News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

2 ต.ค. 2567 08:55:04 504

Market Wrap-Up

SET วันที่ 1 ต.ค.67 ปิด +15.83 จุด อยู่ที่ 1,464.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,588 ลบ.สถาบันซื้อ 3,464 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 282 ลบ. ต่างชาติขาย 1,715 ลบ.รายย่อยขาย 2,031 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 318 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,AOT,DELTA,SCB,HANA และยอดขายในหุ้น ADVANC,KBANK,TTB,PTT,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,058 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TLI,TCAP,TOP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,715 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 51,027 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,033 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.41%, S&P500 -0.93%, Nasdaq -1.53% กลุ่มสายการบินปรับลดลง ขณะที่กลุ่มพลังงานและผู้ผลิตอาวุธปรับขึ้น หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.38% โดยกลุ่มสินค้าส่วนบุคคล -1.7%, สินค้าในครัวเรือน -1.3% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.3% และบริษัทผู้ผลิตอาวุธ เช่น Saab ของสวีเดน +3.5%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังอิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธกว่า 200 ลูก เพื่อเป็นการตอบโต้อิสราเอลหลังบุกเข้าโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ขณะที่ ปธ.ไบเดนสั่งให้กองทัพช่วยเหลืออิสราเอลในการป้องกันประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลภาวะสงครามอาจขยายวงมากขึ้น โดย VIX Index ปรับขึ้น +15.1% อยู้ที่ระดับ 19.26 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ Jolts เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8.04 ล.ราย & ก.ค. 7.67 ล.ราย & คาด 7.6 ล.ราย ขณะที่ PMI ภาคการผลิตสหรัฐ ก.ย. อยู่ที่ 47.3 & ส.ค. 47.9 หดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ค่ำวันนี้ติดตาม ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ก.ย. คาดเพิ่มขึ้น 124,000 & ส.ค. 99,000 ตำแหน่งงาน รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ Euro Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 2.045% เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนข้อมูล CPI ยูโรโซน ก.ย. ปรับลดลงอยู่ที่ 1.8% & ส.ค. 2.2% YoY ส่งผลให้ ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 ต.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ตลาดหุ้นจีน & ฮ่องกงปิดในวันชาติจีน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดในวันกองทัพ ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +1.93% ได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่า หลังนโยบายการเก็บภาษีเงินได้จากเงินลงทุนของนายอิชิบะ นายกคนใหม่ของญี่ปุ่นคาดอาจยังไม่เกิดในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจต้องรอผลการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 ต.ค.ขณะที่ดัชนีนิเกอิเช้านี้ -1.4% จากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง
ดัชนี SET +1.09% ปริมาณการซื้อขาย 52,588 ลบ. สถาบันซื้อ 3,464 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 282 ลบ. รายย่อยขาย 2,031 ลบ. และต่างชาติขาย 1,715 ลบ. ได้แรงหนุนจากหุ้น Big Cap.ในกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, ขนส่ง, ท่องเที่ยว ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ ส่วนกลุ่มไอซีที, โรงไฟฟ้า, อิเล็ก ฯ ก็ได้ปัจจัยหนุนจากข่าว Google ประกาศแผนลงทุน Data Center และ Cloud Region ในไทยมูลค่าเงินลงทุน 3.5 หมื่น ลบ. ในช่วงปี 2568 – 2572 ขณะที่ค่าเงินบาทวานนี้อ่อนค่าอยู่ที่ 32.49 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลบวกไปยังหุ้นกลุ่มส่งออกเกษตรอุตสาหกรรม เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดปริมาณส่งออกยังเติบโตได้ดีจนถึง Q4 นี้ โดยภาพรวมดัชนีได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสน ลบ. ที่เริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย กอปรกับเริ่มเข้าสู่ช่วงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 68 โดยช่วงแรกคงเน้นไปที่งบช่วยเหลือฟื้นฟูจากภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ส่วนประเด็นสำคัญวันนี้ ก.คลังจะประชุมนัดแรกเพื่อสรุปผลประชาพิจารณ์ พรบ. Entertainment Complex โดยคาดจะสามารถเสนอเข้า ครม.ได้ในช่วงต้นปีหน้า และวันพรุ่งนี้ติดตามการหารือระหว่าง ก.คลัง กับ ธปท.ในประเด็นค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว, กรอบเงินเฟ้อ และแนวทางการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,445 – 1,450 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,470 – 1,475 คาดดัชนีมีโอกาสชะลอตัวจากความกังวลภาวะสงครามในตะวันออกกลาง แต่ยังได้แรงซื้อจากกองทุนวายุ ฯ เข้าหนุน แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ เช่น ICT,AAI ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า/ กลุ่มปลอดภัย เช่น BDMS,BCH,ADVANC และเก็งกำไรกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP, TOP, BCP
PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ตามประเด็นข่าวสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดประคองตัวท่ามกลางราคาน้ำมันที่ผันผวนทั้งจากปัจจัยบวกและลบ ขณะที่ 3Q67 จะเห็นปริมาณขายลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงราคาขายลดลงตามราคาน้ำมัน
HMPRO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.57 บาท) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 3,335 ลบ. +3.20%YoY ส่วนการดำเนินงานครี่งปีหลัง ภาพรวมคาดจะยังปรับตัวดีขึ้นได้แม้ 3Q67 อาจอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาลแต่จะกลับมาดีใน 4Q67 นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้า Hardline ยังมี Sentiment บวกจากโอกาสซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างหลังน้ำท่วม ด้าน HMPRO* มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในครึ่งปีหลังอีก 5 สาขา(จาก 1H67 เปิดเพิ่ม 2 สาขา) เป็น Home Pro 4 แห่ง และ Mega Home 1 แห่ง โดยจะเน้นไปที่ Format Hybrid (มี Home Pro และ Mega home ในที่เดียวกัน)มากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ HMPRO* ปี67 และ 68จะอยู่ที่ 6,770 ลบ.(+5%YoY) และ 7,322 ลบ.(+8%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ย. +$1.66 อยู่ที่ $69.83 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$1.86 อยู่ที่ $73.56/บาร์เรล หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล ส่งผลให้เกิดความกังวลเข้าถูกอิสราเอลโจมตีกลับในจุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญ เช่น แหล่งน้ำมันในอิหร่าน ซึ่งจะกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันราว 1 ล.บาร์เรล/วัน

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$30.90 อยู่ที่ $2,690.30 /ออนซ์ โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลางสูงขึ้น

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -20.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -62.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +33.50 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +8.25 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 32.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.737 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -54 จุด อยู่ที่ 2,030

(-) BitCoinเช้านี้ -3.24% อยู่ที่ 61,393 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

(ก.ย.) สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

30 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.ย.)

01 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

02 ต.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

03 ต.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

04 ต.ค. US อัตราการว่างงาน (ก.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS