News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

27 ก.ย. 2567 09:15:42 386

Market Wrap-Up

SET วันที่ 26 ก.ย.67 ปิด -6.55 จุด อยู่ที่ 1,455.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,070 ลบ.ต่างชาติขาย 1,326 ลบ.สถาบันขาย 773 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 383 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,716 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 952 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,IVL,BANPU,BLA,VGI และยอดขายในหุ้น PTTGC,PTTEP,SCC,BDMS,BGRIM มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,534 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ PTTGC,AOT,BCP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 9,868 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 57,518 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,229 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.62%, S&P500 +0.40%, Nasdaq +0.60% หลัง Micron Tech เผยรายได้ใน Q4/67 สูงกว่าคาด และคาดรายได้ Q1/68 เติบโตดี ส่งผลให้ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลาเดลเฟีย +3.7% ส่วนกลุ่มเหมื่องแร่ปรับขึ้นรับ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.25% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา+6.5%, เหมืองแร่ +4.3% รับ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน ขณะที่กลุ่มพลังงาน -3% ตามราคาน้ำมันดิบ

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500 ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มผลิตชิป หลัง Micron Tech รายงานรายได้ Q4/67 ดีกว่าคาดจากอุปสงค์ชิป HBM ที่ใช้ใน Ai อยู่ในระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ US GDP Q2/67 ครั้งสุดท้าย +3.0% & Q1/67 +1.4% QoQ ได้แรงหนุนจากการบริโภค & ลงทุนภาคเอกชน ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 4,000 ราย อยู่ที่ 218,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐยังเติบโตดี ประเด็นที่ต้องติดตามค่ำวันนี้ คือ US PCE ส.ค.คาด 3% & ก.ค. 2.5% YoY จะบ่งชี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ใน พ.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้นทำ New High ได้แรงหนุนจากกลุ่มที่พึ่งพาอุปสงค์จากจีน เช่น สินค้าหรูหรา, เหมืองแร่ หลังรัฐบาลจีนเตรียมออก ม.ด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ ธ.กลางสวิตเซอร์แลนด์ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 1.0% ซึ่งเป็นปรับลดลงครั้งที่ 3 ในปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียเหนือวานนี้ นิเกอิ +2.79%, Kospi +2.9% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลัง Micron Tech เผยรายได้ Q4/67 ที่ดีกว่าคาด กอปรกับได้ปัจจัยหนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +3.61%, ฮั่งเส็ง +4.16% ตอบรับข่าวคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) เผยจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังและสร้างความมั่นใจต่อภาวะอสังหา ฯ จีน เพื่อบรรลุเป้าหมาย GDP จีนปีนี้เติบโตที่ 5%
ดัชนี SET วานนี้ -0.45% ปริมาณการซื้อขาย 5.6 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,326 ลบ. สถาบันขาย 773 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 383 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,716 ลบ. ดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกำไรกลุ่มปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ และวัสุดก่อสร้าง ที่วันก่อนปรับขึ้นแรงรับข่าวจีนเตรียมผ่อน ม.การเงิน & คลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรายได้ของกลุ่มเหล่านี้พึ่งพาอุปสงค์จากจีนเป็นหลัก ขณะที่กลุ่มประกัน +3.6% จากคาดการณ์กำไรจากพอร์ตการลงทุนมีแนวโน้มปรับขึ้นดี หลัง SET +14% จากจุดต่ำสุดในช่วง ส.ค. ที่ผ่านมา โดยการเคลื่อนไหวของดัชนี SET สัปดาห์นี้ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,475 จุด กอปรกับดัชนี SET ปัจจุบันเทรดที่ F/PE ที่ 16.0X ส่งผลให้ Upside เริ่มจำกัด ดังนั้นนักลงทุนจึงเลือกขายทำกำไรบางส่วนก่อน ระหว่างรอเม็ดเงินรอบใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้าลงทุนใน ต.ค. นี้

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,445 - 1,450 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,460 – 1,465 ประเมินดัชนีทรงตัวรอเม็ดเงินลงทุนรอบใหม่จากกองทุนวายุภักษที่จะเข้าลงทุนใน ต.ค. แนะนำเข้าทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,BJC,HMPRO,DOHOME,GLOBAL ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงิน/ ท่องเที่ยว AOT,AAV,BA,MINT,ERW รับช่วงวันหยุด Golden Week ของจีน / โรงไฟฟ้า GULF,GUNKUL,BGRIM รับโอกาสชนะประมูลโครงการพลังงานทดแทนเฟส 2 / เก็งกำไร TIPH, TQM มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
SISB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดี QoQ, YoY จากรายได้ที่เติบโตตามจำนวนนักเรียนใหม่ (เปิดเทอม 1 ปีการศึกษา 2024/2025 กลางเดือน ส.ค.) และผลของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาบางส่วน ทั้งนี้ปี 67 บริษัทคาดจะมีจำนวนนักเรียนถึงเป้าหมายที่ 4,600 คน จากปัจจุบันที่ 4,570 คน โดยมี capacity รองรับรวม 7,305 คน จากการเปิดดำเนินการสาชาธนบุรีเฟส 3.1 ได้ตามกำหนดในเดือน ส.ค. ขณะที่สาขานนทบุรีและสาขาระยองที่เพิ่งเปิดปีก่อน ผลการดำเนินงานทยอยดีขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น โดยสาขานนทบุรีมีกำไรแล้ว ส่วนสาขาระยะยองพลิกเป็นกำไรในปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 892 ล้านบาท (+36%YoY) และ 1,126 ล้านบาท (+26%YoY) ตามลำดับ
TOA* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 25.20 บาท) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 1,281 ลบ. -6.72%YoY จากค่าใช้จ่ายพนง., การตลาด, และโฆษณาที่สูงขึ้น รวมถึง การตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการย้ายโรงงานในมาเลเซีย ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป แม้ 3Q67 มีโอกาสอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีใน 4Q67 หนุนด้วยฤดูกาล และการซ่อมแซมหลังน่ำท่วม นอกจากนี้ TOA* ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้นใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ระดับ A ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ TOA* ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 2,496 ลบ.(-34%YoY) และ 2,673 ลบ.(+7.09%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI พ.ย. -$2.02 อยู่ที่ $67.67 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$1.86 อยู่ที่ $71.60/บาร์เรล หลังซาอุ ฯ เตรียมยกเลิกเป้าหมายราคาน้ำมันที่ $100/บาร์เรล และเพิ่มกำลังการผลิตในช่วง ธ.ค. นี้ กอปรอุปทานน้ำมันจากลิเบียจะเข้าสู่ภาวะปกติ หลังรัฐบาลลิเบียตะวันออก – ตกยุติข้อพิพาท

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$10.20 อยู่ที่ $2,694.90 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index -0.39% อยู่ที่ 100.522 และมีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุม พ.ย.

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -194.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -40.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -149.62 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +85.63 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.798 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +75 จุด อยู่ที่ 2,091

(+) BitCoinเช้านี้ +3.27% อยู่ที่ 65,210 ดอลลาร์สหรัฐ

(+) Tokyo Core CPI ก.ย. +2.0% & ส.ค. +2.4% YoY

Economic Calendar

ในประเทศ

24 ก.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

23 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

24 ก.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.ย.)

25 ก.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

26 ก.ย. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

27 ก.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS