Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

580

 

 

"Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1465/1472 จุด รับ 1444/1438 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัว ดัชนี S&P500 +0.01% รอติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง ซึ่งยังไม่มีความรุนแรงเพิ่มเติม KSS ยังให้น้ำหนักเป็นการจำกัดวงระหว่างคู่กรณี แม้น้ำมันจะขึ้นต่อเฉลี่ย 0.4% ประกอบกับรายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP) ดีกว่าคาด หนุน US Bond Yield 10ปี รีบาวน์ +5 bps ก่อนตลาดรอติดตามรายงาน PMI ภาคบริการ (ISM) วันนี้และ Nonfarm Payrolls + อัตราว่างงาน พรุ่งนี้ ส่วนภายในวันนี้ติดตามการหารือกันระหว่าง BOT และกระทรวงการคลัง เงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าช่วงสั้น (เช้านี้ 33บาทต่อเหรียญ) น่าจะเริ่มจำกัดที่ 33.2บาทต่อเหรียญฯ+/- ด้วยปัจจัยกดดันใหม่ๆ ไม่มี คาด SET จะเริ่มฟื้นตัว จากแรงหนุนเม็ดเงิน Domestic Long-term Funds ที่เห็นการซื้อมีนัยต่อเนื่อง 2 วันนับจากเม็ดเงินวายุภักษ์เริ่มลงทุนได้ หุ้นคาดเด่นกว่าตลาด คือ กลุ่มน้ำมัน หุ้น Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร – ประมูลคลื่นใหม่ ลดต้นทุน) กลุ่มได้ประโยชน์ซ่อมแซ่มหลังน้ำท่วม วันนี้แนะนำ CPAXT, ADVANC, TRUE เด่น

 

Daily outlook: "ฟื้นตัว" ต้าน 1465/1472 จุด รับ 1444/1438 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวออกข้าง ความตึงเครียดสงครามตะวันออกกลางยังไม่รุนแรงจากวันก่อน และตัวเลขแรงงานสหรัฐแกร่ง Dow jones (+0.09%) Saleforce +3.2% , United Health +1.54% ,NIKE -6.7%), S&P500 0.01%d-d Nasdaq 0.08%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นมีเพียงแค่กลุ่ม Energy, IT, Financilas Utilities ส่วนกลุ่มที่ปรับลงและ Underperform นำโดย Consumer staples, Consumer discretionary , ICT ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น Alibaba ADR +2.23% ปรับขึ้นต่อเนื่องรับข่าวรัฐบาลจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ, กลุ่ม Semiconductor Rebound จากวันก่อนหน้าที่ปรับลง อาทิ NVDIA +1.58% ฯลฯ Tesla –3.5% หลังเผยยอดส่งมอบรถยนต์ต่ำคาดใน 3Q24 ฯลฯ

(*) US Econ : 1.)ยอดการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) เดือน ก.ย. +1.43 แสนราย ดีกว่าตลาดคาดที่ 1.24 แสนราย Prev. 1.03 แสนราย ประเมินมีโอกาสทำให้อัตราการว่างงานสหรัฐ ที่จะประกาศวันศุกร์มีแนวโน้มออกมาลดลง หรือดีกว่าคาด ทำให้ยังคงมองภาพเศรษฐกิจสหรัฐเป็น Soft landing 2.)MBA 30 ปั Mortgage Rate สัปดาห์ล่าสุด อยู่ที่ 6.14% ทรงตัวจากก่อนหน้าที่ปรับลดลงต่อเนื่อง 13 สัปดาห์ติด สะท้อนภาพเงินเฟ้อหมวด Shelter สหรัฐมีแนวโน้มลง

(*/+)Iphone Play : Apple เตรียมเปิดตัว IphoneSE รุ่นใหม่ซึ่งจุดเด่น คือจะใช้ดีไซน์ทันสมัย ตัดปุ่ม Home ออก และราคาลดลงเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีงบจำกัด และบริษัทเตรียมเปิดตัว iPad mini ปี 204 และ iPad Air สำหรับปี 2025 มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นขายมือถือ Iphone อาทิ SPVI CPW COM7 JMART ADVICE โดยหุ้นที่มียอดขาย IPhone สูง หรือฐานยอดขายสินค้า Apple ยังต่ำ คือ COM7 และ ADVICE แนะนำเก็งกำไร

(*/+) Container Stocks : แรงงานท่าเรือสหรัฐหยุดงานประท้วงหลังจากการเจรจาสัญญาจ้างงานฉบับใหม่ล้มเหลว นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี และคาดว่าจะกระทบการขนส่งทางทะเลของสหรัฐราว 50% ของทั้งหมด ปัญหาดังกล่าวคาดว่าจะทำให้เรือขนส่งสินค้าต่างๆ จะต้องลอยลำในทะเลนานขึ้นทำให้ซัพพลายกองเรือตึงตัวอาจเป็นปัจจัยหนุนค่าระวางเรือโดยเฉพาะกลุ่มเรือคอนเทนเนอร์ในช่วงสั้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อ RCL

