Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

455

 

สัญญาณบวก FUND FLOW ยังมีต่อเนื่อง
หลังประกาศตัวเลข PCE เดือน ส.ค.67 ของสหรัฐ ซึ่งออกมา 2.2% YOYต่ำกว่าคาด สร้างความคาดหวังว่าจะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยเชิงรุกต่อโดยการประชุม 7 พ.ย. คาดเห็นการปรับลดลงในอัตรา 0.5% ด้วยความน่าจะเป็น 53.3% ส่วนอัตราดอกเบี้ยสิ้นปีคาดว่าจะจบที่ 4.25% รวมลดปีนี้ 1.25% รูปแบบการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวในเชิงกลไกมีโอกาสที่จะทำให้เงินไหลตลาดการเงินบ้านเราได้ต่อเนื่อง และในระยะต่อไปก็อาจจะมีแรงกดดันให้ กนง. บ้านเราต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาตาม ส่วนในบ้านเราอยู่ในช่วงที่มีการโอนเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเปราะบางซึ่งน่าจะทำให้ตัวเลขการบริโภคภาคครัวเรื่อนในช่วง 4Q67 ดีขึ้น INVESTMENTTHEME ให้นำหนักไปที่หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับอุปโภค-บริโภค, การท่องเที่ยว และภาคการก่อสร้างแม้ในระยะสั้นจะมีการปรับฐานบ้าง แต่มองว่าเป็นการปรับเพื่อเตรียมปรับขึ้นต่อ วันนี้คาด SET INDEX อยู่ในกรอบ 1445 – 1460 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก AOT, BEM และ CBG


ตามกระแส CHINA PLAY
รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ธ.พ. และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้กระตุ้นการบริโภคนอกจากนี้ยังเตรียมออกกองทุนพยุงหุ้นด้วย


ในมองมุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว บ้านเราจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออกไปจีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออกในไทยทั้งหมด และหากพิจารณาในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.83% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด และมีโอกาสเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นต่อเนื่อง จนกลับไปอยู่ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 โดยมีจำนวนเฉลี่ย 9 แสนคน/เดือน

ประเด็นดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลกคล้ายคลึงตลาดหุ้นจีน โดยกลยุทธ์การลวทุนในช่วงนี้ เน้นตาม SENTIMENT จีน
กระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นหุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว

รัฐบาล แจกเงิน 10,000 บาทวันสุดท้าย คาดช่วยผลักดัน GDPได้บ้าง
วันนี้จะเป็นวันที่แจกเงินกลุ่มเปราะบาง 10,000 บาทวันสุดท้าย ส่วนเฟส 2 น่าจะได้รับเงินไม่ทันในปีนี้ และคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 1H68 ตามการเปิดเผยต่อสื่อของ รมช.คลัง ซึ่งเศรษฐกิจไทยช่วง 2H67 มีโอกาสเติบโตเด่น 4.1% จึงจะเท่ากับที่กระทรวงการคลังประเมินทั้งปี 2567 เติบโต 3% และเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำ1.9% ซึ่งต้องติดตามว่าตัวเลข GDP ไตรมาส 3 และ 4 จะออกมาใกล้เคียงกับที่ คลังคาดไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตามน่าจะเห็นการเติบโตเป็นขั้นบันไดนับจากนี้


และหากพิจารณาข้อมูลในอดีต ช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นทยอยฟื้นตัวได้สูงกว่าคาดการณ์ มักจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มขยับขึ้นตามไปด้วย อาทิ ช่วง1Q66-1Q65 เป็นต้น ส่วนหุ้นที่น่าทยอยสะสมหลังจากนี้ คือ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรงจากนโยบายแจกเงินของภาครัฐฯ อาทิ
• กลุ่มเกษตร-อาหาร TU CPF CBG SAPPE SNNP ICHI NSL M
• กลุ่มค้าปลีก CPALL CRC BJC HMPRO COM7
• กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD TIDLOR BAM

สรุป เศรษฐกิจไทยใน 2H67-2568 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความคาดหวังการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของรัฐบาล คาดหนุน SET ขยับขึ้นได้ต่อในช่วงที่เหลือของปี

ช่วง 4Q67 FUND FLOW ต่างชาติ และเม็ดเงินวายุภักษ์ เป็นส่วนสำคัญช่วยพยุงตลาด
เม็ดเงินต่างชาติ เม็ดเงินต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ อ้างอิงตามทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศทั้ง สหรัฐฯ ยุโรป มีโอกาสเป็นขาลงเร็วและแรงกว่าประเทศไทย(BOND YIELD สหรัฐ-ไทยแคบลง) ซึ่งส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยกับสหรัฐแคบลง FUND FLOW ต่างชาติมักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ในทางกลับกันหาก BOND YIELD 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง(GAP มากขึ้น) FUND FLOW ก็มักจะไหลออกเช่นกัน โดยทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y(US-TH) แคบลง 5 ถึง 10BPS. หนุนให้ FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้า ส่วนต่าง BONDYIELD 10Y (US-TH) กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 1หมื่นล้านบาท


นอกจากยังมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์อีก 1.5 แสนล้านบาท บวกกับเม็ดเงินจากTHAIESG เงื่อนไขใหม่ 34 กองทุน ราว 1 – 2 หมื่นล้านบาท คอยพยุงตลาดในช่วง4Q67 โดยพอรัฐบาลอนุมัติกองทุน THAIESG ใหม่ ผ่านมาได้ 1 เดือนกว่า ๆ มีเม็ดเงินหนุนเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท จนมี AUM ล่าสุด อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท (ณ 20 ก.ย.67)และปกตินักลงทุนมักกระจุกการลงทุนกองทุนประหยัดภาษีในช่วงท้ายๆ ปี หรือไตรมาสที่ 4 ราว 66% ของทั้งปี หนุนช่วง 4Q67 เม็ดเงินจะเข้ามาในตลาดหนาแน่นขึ้น

สรุป นอกจาก FUND FLOW จากต่างประเทศจะมาแล้ว เงินทุนในประเทศก็น่าจะมาผ่าน วายุภักษ์ THAILAND ESG FUND กว่า 1.7 แสนล้านบาท ค่อยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วง 4Q67 ให้มีโอกาสผันผวนน้อยลง


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้