Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

603


"Anti-Commodities Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ " Sideways/Up" ต้าน 1465/1472 จุด รับ 1450/1445 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นเด่น ความเชื่อมั่น เศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing จากรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์นี้ ดีกว่าคาด -1.8%w-w ภาพ Avg 4 สัปดาห์ขยับลงต่อเนื่องตั้งแต่ 15 ส.ค. และ GDP สหรัฐ 3Q24 (3rd ) ขยายดี 3% ฝั่งจีนเมื่อวานรัฐเดินหน้าแจกเงินผู้มีรายได้น้อย ฯลฯ กระตุ้นเศรษฐกิจหนุน ส่วนภายในประเด็นต้องติดตาม คือ กระแสการไทยจะถูกปรับลด Credit rating ซึ่งประเมินยังไม่เห็นความเสี่ยงในการที่ไทยจะถูกปรับลดปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสถานการณ์คลังปัจจุบัน VS. ในอดีต 1.) การเมืองไทยพัฒนาการดีขึ้น 2.)เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ส่วนวันนี้แม้ช่วงท้ายตลาดคาดมีความผันผวน จากการที่ TFEX เป็นวันสุดท้ายของสัญญา U24 และนักลงทุนจะ Rollover ไปเทรดในสัญญา Z24 แต่กลยุทธ์ให้อยู่ฝั่งซื้อรับสัปดาห์หน้าเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท จะเริ่มเข้าตลาด มองหุ้นเด่นวันนี้ หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า หุ้น China Plays ผสาน หุ้น Anti-Commodities (โรงไฟฟ้า สายการบิน) หุ้น Domestic (ท่องเที่ยว อสังหา รับเหมา ค้าปลีก เช่าซื้อ) เก็งมาตรการ ครม. วันนี้แนะ GPSC, SCC, MALEE

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1465/1472 จุด รับ 1450/1445 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นรับ GDP สหรัฐดีตามคาด และจีนรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ Dow jones (+0.62%), S&P500 +0.4%d-d Nasdaq +0.58%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นคือ กลุ่ม Materials, IT , Financials ส่วนกลุ่มที่ปรับลงและ Underperform นำโดย Energy, Real estate ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น Micron +14.7%, Alibaba+10% (มีจิตวิทยาหนนุจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนจากจีน) AMD+3.37% ฯลฯ

(*)US Econ : GDP งวด 3Q24 รายงานครั้งที่สาม ขยายตัว 3% เท่ากับประมาณการณ์ในครั้งที่ 2 ในขณะเดียวกันมีการ Revised up ตัวเลข GDP 1Q24 เป็นขยายตัว 1.6% (เดิม 1.4%),, 2.)จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ (initial Jobless Claims) ลดลง 2 พันรายมาที่ 2.18 แสนราย ดีกว่าตลาดคาดที่ 2.25 แสนราย และดีกว่าค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ 2.25 แสนราย คาดสะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง) KSS ประเมินความเชื่อเศรษฐกิจสหรัฐยังผสมผสาน คือ ภาคบริโภคชะลอ แต่ภาคบริการยังขยายตัว ยังคงมุมมองเป็นภาพ Soft

(+) China Stimulus : กระแสการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนยังมีต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ จากช่วงต้นสัปดาห์เน้นไปที่นโยบายการเงิน ล่าสุด 1. ) รัฐบาลกลางจีนประกาศว่าจะแจกเงินให้กับประชาชนในกลุ่มที่ยากจน เป็นการแจกเงินแบบครั้งเดียวและจะแจกให้ก่อนก่อนวันชาติของจีน 1 ต.ค.2024 (รายละเอียดของเงินอุดหนุนค่าครองชีพจะมีการประกาศในภายหลัง) 2. คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศว่าจะแจกคูปองมูลค่า 500 ล้านหยวน ให้กับบประชาชนเพื่อใช้จ่ายในการรับประทานอาหาร (360 ล้านหยวน), ที่พัก (90 ล้านหยวน), ตั๋วภาพยนตร์ (30 ล้านหยวน) และกีฬา (20 ล้านหยวน) 3. เตรียมอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านหยวน ให้กับธนาคารรัฐที่ใหญ่ที่สุด 6 แห่ง (เป็นการกลับมาทำอีกครั้ง โดยรอบล่าสุด คือดำเนินในช่วง ปี 2008) KSS ประเมินมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้น โดยยังแนะนำเป็น Slightly Overweight โดยมีกองทุนที่แนะนำ ได้แก่: KFCSI300-A (CSI300 ETF) KFACHINA-A (Active A-Shares) KF-CHINA (H-Shares ETF) MEGA10CHINA-A (Active H-Shares)และเก็งกำไรหุ้น China Play นำโดย SCC , IVL SCGP PTTGC HANA

(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 27 ก.ย. เงินเฟ้อ Core PCE ส.ค. ไม่มีคาด prev +2.6%y-y, +0.2%m-m

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ เป็นภาพแกว่งออกข้าง อายุ 2 ปี ปรับขึ้นอีกครั้ง +6 bps อยุ่ที่ 3.62% อายุ 10 ปี +1 bpsแกว่งอยู่ที่ 3.78% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK และกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI ส่วน Dollar Index แกว่งตัวบริเวณ 100.3

(*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -2.53%d-d ปิดที่ US$ 71.6/barrel. น้ำมันดิบ West Texas -2.9%d-d ปิดที่ US$ 67.7/barrel แรงหนุนจาก Dollar พลิกแข็ง และซาอุฯที่ประกาศไม่ใช้เป้าหมายราคาน้ำมัน แต่จะเน้นการแย่งส่วนแบ่งตลาด แต่ราคาน้ำมันลดช่วงลบเล็กน้อยรับข่าว Supply ที่ลดลงในสหรัฐ หลัง EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าตลาดคาดจะลด 1.3 ล้านบาร์เรล โดยรวมเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

(-) World Container Index (WCI) : WCI ปรับลง 10 สัปดาห์ติดสัปดาห์ล่าสุด -7%w-w อยู่ที่ 3691 เหรียญต่อ 40 ft และปรับลงต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ แรงกดดันหลักๆมาจากความตึงเครียดในตะวันออกลางล่าสุดลดลง ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้) ยังแนะนำเพียง ชะลอการลงทุน

 

What happened in Thailand ?

(-) SET : SET Index ปรับลง -6.55 จุด (-0.45%) ปิดที่ 1455.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท ยังไม่มี Factor อะไรใหม่ ตลาดยังรอประธาน Fed Powell แถลงคืนนี้และเงินเฟ้อ PCE วันพรุ่งนี้ โดย Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนีคือ กลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA กลุ่มค้าปลีก CPALL, GLOBAL ฯลฯ กลุ่มที่กดดัชนีคือ ส่วนใหญ่คือ กลุ่ม China Play กลุ่ม ICT (ADVANC) กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC, IVL) พลังงาน (PTTEP) ฯลฯ

(*/+) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -96 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -40.5 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net short 9868 สัญญา เงินบาทแข็งค่า 32.4 +/- บาท

(*) Thai Flood สถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดภาคเหนือยังอยู่ในจุดที่ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่พบสถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างมีมวลน้ำจากแม่น้ำปิงเอ่อท่วมเข้าสู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจในย่านการค้าไนท์บาซาร์ ระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางห่วงซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 KSS ตรวจเช็คระดับน้ำกับหน่วยงานคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ พบว่าปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศอยู่ที่ระดับ 73% หรือ ระดับปานกลาง สามารถบริหารจัดการได้ โดยพื้นที่ภาคเหนือมีอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 8 แห่งมี 4 แห่งที่ระดับน้ำปรับขึ้นในระดับสูง คือ มากกว่า 80% โดย 2 ใน 4 แห่งมีระดับน้ำล้นเขื่อนหรือเกินระดับ 100% อย่างไรก็ตามที่เหลืออีก 4 แห่งอยู่ในระดับปานกลางหรือต่ำกว่าระดับ 80% จึงมองเหตุการณ์น้ำท่วมในระยะนี้เป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะจุดแต่ยังต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะในช่วง 1- 2 สัปดาห์ต่อจากนี้จะต้องไม่มีภายุเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์

เบื้องต้น Krungsri research ประเมินผลกระทบปัญหาน้ำท่วมต่อ Downside GDP ปี 2024 ราว -0.2% ความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่คล้ายปี 2011 ยังอยู่ในระดับต่ำ เราประเมินผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียนยังอยู่ในวงจำกัดเช่นกัน โดย กลุ่มค้าปลีกมียอดขายในภาคเหนือคิดเป็น 3-10% ของยอดขายรวม CRC และ GLOBAL มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในภาคเหนือคิดเป็น 17% และ 25%, กลุ่มโรงแรม สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงใหม่ ยังไม่กระทบการให้บริการ ผลกระทบจากเส้นทางการเดินทางมีผลกระทบบ้าง แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณแจ้งยกเลิกการเข้าพัก โดย AWC มีสัดส่วนรายได้จากเชียงใหม่ 6%, CENTEL มี 1 โรงแรมในเชียงใหม่ คือ Centara Riverside Hotel Chiang mai แต่รับรู้รายได้จากการรับจ้างบริหาร (Managed hotel) ผลกระทบค่อนข้างจำกัด, ERW มี 3 โรงแรมภายใต้แบรนด์ Hop Inn ยังไม่ได้รับผลกระทบ, MINT มี 1 โรงแรม คือ Anantara Chiang Mai resort, ส่วน SHR ไม่มีโรงแรมในเชียงใหม่

