วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีพักตัวติดต่อกัน 2 วันท าการ หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ มีแรงขายในหุ้น Big Cap ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐช่วงเย็นวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,455.03 จุด -6.55 จุด -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 56,070.3 ลบ.Program Trading -1,065.9 ลบ. ต่างชาติ -1,326.3 ลบ. TFEX -9,868 สัญญา ตราสารหนี้ -3,229.9 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62% ส่วนดัชนี S&P500ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 3 ของตัวเลขGDP 2Q67 ขยายตัว 3% สอดคล้องกับการประมาณการครั้งที่ 2จากขยายตัวเพียง 1.4% ใน 1Q67 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน
+ นายกรัฐมนตรีเลบานอนแสดงความหวังว่าการหยุดยิงอาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพื่อยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
+ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้น าจีน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง รวมทั้งใช้มาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดหนัก และบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเร่งด่วนว่าจีนต้องการสกัดการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
+ หอการค้าไทยคาดแจกเงินหมื่นดันเศรษฐกิจหมุน 3 รอบสะพัดแรง4.5 แสนล้านบาท คาดหนุน GDP ปีนี้โต 2.8%
+ ก.คลังคาดเตรียมชง ครม.เร็วๆ นี้ “ภาษีคาร์บอน” หวังบังคับใช้ทันภายในปี 2567 แจงเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเข้าถึงเศรษฐกิจสีเขียว
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ -2.9% ปิดที่67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสื่อรายงานว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. เช่นเดียวกับสมาชิกรายอื่น ๆ
- ผู้นำรัสเซียเตือนชาติตะวันตกว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธธรรมดา และจะถือว่าการโจมตีร่วมกันที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
- สศอ.ปรับประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในปีนี้เป็น -1.0ถึง 0% จากเดิมคาดว่า 0 ถึง 1% และคาดว่าอัตราการเติบโตของGDP ภาคอุตสาหกรรมจะหดตัว 0.5% ถึงขยายตัว 0.5% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 0.5-1.5% เนื่องจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสัดส่วนสูงถึง90.8% ของ GDP กดดันให้สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังจับตาตัวเลขดัชนี PCE ของสหรัฐคืนนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง ยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,450-1,460 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• สินค้าส่งออกเดือนส.ค.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH GFPT FM