AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ฟื้นกลับตามกรอบ 1450-1465
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดฟื้นตัวตามกรอบ 1450-1465 จุด จากสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน ยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มเติม ที่คาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นบ้านเราดีดกลับขึ้นมาตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ และภูมิภาค สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้เลือก CPAXT ที่กลับมาซื้อขายวันแรก หลังปรับโครงสร้างธุรกิจที่รวมแมคโครและโลตัสช่วยเพิ่ม Synergy ระยะยาว และ TRUE ได้ประโยชน์จากการรีไฟแนนซ์ลดต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม Upside ต่อประมาณการ

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล ยังไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มเติม ล่าสุดติดตามท่าทีฝั่งอิสราเอลว่าจะตอบโต้อิหร่านอย่างไร ทำให้นักลงทุนเคลื่อนความสนใจไปที่ประเด็นทางเศรษฐกิจ ซึ่งสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 แสนตำแหน่งมากกว่าตลาดคาด 1.25 แสนตำแหน่งและมากกว่าเดือนก่อนที่ 1.03 แสนตำแหน่ง ทำให้ตลาดตีความเชิงบวกต่อตลาดแรงงาน หนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้นในช่วง +0.01% ถึง +0.09% ด้านสินทรัพย์ที่อ่อนไหวต่อสงครามอย่างทองคำแกว่งทรงตัวและราคาน้ำมันดิบ Brent ลดช่วงบวกมาที่ 0.5% ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นแรง +2% หนุนเพิ่มเติมนายกฯญี่ปุ่นให้ความเห็นว่าปัจจุบันยังไม่สนับสนุนต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ ของ BOJ สภาพแวดล้อมข้างต้นคาดว่าจะเป็นบวกต่อ SET Index ในวันนี้

ด้านทิศทาง Fund Flow วานนี้นักลงทุนต่างชาติขายหนัก 5.36 พันล้านบาท เป็นไปในทิศทางเดียวตลาดหุ้นภูมิภาค (วานนี้ขายสุทธิตลาดหุ้นอินโดนิเซีย 43 ล้านเหรียญฯ ตลาดหุ้นมาเลเซีย 39 ล้านเหรียญฯ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ 246 ล้านเหรียญฯ และตลาดหุ้นไต้หวัน 211 ล้านเหรียญฯ) แรงกดดันมาจากความกังวลต่อความตึงเครียดตะวันออกกลาง แต่จากสถานการณ์ล่าสุดที่ไม่ได้บานปลาย เราเชื่อว่าสุดท้ายเม็ดเงินจะไหลกลับมาเพื่อหาผลตอบแทนจากทิศทางดอกเบี้ยฯโลกที่เป็นขาลง สำหรับประเด็นติดตามวันนี้การหารือร่วมกันระหว่าง รมว.คลังและผู้ว่า ธปท. เพื่อลดผลกระทบของค่าเงินบาทแข็งค่า ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในวันนี้ ฝั่งสหรัฐฯเป็นการรายงาน Initial Jobless Claim และ ISM ภาคบริการเดือน ก.ย. 67 (คาดที่ 51.7 ดีกว่าเดือนก่อน 51.5)

Market Summary
SET Index ปรับลง 0.7% กดดันจากความกังวลต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล กลุ่มที่ปรับลงแรง คือ กลุ่มเกษตรฯ STA -2.2% NER -3.7% กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL -3% ERW -1.3% และกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ -1% DELTA -1% HANA -3.4% ด้านกลุ่มที่บวกสวน PTTEP +2.3% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ กลุ่ม High Yield CPNREIT +0.8% TISCO +0.3% เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5.36 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPAXT TRUE

TRUE ดอกเบี้ยลด กำไรเพิ่ม
วานนี้มีรายงาน TRUE ประสบความสำเร็จในกู้เงิน 1.41 แสนล้านเยนหรือคิดเป็นวงเงิน 3.3 หมื่นล้านบาทเพื่อนำไป รีไฟแนนซ์หนี้เดิมสกุลดอกลลาร์ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทถูกลงร้อยละ 80 สตางค์ ซึ่งเราคาดต้นทุนดอกเบี้ยที่ปรับลง 10 bps ใน 2H67 จะสร้าง Upside ต่อประมาณการปี 2567 ของเรา 2%
นอกจากนี้กำไรปกติปี 67/68 ของเราสูงกว่า BB Consensus 50%/46% โดยคาดกำไรรายไตรมาสจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึง 3Q68
ส่วนกำไร 3Q67 คาดว่ากำไรหลักจะเติบโตแข็งแกร่ง +13% QoQ มาจากการลดค่าใช้จ่าย เช่น การรื้อถอนเสาโทรคมนาคมและการลดร้านค้า และ Turnaround จากขาดทุนเมื่อเทียบ 3Q66 เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12.80 บาท

CPAXT กลับมาเทรดวันแรก
พร้อม Upgrade เป็น Buy
CPAXT กลับมาซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก ซึ่งจะมีการปรับโครงสร้างที่รวมกิจการของแม็คโครและโลตัส โดยบริษัทฯตั้งเป้า การ synergy จะช่วยลดต้นทุนและประหยัดงบลงทุนรวม 5 พันล้านบาทภายใน 3 ปี โดยครึ่งหนึ่งจะมาจากการลดต้นทุน ซึ่งมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 67/68 ขึ้น 1%/4%
กำไรสุทธิ 3Q67E คาดลดลง 6% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้น 22% YoY จากยอดขายจะเติบโต 4% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 33bps YoY จากยอดขายอาหารสดที่เพิ่มและการเปลี่ยนบันทึกบัญชีรายได้การให้บริการมาบันทึกในต้นทุนขาย
หุ้นซื้อขายที่ PE68 ที่ 27.5 เทียบกับกลุ่มค้าปลีกเฉลี่ยที่ 22.8 เท่า เราเชื่อว่า valuation ของ CPAXT ควรได้รับพรีเมียม เนื่องจากการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่ 20% ในปี 68 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 14%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 37.25 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปรับฐานจากความกังวลต่อภาวะความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยกระดับมากขึ้น ตลาดที่ขึ้นแรงก่อนหน้าก็กลับมาปรับฐานแรงและ Underperform นำโดยญี่ปุ่น เกาหลี ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นไปตามกระแสเงินทุนต่างชาติที่ระยะสั้นพลิกกลับมาขายทั้งภูมิภาค โดยขายสุทธิหุ้นไทยอีก -5.36 พันล้านบาท ต่อเนื่องติดกันเป็นวันที่หก รวมสะสม -1.17 หมื่นล้านบาท

ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ADP เดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น +1.43 แสนตำแหน่ง ดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.25 แสนตำแหน่ง และเร่งตัวขึ้นจาก +1.03 แสนตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของตัวเลขภาคแรงงานรายเดือนที่รายงานเป็นตัวแรกๆ โดยจะมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงาน ที่จะรายงานต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์

สัญญาณในตลาดการเงินโลก 1) Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ดีดขึ้นแตะ 3.8% ทำจุดสูงสุดรอบกว่า 1 เดือน 2) Dollar index แตะ 101.47 จุด

EYES ON
2 ต.ค. ISM ภาคบริการ, การจ้างงานเอกชน ADP
3 ต.ค. PPI เดือน ก.ย. ของ Eurozone
4 ต.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