(*) Thai Credit rating : Bloomberg รายงานประเทศไทยมีความเสี่ยงจะมีการปรับลด Credit rating โดยในมุมมอง KSS ประเมินโดยรวมมองเป็นเพียงจิตวิทยาลบสั้นๆต่อ SET Index เท่านั้น ประเมิน ยังไม่เห็นความเสี่ยงในการที่ไทยจะถูกปรับลด Credit rating เมื่อเทียบปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจและสถานการณ์คลังปัจจุบัน VS. ในอดีต 1.) การเมืองไทยมีพัฒนาการดีขึ้น 2.)เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว ปี 2024 คาดโต 2.4% และปี 2025 ตลาดคาด 2.8-3.0% 3.) เสถียรภาพทางการคลัง Fiscal Stability ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยยังต้องติดตามสถานะและพัฒนาการในปี 2025 หากพิจารณาในอดีตประเทศไทยไม่เคยถูกปรับลด Credit rating ลงตั้งแต่ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 1997 กรณีเลวร้าย Worst Case มองจะปรับ Outlook ลงจากปัจจุบัน อิง S&P ให้ rating ปัจจุบัน BBB+ และ Outlook คือ Stable จากสถิติในอดีต ช่วงที่ถูกปรับ Outlook ลงตลาดหุ้นปรับลงเพียงช่วงสั้น มองเป็นเพียง Noise ส่วนค่าเงินบาทไม่ได้ตอบสนองอย่างมีนัยยะ อิงจากสถิติ 2 รอบล่าสุด คือ ธ.ค. 2008 ไทยถูกลด Outlook ลง หลังจากนั้น 1 วัน SET ลง 1.4% และปรับฟื้นกลับมา ส่วน 21 เม.ย.2020 หลังจากนั้น 1 วัน SET ปรับขึ้น 0.71%

(*) Bank Previews: ธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 5.22 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q เพราะ i) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ii) สินเชื่อรวมลดลง -0.8% q-q คิดเป็น -0.8% YTD iii) รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการลดลง สำหรับคุณภาพสินทรัพย์คาดอ่อนแอต่อเนื่อง NPL ratio ที่ 3.75% เพิ่มจาก 3.68% ใน 2Q24 หลักๆจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย เราคาดธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิ 3Q24F เติบโต y-y และ q-q คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิลดลง y-y เพิ่มขึ้น q-q คือ KKP ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ TISCO ทางพื้นฐานเราชื่นชอบ KBANK และ KTB

(*) To Monitor: : สัปดาห์หน้า ปัจจัยภายในติดตาม

1.) 30 ก.ย. ดุลบัญขีเดินสะพัด ส.ค. 24 ไม่มีคาด vs prev. 0.3 พันล้านเหรียญฯ 2.) ติดตามการประชุม ครม. คาดว่าเริ่มมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จับตา 3 เรื่อง คือ มาตรการอสังหาฯ มาตรการท่องเที่ยว และการอนุมัติโครงการ Mega Projects หลังจากสัปดาห์ก่อนเน้นหนักไปที่การจัดสรรงบกลางปี 2567 ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 3.) 1 ต.ค. เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดเป็นวันแรก 4.) 1-7 ต.ค. ติดตามกระแสท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงวันหยุดยาว (Golden Week) มองกระแสมีโอกาสคึกคัก หนุนจิตวิทยาบวกต่อหุ้นการบิน ท่องเที่ยว และกลุ่ม China Plays 5.) ติดตามการหารือกันระหว่างกระทรวงการคลังกับ BOT ในส่วนเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว และกรอบเงินเฟ้อใหม่ 6.) ปลายสัปดาห์เข้าสู่เทศกาลกินเจ 3-11 ต.ค. 24 มองจิตวิทยาลบกลุ่มจำหน่ายเนื้อสัตว์ (CPF, GFPT, BTG) และจิตวิทยาบวกต่อหุ้นค้าปลีก (CPALL, BJC)

 

Daily Strategy : GPSC, SCC, MALEE เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย Sideway /up ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นเด่น ความเชื่อมั่น เศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing และฝั่งจีนเมื่อวานรัฐเดินหน้า แจกเงินผู้มีรายได้น้อย ฯลฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมมองหนุนจิตวิทยาลงทุนฝั่งอาเซียนและไทยต่อ เงินบาทเช้านี้แข็งค่าเร่งสู่ 32.4 บาท ส่วนอีกด้านราคาน้ำมันปรับลงแรงเฉลี่ย 2.7-2.8% ตอบรับท่าทีซาอุฯ ผสาน กระแสสัปดาห์หน้า ในส่วนการพิจารณามาตรการกระตุ้น ครม. และการเข้าสู่ช่วง Golden Week ของจีน ทำให้มองหุ้นนำวันนี้ หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า หุ้น China Plays ผสาน หุ้น Anti-Commodities (โรงไฟฟ้า สายการบิน) หุ้น Domestic (ท่องเที่ยว อสังหา รับเหมา ค้าปลีก เช่าซื้อ) เก็งมาตรการ ครม. สัปดาห์หน้า

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• SEP24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, MTC , MINT, GPSC, CHG

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้