News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

3 ต.ค. 2567 09:06:38 456

Market Wrap-Up

SET วันที่ 2 ต.ค.67 ปิด +13.26 จุด อยู่ที่ 1,451.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,903 ลบ.สถาบันซื้อ 4,655 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,065 ลบ. ต่างชาติขาย 5,361 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 359 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,349 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,INTUCH,RABBIT,AOT,GULF และยอดขายในหุ้น TRUE,AAV,ADVANC,CPALL,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,102 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,SCGP,MINT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 25,077 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 25,950 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,435 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.09%, S&P500 +0.01%, Nasdaq +0.08% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.1%, เทคโนโลยี +0.59% หลัง ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ย. สูงกว่าคาด โดยตลาดยังกังวลต่อสถานการณ์การโจมตีระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.05% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.6% และกลุ่มผู้ผลิตอาวุธ เช่น ไรน์เมทัลของเยอรมัน +1%, Saab ของสวีเดน +2.5%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ทรงตัว หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธกว่า 200 ลูกในวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ ปธ.ไบเดนไม่สนับสนุนให้อิสราเอลโจมตีฐานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และให้ปฏิบัติการแบบพอเหมาะ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงาน +1.1% จากความไม่แน่นอนสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ย. เพิ่มขึ้น 143,000 สูงกว่าคาดที่ 128,000 ตำแหน่ง โดยค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ย. คาด 144,000 & ส.ค. 142,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ก.ย. คาดทรงตัวที่ 4.2%
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ทรงตัว รอประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอัตราว่างงานยูโรโซน ส.ค. อยู่ที่ 6.4% ตามคาดการณ์ โดยนายหลุยส์ เดอ กินดอส รอง ปธ.ECB เผยเศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มชะลอตัวในระยะสั้น แต่คาดจะฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป นักลงทุนรอผลการประชุม ECB วันที่ 17 ต.ค. ซึ่ง Citi Group คาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% และมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อใน ธ.ค. และต้นปี 68
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -2.18% จากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง +6.2% ได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นภาคอสังหา ฯ จีน ที่อนุญาตให้คนนอกท้องถิ่นสามารถซื้อที่อาศัยในเมืองใหญ่ได้ เช่น เซี่ยงไฮ้, เซินเจิ้น, กวางโจว รวมถึง ม.ลดดอกเบี้ยเงินกู้ซื้ออสังหา ฯ และลดอัตราเงินดาวน์บ้านหลังแรกและหลังที่สอง ส่วนวันนี้ตลาดหุ้นจีน, เกาหลีใต้ปิดในวันชาติ และตลาดไต้หวันปิดหลังพายุไต้ผุ่นเข้าเกาะ
ดัชนี SET วานนี้ -0.91% ปริมาณการซื้อขาย 57,903 ลบ. ต่างชาติขาย 5,361 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 359 ลบ. สถาบันซื้อ 4,655 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,065 ลบ. จากแรงชายหุ้น Big Cap ในกลุ่มโรงไฟฟ้า, ไอซีที, รพ., ท่องเที่ยว และขนส่ง หลังอิหร่านได่โจมตีตอบโต้อิสราเอล ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มต้นทุนพลังงานอาจสูงขึ้น ซึ่งกระทบด้านลบต่อภาคการผลิตไทย ขณะที่ภาคท่องเที่ยวไทยที่คิดเป็นสัดส่วน GDP ราว 15% อาจทำรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายหากสงครามยืดเยื้อ ซึ่งถือว่าเป็น Downside Risk ของ GDP ไทยปีนี้ที่ตั้งเป้าการเติบโตที่ 3% จากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิ -197.5 ล.ดอลลาร์ และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย -3.4 พัน ลบ. ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การหารือระหว่าง ก.คลัง & ธปท. ในประเด็นค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว รวมถึงโอกาสที่ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 – 1,445 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,460 – 1,470 ประเมินดัชนียังฟื้นตัวได้จำกัด ระหว่างรอประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่ยังได้แรงหนุนเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ แนะนำทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนตัว กลุ่มค้าปลีก CPALL,GLOBAL,DOHOME,HMPRO/ CPF,TFG,STA เป็นกลุ่ม Defensive และค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า / เก็งกำไร KTB, BEM, KCG มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
CPN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 81.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2H67 เติบโต YoY หนุนจากรายได้ศูนย์การค้าเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ 2 แห่งในช่วง 1Q67 ประกอบกับธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยว ส่วนธุรกิจอสังหาฯ ยังมี backlog ที่รอโอนอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่อง ด้านแผนการลงทุนวาง capex 1.5 หมื่นล้านบาท ในโครงการ central กระบี่ และรีโนเวทศูนย์การค้า Central ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ บางนา และเชียงใหม่แอร์พอร์ต คาดทยอยดำเนินการเสร็จในปี 68-69 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี อิง Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 64 หมื่นล้านบาท +9%YoY และปี 68 อยู่ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท +8%YoY
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นลบ./ EBITDA>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม ทั้งนี้ เบื้องต้น ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ลบ.(+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ย. +$0.27 อยู่ที่ $70.10 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$0.34 อยู่ที่ $73.90/บาร์เรล จากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่ EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3.9 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 1.5 ล.บาร์เรล ส่วนที่ประชุม JMMC ของโอเปกมีมติคงการลดกำลังการผลิตที่ 5.86 ล.บาร์เรล/วัน

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$20.60 อยู่ที่ $2,669.70 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.48% อยู่ที่ 101.677 โดยทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงปัจจัยเสี่ยงภูมิศาสตร์ในตะวันออกกลางสูงขึ้น

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -197.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -163.66 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -43.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +9.60 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.796 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -52 จุด อยู่ที่ 1,978

(-) BitCoinเช้านี้ -0.67% อยู่ที่ 61,107 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

(ก.ย.) สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

30 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.)

01 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

02 ต.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

03 ต.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

04 ต.ค. US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS