Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

729


"China + Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1452/1460 จุด รับ 1438/1430 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นและเตรียมทำจุดสูงสุดใหม่ S&P500 +0.9% หลังภาคแรงงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาดทั้ง ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ย. 24 สูง 2.45 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.42 แสน อัตราว่างงานลดเหลือ 4.1% vs prev. 42.% ผสาน เงินเฟ้อที่ Fed ควบคุมได้แล้ว หนุนภาวะ US Goldilocks  US Soft Landing" ทำให้การ Search for Yield สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดำเนินต่อไป EM-Asia ยังเด่นในภาพที่ตลาดหุ้นยัง Laggard (Forward PER MSCI World ซื้อขาย Avg+1 S.D. vs อาเซียนที่ซื้อขายระดับค่าเฉลี่ย) และมีแรงขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่เดินหน้าต่อ หลัง Golden Weeks พรุ่งนี้ติดตามแถลงคณะกรรมการพัฒนา+ปฎิรูปแห่งชาติ ภายในวันนี้ติดตามเงินเฟ้อ ตลาดประเมิน +0.8%y-y มองเป็นไปได้ ราคาน้ำมันอิง BRENT ก.ย. 24 ที่ -21%y-y มอง SET ปรับขึ้น หุ้นนำ คือ กลุ่ม China Plays หุ้นได้จิตวิทยาบวก Yield สหรัฐรีบาวน์แรง (ธนาคาร) หุ้นที่คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ (ค้าปลีก สื่อสาร รับเหมา) วันนี้แนะนำ ADVANC, CPALL, IVL เด่น

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1452/1460 จุด รับ 1438/1430 จุด

What happened around the world ?

(*/-) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์ปรับขึ้นแรง หลังตัวเลขแรงงานสหรัฐออกมาแกร่ง และสถานการณ์สงครามยังไม่มีความรุนแรงใหม่ที่มีนัยยะ อิง Dow jones (+0.81%) , S&P500 +0.9%d-d Nasdaq -+1.21%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นเกือบทุก Sector นำโดย Financials, Consumer discretionary , ICT, Energy ฯลฯ มีเพียงแค่ 2 Sector ที่ลงคือ Real estate, Utilities ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น Spirit Airlines - 24.6% สวนทางหุ้นสายการบินอื่นๆ ขึ้น หลังมีรายงานว่าบริษัทกำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยื่นขอล้มละลาย, กลุ่ม Tech ปรับขึ้นในทางเดียวกัน อาทิ Meta +2.2%, AMD + 4.95%, NVDIA +1.65%,ฯลฯ

(*/+) US Econ : ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ย.24 +2.54 แสนราย ดีกว่าตลาดคาด (1.4 แสนตำแหน่ง) vs prev. 1.42 แสนตำแหน่ง (ตัวเลขต่ำกว่า 1 แสนรายจะทำให้ความกังวล Recession เกิดขึ้น) และอัตราว่างงานในเดือนเดียวกันลดลงอยู่ที่ 4.1% ดีกว่าตลาดคาด (4.2%) vs prev. 4.2% และต่ำกว่าเป้า Fed Dotplot ล่าสุดที่คาดสิ้นปี 2024 ที่ 4.4% และคาดปี 2025 ที่ 4.4% ผสานกับรายงานตัวเลขค่าจ้างแรงงาน +4.0%y-y prev. +3.9% ,+0.4%m-m prev.+0.5% ดีกว่าคาด โดยรวมสะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง หนุนความเชื่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐ Soft landing และทำให้ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย -25bps ในการประชุม พ.ย. เป็น 90%

(*/-) Container Stocks : คนงานท่าเรือที่ชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ (United States Maritime Alliance – USMX) เผยทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับค่าแรง และขยายอายุสัญญาที่มีอยู่ไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. 25 เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการเจรจาเพื่อทำสัญญาใหม่ โดยรวมเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าระวางเรือ Container และหุ้นเรือในต่างประเทศ ลง แรง อาทิ Moller-Maersk , Hapag Lloyd) ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือของเยอรมนี Kuehne + Nagel) ซึ่งเป็นบริษัทด้านโลจิสติกส์ของสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Containetr ในไทย อาทิ RCL โดยแนะนำติดตามปัจจัยที่มีผลต่อ Container ต่อจากนี้คือ สงครามตะวันออกกลาง ฯลฯ

