Market Wrap-Up
- SET วันที่ 3 ต.ค.67 ปิด -8.67 จุด อยู่ที่ 1,442.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,538 ลบ.ต่างชาติขาย 2,768 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 641 ลบ. สถาบันซื้อ 2,741 ลบ.รายย่อยซื้อ 668 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2,826 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น GULF,BANPU,PTTEP,TLI,INTUCH และยอดขายในหุ้น CPALL,ADVANC,STA,TRUE,BDMS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,203 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,MINT,TIPH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 13,777 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 39,727 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,594 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.44%, S&P500 -0.17%, Nasdaq -0.04% จากแรงขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.25%, วัสดุ -1.15% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.58%, เทคโนโลยี +0.60% นักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และช่วงค่ำวันนี้ยังรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.93% กลุ่มรถยนต์ -2.1% หลัง Stellantis ของอิตาลีประกาสลดปันผล & ซื้อหุ้นคืนในปีหน้า, วัสดุก่อสร้าง -2% และทรัพยากรพื้นฐาน -1.7% ขณะที่พลังงาน +0.3%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลต่อภาวะสงครามอิสราเอล & อิหร่าน หลังมีการปะทะตามแนวชายแดนเลบานอน ส่งผลให้ทหารอิสราเอลเสียชิวิต 8 นาย ขณะที่ ปธ.ไบเดนหารือกับอิสราเอลต่อความเป็นไปได้ที่จะโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับขึ้น +5% และ VIX Index ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 20.49 ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐเพิ่มขึ้น 6,000 อยู่ที่ 225,000 สูงกว่าคาดที่ 221,000 ราย และ ISM ภาคบริการสหรัฐ ก.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 54.9 & ส.ค. 51.5 ค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย. คาด 144,000 & ส.ค. 142,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ก.ย. คาดที่ 4.2%
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มรถยนต์, วัสดุก่อสร้าง และทรัพยากรพื้นฐาน ที่เป็นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งรายได้ & กำไรมีแนวโน้มลดลงหากภัยสงครามในตะวันออกกลาง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ย. ลดลงอยู่ที่ 49.6 & ส.ค. 0 อยู่ในโซนหดตัว ขณะที่ผู้ว่า ธ.กลางอังกฤษเผยพร้อมลดดอกเบี้ยลงแรง ๆ หากเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดคาด BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุม 7 พ.ย. และ 19 ธ.ค. นี้
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +1.97% หลังนายก ฯ ญี่ปุ่นนายอิชิบะได้หารือกับ ปธ.BOJ นายอูเอดะ เห็นควรไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ความไม่แน่นอนสูง ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 146.8 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนฮั่งเส็งวานนี้ -1.47% ถูกแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นรับ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน
- ดัชนี SET วานนี้ -0.60% ปริมาณการซื้อขาย 57,538 ลบ. ต่างชาติขาย 2,768 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 641 ลบ. สถาบันซื้อ 2,741 ลบ. และรายย่อยซื้อ 668 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายหุ้น Big Cap. ในกลุ่มเกษตร, ไฟแนนท์, รพ., อิเล็ก ฯ, ปิโตรเคมี จากความกังวลภาวะสงครามอิสราเอล & อิหร่านจะกระทบด้านลบต่อแนวโน้มกำไรของ บจ.ในปีนี้ หากต้นทุนพลังงานปรับสูงขึ้น ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติจึงเริ่มชะลอการลงทุนในตลาด TIP โดยวานนี้ขายสุทธิ -149.9 ล.ดอลลาร์ และขายสุทธิในพันธบัตรไทย 3.59 พัน ลบ. ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ 33.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักในสัปดาห์นี้รวม 1.1 หมื่น ลบ. WTD จากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่เริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึงเป็นปัจจัยบวกช่วยพยุงดัชนี SET ส่วนการหารือระหว่าง ก.คลัง & ธปท.วานนี้ประเมินอัตราเงินเฟ้อไทยใน Q4 นี้อยู่ที่ราว 1% ส่งผลให้คาดเงินเฟ้อปี 67 อยู่ในกรอบล่างของเป้าหมาย 1 – 3 % และหารือแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน เช่นการยืดเวลาชำระหนี้ และการลดดอกเบี้ย โดยจะมีการหารืออีกครั้งใน ต.ค. นี้
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,438 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,450 – 1,460 ประเมินดัชนียังได้แรงหนุนจากเม้ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และยังรอประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนตัว เช่น CPF,TFG,TU เป็นกลุ่ม Defensive และค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า /เก็งกำไร PTTEP หลังราคาน้ำมันดิบวานนี้ + 5%
- PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ตามประเด็นข่าวสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดประคองตัวท่ามกลางราคาน้ำมันที่ผันผวนทั้งจากปัจจัยบวกและลบ ขณะที่ 3Q67 จะเห็นปริมาณขายลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงราคาขายลดลงตามราคาน้ำมัน
- CRC (ซื้อสะสม/ ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท) หนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจจากอยู่ใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ที่ AAA ส่วนการดำเนินงานปกติช่วงครึ่งปีหลัง แม้ใน 3Q67 เราะประเมินว่าการดำเนินงานจะอ่อนตัวจาก Low Season ฤดูฝน แต่จากฐานต่ำในธุรกิจฝั่งเวียดนาม และงบประมาณที่ล่าช้าของไทยในช่วงก่อน คาดว่าธุรกิจ HARDLINE มีฐานที่ต่ำแล้ว และภาพรวม 2H67 ยังมีโอกาสฟื้นตัว โดยในช่วง 4Q67 จะเป็น High Season รวมถึงได้ Demand จากสินค้าซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม คาดว่าจะเห็นกำไรที่ฟื้นตัวได้ชัดมากขึ้น QoQ YoY ปัจจุบัน คาดกำไรสุทธิ CRC ปี67 และ 68 ที่ 8,397 ลบ.(+5%YoY) และ 9,626 ลบ.(+15%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ย. +$3.61 อยู่ที่ $73.71 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$3.72 อยู่ที่ $77.62/บาร์เรล จากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง หลัง ปธ.ไบเดนหารืออิสราเอล ต่อความเป็นได้ที่จะโจมตีคลังน้ำมันของอิหร่าน โดยปัจจุบันอิหร่านมีกำลังการผลิตน้ำมัน 3.2 ล.บาร์เรล/วัน คิดเป็น 3% ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$9.50 อยู่ที่ $2,679.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุนหลังปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น และรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย.
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -149.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -83.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -71.53 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +5.09 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.848 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -37 จุด อยู่ที่ 1,941
(-) BitCoinเช้านี้ -0.10% อยู่ที่ 60,957 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
(ก.ย.) สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
30 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.)
01 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)
02 ต.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
03 ต.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
04 ต.ค. US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th