลงจากโซนตึงตัว
▶️ ตัวเลข Nonfarm Payrolls สหรัฐเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้นเกินคาด อาจไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตลาดแรงงาน เนื่องจากเป็น lagging indicator และมีความขัดแย้ง (divergence) กับดัชนี ISM Employment และ Job Quits Rate
รายละเอียด:
"ภาวะการลงทุนในสัปดาห์ก่อน"
สัปดาห์ที่ผ่านมาสินทรัพย์ที่มี Momentum Tracker อยู่ในโซนตึงตัวส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนติดลบ ได้แก่ ดัชนี MSCI All-Country World Equity -0.6%, ทองคำ -0.2% และพันธบัตร 7-10 ปีสหรัฐ -2.0% WoW ในขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ซึ่งมี Momentum Tracker อยู่ในภาวะ mildly oversold กลับรีบาวด์แรง 9.1% จากข่าวความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
สำหรับตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 0.4% WoW อย่างไรก็ตาม มีอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นเด่นสวนตลาด 3 อันดับแรก ได้แก่ ICT 1.3%, Media 1.2% และ Energy & Utilities 0.9%
"พัฒนาการที่สำคัญอื่นๆในสัปดาห์ที่แล้วมีดังต่อไปนี้"
1 ISM รายงานตัวเลขดัชนี Manufacturing PMI ของสหรัฐในเดือนกันยายนอยู่ที่ระดับ 47.2 เท่ากับเดือนสิงหาคม และยังคงชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของภาคการผลิตเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ฉุดโดย คำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) สินค้าคงคลัง (Inventories) และงานรอการผลิต (Backlog Orders) ที่ยังคงอยู่ในโซนหดตัว
2 การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ (NFP) เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 140,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามตัวเลข NFP ที่ออกมาดีกว่าคาดในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจอาจไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตลาดแรงงานจากเหตุผลดังต่อไปนี้:
ประการแรก ตัวเลข NFP มักเป็นปัจจัยที่ปรับตัวช้า (lagging indicator) ทำให้การประเมินภาวะตลาดแรงงานจึงควรพิจารณาร่วมกับตัวเลขการจ้างงานอื่นๆ ด้วย
ประการที่สอง ดัชนีการจ้างงานของ ISM ซึ่งตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้เร็วกว่า กำลังส่งสัญญาณที่แตกต่าง (divergence) จาก NFP โดยตัวเลข ISM Manufacturing Employment และ Service Employment เดือนกันยายนได้เข้าสู่โซนหดตัวทั้งคู่ สิ่งนี้บ่งชี้ถึงความไม่สมดุลในตลาดแรงงานและความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น
ประการที่สาม ตัวชี้วัดภาวะตลาดแรงงานอื่นๆ ก็แสดงถึงการชะลอตัวอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น Job Quits Rate ล่าสุดได้ลดลงมาอยู่ที่ 1.9% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวตั้งแต่ปี 2000 ที่ 2% และลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดในเดือนเมษายน 2022 ที่ 3% ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความไม่มั่นคงของตลาดแรงงาน

 

โดยสรุป แม้ตัวเลข NFP จะออกมาดีกว่าคาด แต่เมื่อพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ แล้ว ก็ยังมีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเปราะบางในตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโดยรวม
"ปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่"
วันพฤหัสบดี: US Core CPI (consensus คาดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐเดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 0.2% MoM ชะลอตัวลงจาก 0.3% MoM ในเดือนก่อนหน้า)
วันศุกร์: US PPI (consensus คาดดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐเดือนกันยายนจะเพิ่มขึ้น 0.1% MoM ชะลอตัวลงจาก 0.2% MoM ในเดือนก่อนหน้า)
"แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ต่างๆในระยะสั้น"
1 ดัชนี MSCI All-Country World Equity อาจผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ จากการเข้าใกล้ฤดูกาลประกาศงบ และการมี Momentum Tracker ที่อ่อนแอลงจากโซนตึงตัว
2 Gold Spot สัปดาห์ที่แล้วแม้จะมีข่าวความตึงเครียดในตะวันออกกลางเข้ามาหนุน แต่กลับให้ผลตอบแทนติดลบเนื่องจากภาวะ overspeculation จากการ มี net speculative long position ในระดับสูงถึง 249,000 สัญญา มากกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 2.1 เท่า รวมถึง Momentum Tracker ก็อยู่ในโซน super stretched level อีกด้วย ส่งผลให้ราคาจึงมีโอกาสผันผวนต่อไปในระยะสั้น
3 ราคาน้ำมันสัปดาห์นี้อาจยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน แต่ในช่วงที่เหลือของไตรมาส 4 อาจมีความผันผวนมากขึ้น อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของอุปสงค์ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสในเดือนธันวาคม ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะอุปทานเกินดุล
4 พันธบัตร 10 ปีสหรัฐ แม้จะเผชิญกับแรงขายทำกำไร จนทำให้ยีลด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22 bps ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดพันธบัตรในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า จากวงจรการลดดอกเบี้ยของเฟดและเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง โดยยังคงคาดการณ์ว่ายีลด์พันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐจะปรับตัวลงสู่ระดับ 3.0% ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 จึงแนะนำให้เข้าซื้อสะสมในจังหวะที่ราคามีการอ่อนตัว