(*) ASEAN Interest rate : Cycle ดอกเบี้ยขาลงในประเทศอาเซียนชัดขึ้น ทั้งอินโดนีเซียลดดอกเบี้ยครั้งแรกในกลางเดือน ก.ย. และ ล่าสุด ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) เผยว่า BSP มีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ BSP จะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีและลดลง 0.25% ในการประชุมนโยบาย 16 ต.ค. 2.)จะลดอัตราดอกเบี้ยลรวม 1.75% ภายในปี 2025 โดยจะปรับลดครั้งละ 25 bps เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง KSS ประเมินทำให้มีโอกาสที่จะเป็นอื่นๆ อาทิ ไทยมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงตาม KSS ยังคงมุมมองโอกาสเห็น Downside Risk ของการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 ลง 1 ครั้ง ทั้งนี้ ทุกๆ การปรับลดดอกเบี้ยลง -25 bps มักหนุน SET ราว 50-60 จุด

(*/+) China ตลาดหุ้นจะกลับมาเปิดในวันอังคารคาดมีโอกาสปรับขึ้น หลังผ่าน Golden week ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หลัง Politburo ด้านเศรษฐกิจออกมาให้ความเห็นพร้อมเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหา KSS มองมีโอกาสการอัดฉีดเงินผ่านการออกพันธบัตรพิเศษระดับ 1.2 – 1.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งอาจจะคาดหวังได้ในช่วงการประชุมคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ที่จัดขึ้นทุกสองเดือน ภายในเดือนนี้ เป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT, CPALL, AU

(*/+) China Econ : ยอดขายบ้านจีนเพิ่มขึ้น รับอานิสงส์รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) รายงานกระทรวงที่ดินและการพัฒนาเมืองและชนบทว่า มีเมืองมากกว่า 50 แห่งที่ออกนโยบายเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผสาน Reuter รายงานว่า จำนวนการเข้าชมโครงการส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 50%y-y มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อภาพเศรษฐกิจจีนฟื้น บวกต่อหุ้นใ China play อาทิ IVL, SCGP, SCC

(*/+) Chip stocks : Foxcon ของไต้หวันผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามสัญญารายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ประกอบ iPhone รายใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ล (Apple) เผยรายได้ 3Q24 + 20%y-y ดีกว่าคาด สู่ระดับ 1.85 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (5.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้แรงหนุนจาก Demand จาก (AI) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย อาทิ DELTA, HANA, KCE

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 10 ต.ค. ติดตามรายงานเงินเฟ้อ CPI ก.ย. คาดเงินเฟ้อทั่วไป +2.3%y-y, +0.1%m-m vs prev. +2.5%y-y, +0.2%m-m, เงินเฟ้อพื้นฐาน คาด +3.1%y-y, +0.3%m-m vs prev. +3.2%y-y, +0.3%m-m ตามลำดับ, 11 ต.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PPI ก.ย. คาด +2.4%y-y vs prev. 2.0%y-y 11 ต.ค. ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน ต.ค. คาด 70.0 จุด vs prev. 70.1 จุด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ปรับขึ้นแรงและขึ้นต่อเป็นวันที่ 3 หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐแกร่ง อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +22 bps อยุ่ที่ 3.92% อายุ 10 ปี +12 bps อยู่ที่ 3.96% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI กลุ่มธนาคารBBL, KBANK, KTB ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 102.2

(*/+) Oil : น้ำมันดิบบวกต่อเป็นวันที่ 6 และบวกชะลอ อิง Brents +0.6%d-d ปิดที่ US$ 78.05/barrel. น้ำมันดิบ West Texas +0.9%d-d ปิดที่ US$ 74.4/barrel แรงหนุนยังเป็นประเด็นเดิม คือ ความตึงเครียดสงครามในตะวันออกกลางอาจจะเร่งขึ้นและกระทบ Supply น้ำมันในตลาดโลกเนื่องจาก Iran เป็นผู้ผลิตน้ำมันใน OPEC+ โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

(*/-) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.52 จุด ปิดที่ 1444.25 จุด เป็นการฟื้นตัวจากติดลบเฉียด 10 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT, PTTEP) ปัจจัยบวกเฉพาะตัวหลัง GULF ควบรวม INTUCH แล้วเสร็จ และราคาน้ำมันเร่งขึ้น หนุนกลุ่มน้ำมัน กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) ตามภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สัญญาณชี้นำยังดูแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคบริการ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มขนส่ง (AOT, AAV) จากความกังวลผลกระทบภาวะสงครามต่อการท่องเที่ยว ผสาน น้ำมันเร่งขึ้นกดดันต้นทุนสายการบิน กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) มองพักตัว หลังปรับขึ้นมาตลอดทั้งสัปดาห์

