สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 4 ตุลาคม 2567 )------นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ERW เปิดเผยว่า ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด (“EHI”)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ดำเนินกิจการโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทภายใต้แบรนด์HOP INN ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นในเอเซียแปซิฟิค ได้เข้าทำสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Share Subscription Agreement) (“สัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน”) กับ Lapis Hospitality Pte. Ltd. (“Investor”)ซึ่งเป็นบริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุน LombardAsia V, L.P. เพื่อให้Investor จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 57,534,247 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 16.09ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 700,000,000 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12.17 บาทต่อหุ้น ในการนี้บริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Agreement) (“สัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น”) เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ทั้งนี้ธุรกรรมดังกล่าวจะบรรลุผลต่อเมื่อการดำเนินการต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งรวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขบังคับก่อน โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันโดยโครงสร้างการลงทุนใน EHI ก่อนและหลังการทำรายการเป็นดังนี้
-กลุ่มบริษัทฯ หลังการทำรายการร้อยละ 83.91 จากเดิมถือร้อยละ 100.00
-Investor หลังการทำรายการร้อยละ 16.09 จากเดิมถือร้อยละ -
การเข้าทำธุรกรรมสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น มีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้
1. EHI จะเริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป ทั้งนี้ขึ้นกับผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของ EHI ตลอดจนสภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขและข้อตกลงใดๆ ในการที่บริษัทฯจะรับซื้อหุ้นคืนจาก Investor
2. EHI จะดำเนินการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (ESOP- Warrant) ในสัดส่วนไม่เกิน 4% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้ว ให้แก่ ผู้บริหารและกรรมการ ของ EHI ในเวลาที่เหมาะสม โดยราคาใช้สิทธิจองซื้อไม่ต่ำกว่า 12.17 บาทต่อหุ้น
การเข้าลงทุนใน EHI ของ Investor นี้จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจโรงแรมระดับบัดเจ็ทของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์HOP INN ทั้งในประเทศไทยและในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก โดยจะก่อให้เกิดความร่วมมือในการแสวงหาโอกาสในการเติบโตขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่จะเป็นผู้นำเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทในเอเชีย แปซิฟิก ได้ตามเป้าหมายที่ได้ประกาศไว