สรุปภาพตลาดวานนี้ สุดสัปดาห์ที่แล้ว SET ประคองตัว โดยการงัดกันของหุ้นบลูชิป (รวมทั้ง นลท. ต่างชาติ vs. สถาบันในประเทศ) แม้จะมีแรงขายมาจาก CPALL CPAXT CPN AOT ADVANC TRUE OR แต่อีกกลุ่มบวกสวนเข้ามาดันตลาดไว้ DELTA PTT PTTEP TOP BCP GULF INTUCH ขณะที่หุ้นบวกแรง OKJ (IPO น้องใหม่) SAAM SKY SAV TQM TIGER GTV เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้ รีบาวด์
สัปดาห์ที่แล้วขึ้นลงสลับกัน แต่ออกมาในโทนที่ลงลึกกว่าขึ้น โดยยังคงรักษาฐานแนวรับบริเวณ 1417/1447 จุด ส่วนการรีบาวด์ทำได้แค่ ใกล้ 1,470 จุด ประเด็นที่กดดันภาพรวมการลงทุน คือ อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธเพื่อเป็นการตอบโต้อิสราเอล รอบใหม่ ด้านสหรัฐฯและอิสราเอล เริ่มเล็งจุดยุทธศาสตร์คลังน้ำมันอิหร่าน สร้างความกลัวภาวะสงครามบานปลาย...
แม้ดัชนีฯจะมีแรงขายทำกำไรเพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แต่หุ้นไทยรายตัวกลับมีประเด็นหนุนกลายเป็นกระแสลงทุนครั้งใหม่ เมื่อ Google ประกาศเป็นทางการ เข้าลงทุน 1000 ล้านเหรียญธุรกิจ Data center ในประเทศไทย ทำให้ นลท.เพิ่มความเชื่อมั่นว่า กระแสการมาลงทุน Data center ในไทยจะยิ่งแจ่มใสขึ้นหลังจากนี้, ส่วนประเด็นรองอื่นๆ ก็สร้างกระแสต่อการเก็งกำไร ราคาหุ้นกลุ่มเด่น อย่างเช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและการเยียวยาผลกระทบอุทกภัย, ข่าวสงครามกระทบราคาน้ำมันดิบโลก เป็นต้น ซึ่งเรามองว่ากระแสเหล่านี้ จะยังคงอยู่ในตลาดหุ้นไทยไปอีกสักพัก หนุนการเก็งกำไรหุ้นรายตัว
และเริ่มสัปดาห์นี้ไป ปัจจัยสนับสนุนการซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว คือ ทิศทางผลประกอบการ, การประชุมนักวิเคราะห์กับข้อมูลคาดการณ์กำไร ไตรมาส 3/24, งบกลุ่มธนาคารทยอยออก เริ่มจาก TISCO ในต้นสัปดาห์หน้า และต้องตามดูแนวโน้ม NPL ว่ามีแววดีขึ้นหรือไม่
ส่วนประเด็นการลงทุนอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ โอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์เดิมของตลาด คือการลดดอกเบี้ยในการประชุม 16 ตค.นี้เลย โดยไม่ต้องรอ รอบ ธค. ซึ่งอาจจะเป็นเซอร์ไพร์สด้านบวกต่อตลาดหุ้นไทย มากกว่าเป็นลบ, ความเสี่ยงอิสราเอล+สหรัฐฯ โจมตีคลังน้ำมันอิหร่าน
คาดการณ์กรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ “Consolidated” เหนือ 1,426 จุด แนวต้าน 1,450 จุด คาด นลท.ชะลอไล่ซื้อหุ้น เพราะเป็นช่วงสูญญากาศ รอดูรายงานงบการเงิน บจ.เริ่มจาก กลุ่มธนาคาร ว่าจะดีตามคาดหรือไม่?

