Today’s NEWS FEED

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ผู้เกี่ยวข้องในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทย: อุปสรรค และแนวทางการสนับสนุน

366

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 1 ตุลาคม 2567 )-------ผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทยเป็นใคร

ในการพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมีความจำเป็นต้องทราบว่าผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในตลาดคาร์บอนเครดิตในขณะนี้เป็นใครมีลักษณะอย่างไร เพื่อจะได้สรรหาเครื่องมือหรือกลไกสนับสนุนกลุ่มดังกล่าว หรือกลุ่มอื่นให้เข้ามาเป็นผู้เกี่ยวข้องในตลาดเพิ่มเติม

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ อบก. ได้จัดทำรายงานสถานการณ์และแนวโน้มตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยปี 2567 ระบุลักษณะของผู้เกี่ยวข้องในตลาดคาร์บอน สรุปได้ดังนี้

ลักษณะและบทบาทของผู้เกี่ยวข้องฝั่ง Supply-Demand

ฝั่ง Supply

มีสัดส่วนราว 27% ของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในกลุ่มนี้มีบทบาทหน้าที่เป็นผู้พัฒนาและดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิต โดยหากพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปทานของคาร์บอนเครดิต ได้แก่ ปริมาณคาร์บอนเครดิตในมาตรฐาน TVERs พบว่า มีการรับรองแล้วทั้งสิ้น 20.5 ล้าน tCO2eq จาก 173 โครงการ ซึ่งโครงการที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาเป็นโครงการประเภทพลังงานทดแทนโดยได้รับรองคาร์บอนเครดิตแล้วทั้งสิ้น 11.6 ล้าน tCO2eq (56.5%) จากจำนวน 84 โครงการ

ถัดมาเป็นโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพพลังาน 15.4% ในขณะที่โครงการประเภทป่าไม้และการเกษตรมีจำนวนโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้วน้อยที่สุดและมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง 2.7%

อีกหนึ่งบทบาทของผู้เกี่ยวข้องฝั่ง Supply คือการนำคาร์บอนเครดิตที่ได้รับจากการดำเนินโครงการมาขาย โดยมีเพียง 3.48 ล้าน tCO2eq หรือ 17.0% ของปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับรองทั้งหมด มีการมาซื้อขายกันแล้ว สาเหตุนี้มาจากการที่ผู้พัฒนาหรือเจ้าของโครงการจะสามารถเลือกได้ว่าจะนำคาร์บอนเครดิตที่ได้รับนั้นมาขายในจำนวนเท่าไหร่ เมื่อไหร่ หรือจะเก็บคาร์บอนเครดิตดังกล่าวเพื่อใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามวัตถุประสงค์ของผู้พัฒนา/เจ้าของโครงการเองก็ได้

โดยพบว่า ข้อมูลการซื้อขายคาร์บอนเครดิต (รูปที่ 1) มีสัดส่วนอยู่ในโครงการประเภทพลังงานทดแทน (78%) ตามด้วยการจัดการของเสีย (12%) และป่าไม้ (10%)

อย่างไรก็ดี การที่ปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตน้อยกว่าปริมาณที่ได้รับรอง สะท้อนความน่าจะเป็นได้ 2 กรณีจากฝั่งผู้เกี่ยวข้องในตลาดคาร์บอน ได้แก่

(1) ผู้ขายไม่ได้นำคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองออกมาขายสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตเนื่องจากต้องการนำคาร์บอนเครดิตดังกล่าวไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของตนเอง
(2) ผู้ซื้อยังมีความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตไม่มาก ทำให้ราคาขายไม่คุ้มค่าพอให้ผู้พัฒนา/เจ้าของโครงการยินดีขาย

ฝั่ง Demand

องค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่มีความต้องการนำคาร์บอนเครดิต TVERs ไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินการต่าง ๆ ขององค์กรนั้น ๆ ซึ่งมีสัดส่วนราว 13% ของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

ทั้งนี้ ปริมาณการนำคาร์บอนเครดิตที่ได้ถูกนำไปใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ผลิตภัณฑ์ งานอีเว้นท์ และการชดเชยส่วนบุคคลด้วยเครดิตมาตรฐาน TVERs มีจำนวนทั้งสิ้น 1.88 ล้าน tCO2eq

(ณ 2 ก.ย. 67) คิดเป็นการชดเชยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีล่าสุด 4.55 แสน tCO2eq ต่อปี ในขณะที่มีการปล่อย CO2 ราว 270 ล้านตันต่อปี สะท้อนศักยภาพปริมาณการชดเชยก๊าซเรือนกระจกด้วยคาร์บอนเครดิตอีกจำนวนมากเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายสู่เส้นทางความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ขององค์กร

แนวทางการพัฒนาตลาดคาร์บอนผ่านปัญหาของผู้เกี่ยวข้องในตลาด

ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยยังเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาอีกมาก จากปริมาณการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำมากเทียบกับปริมาณการปล่อยทั้งหมด (0.17%) โดยหากได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานวิชาการ และหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจประเทศไทยให้มีความนิยมมากยิ่งขึ้น


ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาที่เน้นสนับสนุนผู้เกี่ยวข้องฝั่ง Supply และ Demand โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เสนอแนะแนวทางดังนี้

1. เพิ่มช่องทางการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศผ่านนโยบายภาคบังคับ โดยกำหนดเครื่องมือ เช่น ภาษีคาร์บอนที่อนุโลมให้สามารถใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยได้บางส่วนหรือกำหนดระยะเวลา

2. พัฒนามาตรฐานการขึ้นทะเบียน ตรวจวัด และรับรองโครงการให้ใช้ได้ในระดับสากล เพื่อขยายตลาดเพิ่ม Demand การนำคาร์บอนเครดิตไปใช้ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น เช่น โครงการชดเชยและการลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ (CORSIA), องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) หรือความสามารถในการแปลงข้ามมาตรฐาน เป็นต้น

3. การสนับสนุนทางการเงิน ผ่านมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการประเมินและรับรองคาร์บอนเครดิต รวมถึงการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อช่วยลดต้นทุนผู้พัฒนาโครงการ

4. การจัดทำแนวทาง และส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคประชาชนและธุรกิจ (Best Practice) เพื่อสร้างความรู้เกี่ยวกับการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิต รวมถึงการนำคาร์บอนเครดิตไปใช้งาน โดยเฉพาะในระดับชุมชนที่ยังขาดความรู้ แต่อาจมีศักยภาพในการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อดึงดูดองค์กรหรือหน่วยงานใหม่ให้เข้ามาสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้