(*) Geopolitical Risk: สงครามในตะวันออกกลาง สถานการณ์ล่าสุด 1.)อิหร่านเผยการตอบโต้อิสราเอลสิ้นสุดลงแล้ว อิหร่านไม่ต้องการทำสงคราม แต่ขู่โจมตีเพิ่มขึ้นขึ้นหากอิสราเอลตอบโต้ มองเป็นจิตวิทยาบวกสะท้อนสงครามอาจไม่รุนแรง 2.) อิสราเอลประกาศจะตอบโต้อิหร่าน หลังอิหร่านถล่มหลายจุดในเมืองเทล อาวีฟ และทหารอิสราเอลปะทะฮิซบอลเลาะห์หลังรุกภาคพื้นดินเข้าดินแดนเลบานานอน KSS แนะนำติดตามประเด็นนี้ หากความขัดแย้งรุนแรงขึ้น หากเป็นการขยายวงกว้างหลายประเทศ หรือ กรณีตอบโต้รุนแรงต่ออิหร่าน ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อราคาน้ำมันระยะสั้น แต่หากไม่ขยายวงมองกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นเท่านั้น โดยสถานการณ์ต่อตลาดหุ้นผลเริ่มจำกัด อิงVIX Index เริ่มชะลอการขึ้นและไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่และปรับลงที่ 20 จุด

(*) OPEC Meeting : ที่ประชุม OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามคาด คือ ปรับลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน (การประชุมครั้งต่อไป 1 ธ.ค. 2024)

(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 3 ต.ค. PMI ภาคบริการ (ISM) ไม่มีคาด vs prev. 52.5 จุด 4 ต.ค. ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ย.24 ตลาดคาด 1.4 แสนตำแหน่ง vs prev. 1.42 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงาน ตลาดคาด 4.2% vs prev. 4.2%

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ พลิกปรับลง อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +3 bps อยุ่ที่ 3.637% อายุ 10 ปี +5 bps อยู่ที่ 3.78% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI กลุ่มธนาคาร KBANK, KTB ส่วน Dollar Index แข็งค่า 101.3

(*/+) Oil : น้ำมันดิบบวกต่อเป็นวันที่ 4 แต่ลดช่วงบวกระหว่างวัน อิง Brents +0.46%d-d ปิดที่ US$ 73.56/barrel. น้ำมันดิบ West Texas +0.39%d-d ปิดที่ US$ 70.1/barrel แรงหนุนจากความตึงเครียดสงครามในตะวันออกกลาง ผสานคาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของทางการที่ออกมาต่อเนื่อง แต่ระหว่างวันลดช่วงบวกหลัง EIA เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ+ 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางตลาดคาดลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

(*/-) Rubber : คณะกรรมาธิการยุโรปได้สนับสนุนและเสนอให้ขยายระยะเวลาปรับตัวสำหรับ EUDR อีก 12 เดือน จากเดิมเริ่ม 30 ธ.ค. 24 ขยายเป็น 30 ธ.ค. 25 สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ และจาก 30 มิ.ย. 25 ขยายเป็น 30 มิ.ย.26 สำหรับบริษัทขนาดเล็ก (ข้อเสนอดังกล่าวต้องผ่านการอนุมัติจาก European Parliament อีกครั้งหนึ่ง KSS ประเมินเป็น"ลบ" ต่อราคาหุ้นกลุ่มยางพารา เนื่องจากก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นกลุ่มยาง ได้สะท้อนความคาดหวังต่อประเด็น EUDR ไปค่อนข้างมาก และราคายางในตลาดโลกที่ขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเพราะ Demand ของ EUDR ในเชิงพื้นฐานส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจากยังไม่มีการขายยาง EUDR อยากมีนัยสำคัญ ระยะสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มยางพารา โดยเฉพาะ STA, TEGH ที่เน้นเรื่อง EUDR

 

What happened in Thailand ?