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET พักตัวต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่โมเมนตัม RSI week! ชะลอความร้อนแรงเมื่อเข้าใกล้เขตแดน overbought! อย่างไรก็ตามดัชนีเกาะเส้น EMA 5 & 25 week เหนียวแน่น! นอกจากนี้ตัวเลข Fibonacci retracement 38.2% บ่งชี้จุดถอยจะอยู่บริเวณ 1,430-1,435 จุด (ลงไม่เยอะ)
สรุป: ตลาดปรับฐาน ไม่น่ากังวล Note: Theme play สัปดาห์นี้ จับตากลุ่มค้าปลีก เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง….ปลายปี ลุ่นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากรัฐบาล…..หุ้นที่น่าลุย

What to watch
งบธนาคาร: วันที่ 15 มี TISCO (คาดกำไร 1,718 ลบ. -8% y-y, -2% q-q) วันที่ 18 คาด งบ BBL KBANK KTB TTB KKP และวันที่ 21 คาด SCB (ติดตามดูคาดการณ์รายงานงบ 3Q24 ในรายงานฉบับเต็ม)
พายุโซนร้อนมิลตันก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก คาดกลายเป็นเฮอร์ริเคนสัปดาห์หน้า พายุที่ก่อตัวในอ่าวเม็กซิโกเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ (1 ต.ค.) ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนมิลตัน (Milton) และอาจกลายเป็นเฮอร์ริเคนมุ่งหน้าสู่รัฐฟลอริดาในสัปดาห์หน้า
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5% /คลังขยับกรอบเงินเฟ้อปีหน้า 0.5% จาก 1-3% เป็น 1.5-3.5% เผื่อไว้สำหรับการลดดอกเบี้ย เวลาลบแล้ว เป้าเงินเฟ้อจะได้ตามเป้า 2% ของแบงก์ชาติ ขณะที่หนี้ครัวเรือนไทยลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี เหลือ 89.6% (จากกรอบแบงก์ชาติ 91.4%)เหตุแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ และการแก้หนี้

 

ศุกร์ที่แล้วกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ที่ 140,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงเกินคาดสู่ระดับ 4.1% จาก 4.2% ในเดือนส.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้นของ เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเมื่อวันจันทร์ (30 ก.ย.) ซึ่งคัดค้านการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากอีกนั้น ทำให้นักลงทุนลดคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะหั่นอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 6-7 พ.ย.นี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน นักลงทุนคาดการณ์ในขณะนี้ว่า ไม่มีโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งลดลงจากราว 31% ในช่วงเช้าวันศุกร์ และ 53% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง
กกพ.ประกาศวันรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ 8 ต.ค.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้
BBL เริ่มเล็งเก็งงบ หุ้นธนาคาร คาดถ้า NPL ทรงหรือลง จะส่งผลบวกต่อแรงซื้อคืนหุ้นแบงก์ใหญ่ (S 150 R 155 SL 148)