(*/-) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -86.5 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -30.9 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net long 446 สัญญา เงินบาทอ่อนค่า 33.3 +/- บาท

(+) Vayupak: กองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) จะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดวันนี้ มองจิตวิทยาบวกต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถบันในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 14.7 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(*/+) Tourism: วันนี้ (7 ต.ค.) นายกฯ มีกำหนดการ 1.) พบปะหารือกับ 6 บริษัทชั้นนำ ด้านการท่องเที่ยวของโลก คือ Grab, Agoda, Expedia และ Trip.com ผู้ให้บริการ Application เชื่อมโยงการท่องเที่ยว กลุ่ม IHG และ Marriott ผู้ประกอบการโรงแรม และการบินไทย (THAI) แหล่งข่าวมองะเป็นบันไดก้าวแรกเพื่อพัฒนาความร่วมมือกับภาคเอกชนอีกจำนวนมาก และยังเป็นโอกาสสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยวของไทย มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการ เน้น AOT, ERW, CPALL 2.) กล่าวเปิดงาน Asean Econmic Outlook 2025 และมีหลากหลาย บจ. ชั้นนำเข้าร่วมงาน เรามองมีโอกาสสร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยระยะถัดไปได้

(+) Telcos: ผู้บริหาร NT ระบุว่า กรณีคลื่นความถี่ตนเอง 850, 2100 และ 2300 MHz (ปัจจุบันเอกชนเช่าใช้ และมีการแบ่งกำลังให้บริการบางส่วนให้ NT ใช้ทำตลาด+หาลูกค้า) ที่กำลังจะหมดอายุ ก.ย. 25 และ กสทช. เตรียมประมูลใหม่ ปัจจุบัน NT เตรียมแผนในการดำเนินการย้ายลูกค้าที่ใช้งานคลื่นดังกล่าวข้างต้น 1.6 ล้านรายไปยังคลื่นที่มีปัจจุบัน คือ 700 MHz และกร Roaming กับคลื่นพันธมิตร สัญญาณดังกล่าวเราบ่งชี้ NT อาจไม่เข้าร่วมประมูล ถือเป็นจิตวิทยาบวกต่อ ADVANC TRUE ที่มีโอกาสประมูลได้คลื่นดังกล่าวที่ใช้อยู่ กลับมาในราคาที่ถูกลงมีนัยฯ ตามที่นักวิเคราะห์พื้นฐานเราประเมิน โดยรวมเรามอง ADVANC, TRUE ยังน่าสะสมต่อเนื่อง

(*/-) Flood: สถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่น้ำท่วมขยายวงกว้างมีมวลน้ำจากแม่น้ำปิงเอ่อท่วมเข้าสู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจหลังระดับน้ำปรับขึ้นแตะระดับ 5.3 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 1.1 เมตรเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าระดับน้ำทยอยลดลงต่อเนื่องและคาดว่าจะลดต่ำกว่าระดับตลิ่งในวันนี้

ภาพรวมทั้งประเทศ เราตรวจสอบระดับน้ำกับหน่วยงานคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ ล่าสุด (6 ต.ค.2024) พบว่าปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศปรับขึ้นแตะระดับ 78% จาก 75% ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และห่างจากระดับวิกฤติน้ำท่วมในปี 2011 โดย 6 ต.ค. 11 สูง 92%

ส่วนพื้นที่รับน้ำจุดถัดไป คือ ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำพื้นที่ภาคกลางอยู่ที่ระดับ 59% ถือเป็นระดับน้ำต่ำสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ และห่างจากระดับวิกฤติน้ำท่วมในปี 2011 โดย 6 ต.ค. 11 สูง 98%

ดังนั้น ในกรณีภาครัฐเตือน 11 จังหวัดพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยารวมถึงกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ระวังน้ำท่วม คาดเป็นการบริหารจัดการก่อนมวลน้ำจากภาคเหนือจะไหลมาถึง ประเมินผลกระทบเฉพาะจุดโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเท่านั้น Krungsri research ประเมินผลกระทบปัญหาน้ำท่วมต่อ Downside GDP ปี 2024 ราว -0.2% ความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่คล้ายปี 2011 ยังอยู่ในระดับต่ำ ผสาน ปัจจุบันถือว่าเข้าช่วงปลายฝนแล้ว บางพื้นที่เริ่มมีมวลอากาศเย็นปกคลุม อาทิ อีสาน เชิงกลยุทธ์ เรามองเป็นโอกาสเริ่มทยอยสะสมหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการซ่อมแซ่มหลังน้ำท่วม อาทิ GLOBAL TASCO