(*/-) SET : SET Index ปรับตัวลดลง -13.26 จุด (-0.91%) ปิดที่ 1451. จุด ตอบรับปัจจัยบวกเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท ทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้น กลุ่มหนุน คือ กลุ่ม REIT และกองทุนอสังหาฯ (LPF, CPNREIT, WHART) มองจิตวิทยาบวกวงจรดอกเบี้ยขาลง US Bond Yield ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง กลุ่มเหล็ก (TMT, PAP, TSTH) ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กปรับขึ้น Outperform ตลาด มีจิตวิทยาบวกจากราคาสินแร่เหล็ก และ เหล็กเส้นปรับขึ้นต่อเนื่อง คาดหวังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอสังหาฯ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC) กังวลราคาพลังงานสูงขึ้นกระทบต้นทุนการผลิต ผสานกับค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นจิตวิทยาลบเนื่องจากมีหนี้เป็น US dollar สูง อย่างไรก็ตามเราคงมุมมองบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GULF, GPSC, BGRIM) มีปัจจัยหนุน Sentiment จากข่าวเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ ผสานกับกระแส Green energy รองรับอุตสาหกรรม Could และ Data Center กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) มองเป็นการขายทำกำไร

(-) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -105 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -163.7 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net short 25,077 สัญญา เงินบาทสลับอ่อนค่า 32.9 +/- บาท

(+) Vayupak: นับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถบันในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 8.1 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น (ดังรูปด้านล่าง) คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน (เส้นสีน้ำตาล) ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ (เส้นสีเทาเข้ม) ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(*/+) ICT: กสทช. คาดว่าจะเปิดประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ 1Q25 ได้แก่ 850,1500, 1800, 2100 และ 2300 MHz ประกอบด้วยทั้งคลื่นความถี่ที่ผู้ให้บริการปัจจุบันถืออยู่เดิม (850, 1800, 2100 และ 2300 MHz) นักวิเคราะห์พื้นฐานคาด ADVANC และ TRUE เลือกประมูลคลื่นเดิมที่ใช้งานอยู่กลับมา คือ 850, 1800, 2100 และ 2300 MHz ในราคาต่ำกว่าต้นทุนปัจจุบัน มองเป็น Upside เพิ่มเติมต่อกำไร หนุนหุ้นในกลุ่มสื่อสารอยู่ใน Upcycle เชิงกลยุทธ์เรายังให้ Overweight แนะนำทั้ง ADVANC และ TRUE

(*/+) Flood: สทนช. เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมเดือน ต.ค. 67 พบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณฝนลดลง เนื่องจากร่องความกดอากาศบริเวณพื้นที่ตอนบนของประเทศจะขยับเลื่อนลง ส่งผลให้มีฝนตกบริเวณภาคกลาง ก่อนจะขยับลงไปสู่พื้นที่ภาคใต้ในช่วงหลังวันที่ 15 ต.ค. 67 สถานการณ์โดยรวมบ่งชี้ภาพผลกระทบน้ำท่วมเกิดเป็นรายพื้นที่ > วงกว้างดังเช่นปี 2011 ผสาน เม็ดเงินซ่อมแซ่มครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่รัฐฯ จะอนุมัติให้ครัวเรือนละ 9,000 บาทสัปดาห์หน้า มองหนุนหุ้นกลุ่มจำหน่ายสินค้าปรับปรุง+ซ่อมแซ่มบ้าน อาทิ HMPRO DOHOME GLOBAL เน้น GLOBAL มีสาขาในพื้นที่ภาคเหนือ+ตะวันออกเฉียงเหนือสูง 70% ของสาขาทั้งหมด ผสาน ราคาเหล็กโลกฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หนุนยอดขายและมาร์จิ้นกลุ่มสินค้าเหล็กที่มีสัดส่วน 20% ของยอดขาย

(*/+) Data Center: หลังจาก Google ประกาศลงทุน Data Center และ Cloud ในไทย 1.0 พันล้านเหรียญฯ วานนี้ BOI เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโครงการ Data Center และ Cloud Service ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอรวม 46 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.68 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง อิงเม็ดเงินดังกล่าว ผสาน ส่วนเพิ่มจาก Google เราประเมินกำลังให้บริการส่วนเพิ่มราว 400-500 MW เรามองเป็นการเพิ่มที่มีนัยฯจากฐานปัจจุบันของไทยที่มีราว 70 +/- MW หากตั้งสมมติฐานการสร้าง 4-5 ปีข้างหน้า จะคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยใกล้เคียง KSS ประเมิน 40-45% p.a. สูงกว่าภาพรวมโลกเติบโต 8% p.a. สัญญาณดังกล่าวยืนยันภาพโอกาสเติบโตรอบใหญ่ของหุ้นในธีม Infrastructure Technology เน้นหุ้นต้นน้ำ-กลางน้ำ WHA, INSET, GULF, GPSC, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK

(*) Utilities: สำนักงาน กกพ. กำหนดกรอบระยะเวลาและกระบวนการเพื่อประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ภายใต้ประกาศ กกพ. เรื่อง รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed – in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) ถือเป็นประเด็นเดิมที่มีความคืบหน้าเป็นทางการ จิตวิทยาบวกต่อ GULF, GUNKUL