Tactical port
ถอด BGRIM SCGD เพิ่ม BBL MTC

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

ECON
สหรัฐฯ เตรียมเก็งภาษี Solar Cell จากไทย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) โซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศใน Southeast Asia ได้แก่ ไทย (23.06%) เวียดนาม (2.85%) มาเลเซีย (9.13%) และกัมพูชา (8.25%) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่เป็นฐานการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของจีน (ที่ย้ายฐานการผลิตมาไทยหลังเก็บจากจีนตรง) เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเรียกเก็บภาษีตอบโต้การอุดหนุนเป็นรายบริษัทด้วย โดยบริษัทผู้ผลิตจีนในเวียดนามอาจโดนเรียกเก็บภาษีสูงสุดถึง 292.61% ขณะที่ผู้ผลิตจีนในไทยอาจโดยเรียกเก็บภาษีสูงสุดที่ 34.52% อย่างไรก็ดี ผลการพิจารณาภาษีตอบโต้การอุดหนุนครั้งสุดท้ายน่าจะประกาศในช่วงเมษายน 2025
Our view: ทั้งนี้ ในช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2024 ไทยมีการส่งออกโซลาร์เซลล์ไปยังสหรัฐฯ 1,771.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 89% ของมูลค่าการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทยทั้งหมด ขณะที่เวียดนามมีการส่งออกโซลาร์เซลล์ไปสหรัฐฯ 4,456 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 93.6% ซึ่งผลกระทบดังกล่าวคงจะลามไปถึงผู้ผลิตคนไทยที่มีตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งการเก็บภาษีในไทยที่สูง น่าจะมาจากการป้องกันความเสี่ยงจากการโยกฐานการผลิตของผู้ผลิตจีนจากเวียดนามมาไทย
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมเราก็คาดว่าจะมีผลกระทบจำกัดต่อภาคการส่งออกไทย โดยรวมในปี 2025 โดยมีผลกระทบไม่เกิน 0.5% เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกโซลาร์เซลล์ของไทยไปสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของมูลค่าการส่งออกไทยทั้งหมด และเรายังคาดว่าต้นทุนการผลิตที่ต่ำมากของผู้ผลิตจีนจนเกิด economies of scale น่าจะยังทำให้สามารถแข่งขันในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก แต่จะเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ผลิตคนไทย โดยเฉพาะที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลัก

PTTEP
ปตท.สำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม
เก็งกำไรได้แค่ในระยะสั้น
ในระยะสั้น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น จากความกังวลความเสี่ยงเรื่อง Supply ขาด ทำให้ราคาหุ้น PTTEP ถูกเก็งกำไรขึ้นมา โดยจากการศึกษารูปแบบราคาหุ้นกับราคาน้ำมันช่วงปี 2019 จนถึงปัจจุบัน พบว่าช่วงที่มีความขัดแย้งปะทุขึ้น ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 5-30%
อย่างไรก็ตาม หากมองในเชิงพื้นฐานที่ยาวไปกว่านั้น เราประเมินว่าความเสี่ยงจากการชะลอตัวของ Demand รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของ Supply จะกลับมากดดันราคาน้ำมันตั้งแต่ปลาย 4Q24 ไปถึง ปีหน้า และสำหรับในช่วง 3Q24 เราคาดการณ์กำไรหลักที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 11% YoY และ 31% QoQ กดดันจากทั้งปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย รวมทั้งฝั่งต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่องใน 4Q24 เรายังคาดว่าจะเห็นกำไรลดลง YoY ต่อ จากแรงกดดันปลายไตรมาสที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยน่าจะลดลงทั้ง YoY, QoQ โดยเราได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2024 ลง 4% เพื่อลดความคาดหวังในครึ่งปีหลังลง
Fundamental View: เราปรับลดคำแนะนำในเชิงพื้นฐานลงเป็นถือ (ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 160 บาท)

 


KTC
บัตรกรุงไทย
มีความเสี่ยงการปรับลดประมาณการกำไรของตลาด
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 ของ KTC จะอยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ โดยเราคาดสินเชื่อจะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย เพราะบริษัทมีการเข้มงวดในการคัดกรองลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ NIM จะถูกกดดันจาก cost of funds ที่สูงขึ้น
เราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ KTC จะฟื้นตัวค่อนข้างช้าใน 2H24 จากภาพรวมเศรษฐกิจยังฟื้นตัว ไม่ทั่วถึง และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง โดยเราได้ทำการศึกษาข้อมูลในอดีตตั้งแต่ 1Q13 -2Q24 พบว่าหนี้ครัวเรือนต่อ GDP กับ NPL ratio ในกลุ่มลูกหนี้รายย่อยของธนาคารพาณิชย์ไทย มี correlation กัน 55% สะท้อนให้เห็นว่าหากหนี้ครัวเรือนปรับสูงขึ้นก็จะทำให้ NPLs ของกลุ่มรายย่อยปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
เราประเมินว่าทิศทางกำไรสุทธิของ KTC ใน 2H24 จะฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ โดยเราคาดกำไรสุทธิ 4Q24 จะฟื้นตัวเพียง 4% YoY และทรงตัว QoQ ทำให้เรามองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าลง 3-5% หลังประกาศงบไตรมาส 3 ได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น
Fundamental View: เรายังคง Wait-and-see กลุ่มการเงินชอบ MTC มากสุด

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อิสราเอล โจมตีฯ อิหร่าน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อุณหภูมิตะวันออกกลาง ร้อนขึ้นมา ทันที เมื่อ อิสราเอลโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน.....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้