(*/+) Consumption Stimulus: สศค. เปิดผลสำรวจโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 67 ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-คนพิการ พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้รับเงินหมื่นมากกว่า 5.8 ล้านราย รองลงคือภาคเหนือ 3.3 ล้านราย เรามอง 2 ภาคดังกล่าวที่มีผู้รับสิทธิ์สูง 9.1 ล้านราย (63% ของผู้รับสิทธิ์รอบแรก) แม้หุ้นค้าปลีกที่มีสาขาในพื้นที่ดังกล่าวสูง คือ GLOBAL (80% ของทั้งหมด) DOHOME (58% ของทั้งหมด) ส่วนรายอื่นๆ มีสัดส่วนราว 18-25% แต่หากประกอบกับ ผลสำรวจ NIDA ในกลุ่มคนหรือคนในครอบครัวได้รับเงินสนับสนุน พบว่า 86.8% ใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รองมา คือ นำไปเก็บออมสำหรับอนาคต ตามด้วยการนำไปใช้หนี้ เรามองส่งผลบวกต่อกลุ่มจำหน่ายสินค้าจำเป็นมากกว่า ยังแนะนำสะสม CPALL, CPAXT, BJC คาดว่าจะรายงานยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เด่นกว่ากลุ่มอื่นๆต่อเนื่อง นอกจากนี้ มองบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อ ธนาคารจากโอกาสเห็นคุณภาพหนี้มีพัฒนาการทางบวก

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม 1. ) 7 ต.ค. เงินเฟ้อ CPI ก.ย. 24 ตลาดคาด +0.8%y-y, 0.04%m-m vs prev. +0.35%y-y,0.07%m-m 2.) 7-15 ต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย. 24 ไม่มีคาด vs prev. 56.5 จุด 3.) 8 ต.ค. ประชุม ครม. คาดว่าจะมีการอนุมัติเงินสนับสนุนครัวเรือนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเท่าๆกันทุกครัวเรือนที่ 9,000 บาท (เดิมแต่ละครัวเรือนไม่เท่ากัน) นอกจากนี้ คาดมีโอกาสพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ อสังหาฯ ท่องเที่ยว และ Mega Projects และนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์คาดเด่นสอดคล้องกับยอดนักท่องเที่ยวจีนที่ทำ New High รายวัน ช่วง Golden Week

 

Daily Strategy : ADVANC, CPALL, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" ตอบรับภาพบวกภาคแรงงานสหรัฐฯที่ยังแข็งแกร่ง หนุนจิตวิทยาบวกสินทรัพย์เสี่ยงโลกต่อ โดยฝั่ง Asia น่าสนใจที่มีแรงขับเคลื่อนจากจีนที่น่าจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจต่อหลังผ่าน Golden Weeks และตลาดหุ้นยัง Laggard ส่วนภายในวันนี้ติดตามเงินเฟ้อ หุ้นเด่นวันนี้มอง 1.) กลุ่ม China Plays 2.) หุ้นได้จิตวิทยาบวก Yield สหรัฐรีบาวน์แรง (ธนาคาร) 3.) หุ้นที่คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐฯ (ค้าปลีก สื่อสาร รับเหมา)

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• PTTEP (Trading Buy, TP190): เรามอง Negative ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q-4Q24F ของ PTTEP ที่ลดลง q-q ต่อเนื่อง จากเป็นช่วง low season ของการผลิต, ค่าใช้จ่ายพนักงานสูง รวมถึงมีโอกาสรับรู้ค่าใช้จ่ายด้อยค่าโครงการโมซัมบิกเพิ่ม อย่างไรก็ตามการชะลอดังกล่าวตลาดอาจรับรู้ไปแล้ว (ราคาหุ้น -11% YTD) เรามองช่วงที่ไม่มี catalyst จากกำไรหนุน สามารถทยอยสะสม เพื่อเก็งกำไร ราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นจากภาวะสงครามในตะวันออกกลางตึงเครียด โดยทิศทางธุรกิจของ PTTEP ยังดีกว่า pre-COVID คาดปริมาณขายเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากแหล่งใหม่ใน UAE หนุน และปันผลสูง yield 5-6% ใน 2024-25F