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม 1. ) ติดตามการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังกับ BOT ในส่วนเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว และกรอบเงินเฟ้อใหม่ 2.) ปลายสัปดาห์เข้าสู่เทศกาลกินเจ 3-11 ต.ค. 24 มองจิตวิทยาลบกลุ่มจำหน่ายเนื้อสัตว์ (CPF, GFPT, BTG) และจิตวิทยาบวกต่อหุ้นได้ประโยชน์ช่วงเทศกาลกินเจ (CPALL, TVO) และ 3.) 1-7 ต.ค. ติดตาม กระแสท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงวันหยุดยาว (Golden Week) มองกระแสมีโอกาสคึกคัก หนุนจิตวิทยาบวกต่อหุ้นการบิน ท่องเที่ยว และกลุ่ม China Plays

 

Daily Strategy : CPAXT, ADVANC, TRUE เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "ฟื้นตัว" แม้ตลาดยังรอติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แต่ยังไม่มีประเด็นลบเพิ่มเติม แต่ราคาน้ำมันยังแกว่งขึ้นเล็กๆ ต่อเนื่อง ส่วนภายในติดตามการหารือระหว่าง BOT และกระทรวงการคลัง เรามองเงินบาทสลับอ่อนค่า และ สถานการณ์ตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้น น่าจะทำให้ BOT สงวนท่าทีดอกเบี้ย แต่หากมีสัญญาณ Dovish จะเป็นบวกต่อ SET ส่วนแรงขับเคลื่อนมองความต่อเนื่องเม็ดเงินลงทุนระยะยาวภายใน โดยรวมจากภาพดังกล่าว มองหุ้นเด่นกว่าตลาดวันนี้ 1) กลุ่มน้ำมัน 2) กลุ่ม Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก) 3) กลุ่ม ICT รับภาพการเปิดประมูลคลื่นเดินหน้า คาดผู้ประกอบการประมูลคลื่นเดิมที่นำกลับมาประมูลใหม่ด้วยต้นทุนลดลงเป็น Upside และ 4) กลุ่มได้ประโยชน์ซ่อมแซ่มหลังน้ำท่วม

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• INTUCH (Buy, TP105): Despite the big jump in the share price over the past couple of months, we reiterate our Buy rating and lifted TP to Bt105 (5% discount to ADVANC's NAV) from Bt98 to reflect our TP upgrade from ADVANC. Investing INTUCH at this price will exposure investors not only to strong EPS in 3Q24 with upside but also to high DPS of at least Bt6 in case of green light from EGM (today) to merge with GULF. Despite no EPS upgrade, dividend yield at this price is lofty at 6%

• ICT (Bullish): We remain bullish on the sector as earnings and FCF will continue to rise. We maintain our earnings estimate that earnings growth for the sector this year will be 89% yoy and be up by 10% yoy in 2025F. The spectra to be auctioned next year will be earnings accretive due to little competition. BUYers on both ADVANC and TRUE. But TRUE remains our top pick with TP of Bt13.2.

•AOT (Trading Buy, TP64.5): เรามอง Neutral ต่อแนวโน้มกำไร 4Q24F ที่ 3.9 พันลบ. (+14% y-y -14% q-q) โต y-y ตามปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน แต่ลด q-q ตามฤดูกาล ขณะที่แนวโน้มกำไร 1Q25F ฟื้นเด่น y-y q-q จากการเข้าสู่ High season ราคาหุ้น AOT เพิ่มสะท้อนการฟื้นของปริมาณผู้โดยสารแล้ว แต่ยังมี Upside risk จากอีกหลายโครงการที่จะมีความชัดเจนในปี 2024F เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น Trading Buy (เดิม Buy) คงราคาเป้าหมาย (TP25F) 64.50 บาท

•CPAXT (Buy, TP41): เราคาดราคาหุ้น CPAXT ในวันนี้มีโอกาสปรับขึ้นเหนือ 33 บ. (ราคาเทียบเท่าก่อน SP) เพื่อตอบรับ i) มาตรการแจกเงินหมื่นแก่กลุ่มเปราะบาง , ii) SSSG เดือนก.ย.ที่ยังดูดีกว่ากลุ่ม โดยเฉพาะโลตัสส์ที่โตดีขึ้น m-m และ iii) ความคาดหวังการเกิด Synergies ที่มากขึ้น โดยตามแผน บริษัทตั้งเป้า 5 พันลบ.ใน 2-3 ปี และเรารวมอยู่ในประมาณการกำไรปี 25-27F ราว 50%ของเป้าบริษัท คาดหนุนการเติบโตกำไรปกติปี 25-27F เป็น +18%CAGR จากปี 22-24F โต+15% แนะนำ BUY ราคาเป้าหมายปี 25F ที่ 41 บ.

 


4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้