• SIRI (Buy, TP2.2): มุมมอง slightly positive ต่อ 3Q24 presale ที่ 10.3 พันลบ. (+36% y-y, -3% q-q) โตสูง y-y สวนทางกลุ่มฯ โดยส่วนสนับสนุนการโตส่วนหนึ่งมาจากการเปิด condo ใหม่ และมี take-up rate ค่อนข้างดี รวมถึงการขาย low-rise ใน segment บน ยังทำได้ดี ทั้งนี้ 9M24F presale อยู่ที่ 30.5 พันลบ. (+19% y-y) คิดเป็น 69% ของเป้า 2024F presale ที่ 45.0 พันลบ. (+20% y-y) ซึ่งยังมีโอกาสเป็นไปได้ แนวโน้ม 3Q24F Norm. profit คาดที่ราว 1.2 พันลบ. ลดลง y-y, q-q แต่ไม่เหนือความคาดหมาย สำหรับประมาณการ Norm. profit ปี 2024F ของเราที่ 4.7 พันลบ. คาดมี upside 5-10% ตามการโอนที่ดีกว่าคาด และทำให้ Norm. profit ปี 2024F มีแนวโน้มใกล้เคียงปีก่อน (ที่ 5.1 พันลบ.) เราคง BUY ที่ TP25F ที่ 2.20 บาท คงเป็นหนึ่งใน top pick ของกลุ่มฯ โดยมอง story ใน 4Q24F-2025F เด่น จาก business direction ใน 2H24F-2025F ที่ aggressive กว่าคู่แข่ง ทำให้มีโอกาสเพิ่ม market share ได้ต่อเนื่อง

• Soft Commodity (Neutral): สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางพาราเพิ่มขึ้น +4.1%w-w เพราะผลผลิตยางเข้าสู่ตลาดน้อยลงจากภาวะฝนตกหนักเป็นอุปสรรคต่อการกรีดยาง ขณะที่ด้านอุปสงค์ในการผลิตยางรถยนต์ยังคงเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปาล์มเพิ่ม +2.4%w-w จากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +8.4%w-w เพราะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และรายงานปริมาณส่งออกน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียเดือนกย.เพิ่มขึ้น m-m ราคาถั่วเหลืองเพิ่ม +0.5%w-w จากภาวะภัยแล้งในบราซิลอาจได้ผลผลิตต่ำกว่าคาด ราคาน้ำตาลลดลง -0.2%w-w เพราะ USDA ปรับเพิ่มประมาณการผลผลิตน้ำตาลอินเดียหลังรายงานปริมาณฝนเดือนกย.สูงกว่าอดีต

อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ราคาไก่ -2.5%w-w มาที่ 38.70บาท (ต้นทุน 37-38 บาท) ราคาสุกรทรงตัวที่ 73.50 บาท (ต้นทุน 68-77 บาท) เพราะภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทำให้กำลังซื้อลดลง ราคาสุกรจีน -2%w-w มาที่ 17.62 หยวนหรือ 83.50 บาท (ต้นทุนการเลี้ยงที่ 16.50 หยวน) เพราะความต้องการลดลงเกิดจากผู้บริโภคมีสต๊อกเพียงพอแล้วในช่วงวันหยุด Golden week ของจีน ราคาสุกรเวียดนาม -0.8%w-w มาที่ 66,500 ดองหรือ 89.34 บาท เพราะภาวะฝนตกหนักในภาคเหนือทำให้การขนส่งสุกรล่าช้า

เราให้น้ำหนักกลุ่มฯ NEUTRAL เรายังคงให้ Top pick CPF (TP25F 31) จากราคาสุกรจีน-เวียดนาม-ไทยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและปริมาณการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนถั่วเหลืองลดลง และ GFPT (TP25F 17.30) แนวโน้มการส่งออกไก่โตและราคาไก่เพิ่ม ต้นทุนถั่วเหลืองลดลง

• Hospitality (Neutral): On October 3-4, we held the "KSS Hospitality Day," with a keynote speech by Mr. Teerasil Tapen, Deputy Governor for Policy and Planning at the Tourism Authority of Thailand, who discussed trends in Thai tourism. We were also honored to welcome representatives from listed companies in the hotel sector, including AWC, CENTEL, ERW, MINT, and SHR, as well as restaurant industry leaders AU and ZEN, who shared insights on business trends.

 



4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อิสราเอล โจมตีฯ อิหร่าน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อุณหภูมิตะวันออกกลาง ร้อนขึ้นมา ทันที เมื่อ อิสราเอลโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน.....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้