"China Plays & Domestic Plays"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ " Sideway/up" ต้าน 1472/1478 จุด รับ 1455/1450 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบๆ S&P500 ปิด -0.19% โดยการเคลื่อนไหวอิงปัจจัยเฉพาะหุ้น วันนี้รอยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก + ถ้อยแถลงประธาน Fed ส่วนภายในวานนี้เริ่มแจกเงินสนับสนุนบริโภคเฟสแรก 1.45 แสนล้านบาท หลังจากนี้ทยอยแจกจนครบ 30 ก.ย. เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ขณะที่เฟส 2 แม้รัฐฯ อาจจะเปรยถึงทางเลือกจ่ายรายละ 5,000 บาท แต่เม็ดเงินรวมยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเนื่องจากเฟส 1 และส่วนที่เหลือ อาจนำไปขับเคลื่อนนโยบายอื่นๆ และต้องรอความชัดเจน เช่นเดียวกับกรณี กระทรวงการคลังเตรียมหารือ BOT สัปดาห์หน้ากรณีเงินบาทแข็งค่าเร็ว และน่าจะครอบคลุมโอกาสลดดอกเบี้ย มอง SET วันนี้แกว่งตัว Sideways โดยหุ้นเด่นมองหุ้น Domestic (ค้าปลีก เช่าซื้อ) และหุ้นส่งออกที่มีโอกาสรีบาวน์ (เงินบาทชะลอแข็งค่า& ยอดส่งออกหลายสินค้ายังดี อาทิ ยาง อาหารทะเล อาหารสัตว์เลี้ยง ) และหุ้น Anti-Commodities (น้ำมัน ลงเฉลี่ย2.4%) หุ้น China Play วันนี้แนะ CPALL, AOT(Golden week), IVL
Daily outlook: "Up" ต้าน 1470/1482 จุด รับ 1455/1450 จุด
What happened around the world ?
(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวรอแถลงสุนทรพจย์ประธาน Fed และเงินเฟ้อ PCE ปลายสัปดาห์ Dow jones (-0.7%) หลักมาจากหุ้น Chevron -2.36% ลงตามราคาน้ำมันดิบ, S&P500 -0.19%d-d Nasdaq +0.06%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นคือ กลุ่ม Utilities, IT ส่วนกลุ่มที่ปรับลงและ Underperform นำโดย Energy, Healthcare, Materials, Financials ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น กลุ่ม Semiconductor ปรับขึ้นต่อจากวันก่อน NVIDIA+2.18%, AMD +2.34%, Intel +3.2% เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ไทย Amgen บริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ -5.46% ตลาดผิดหวังต่อรายงานผลการทดลองยาทั้ง 2 ชนิดของบริษัท ,Apple -0.52% รับยอดขาย iPhone ในประเทศจีนปรับตัวลดลงใน เดือนส.ค.
(*)US Econ : ยอดขายบ้านใหม่ เดือน ส.ค. ชะลอลงจากเดือนก่อนลงมาอยู่ที่ 7.16 แสนหลัง ตลาดคาด 6.99 แสนหลัง พลิกลบ -4.7%m-m prev. 10.3% และ MBA 30 ปั Mortgage Rate สัปดาห์ล่าสุด อยู่ที่ 6.13% ปรับลดลงต่อเนื่อง 13 สัปดาห์ติด สะท้อนภาพเงินเฟ้อหมวด Shelter สหรัฐมีแนวโน้มลง KSS ประเมินความเชื่อเศรษฐกิจสหรัฐยังผสมผสาน คือ ภาคบริโภคชะลอ แต่ภาคบริการยังขยายตัว ยังคงมุมมองเป็นภาพ Soft landing สนับสนุนวงจรดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาลง
(*)Fed Speaks : วันนี้ 26 ก.ย.เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.20 น. ตามเวลาไทย คุณ Jerome Powell มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยFed สาขา New Yorks เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ตลาดให้น้ำหนักการแสดงความเห็นต่อทิศทางดอกเบี้ยหลังจากนนี้ หลังจากการประชุม Fed สัปดาห์ก่อน ประธาน Fed สัมภาษณ์ง่าการตัดสินใจของ Fed ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ช้า หรือ Behind The Curve และการลดดอกเบี้ยครั้งละ 50bps% ไม่ใช่บรรทัดฐานในการปรับลดในครั้งถัดๆไป KSS ประเมิน Cycle ดอกเบี้ยสหรัญเป็นขาลง แต่อัตราการปรับลดลงคาดจะไม่เร็วไปจากช่วงก่อนหน้า ทำให้มองบวกต่อหุ้นทีได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงในระยะกลาง - ยาว อาทิ กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, BGRIM, GPSC กลุ่มหนี้สูง CPALL MINT กลุ่ม High Growth อาทิ BE8 BBIK
(+) China Stimulus เมื่อวานธนาคารกลางจีนเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.30% สู่ระดับ 2.0% และมีแนวโน้มจะเดินหน้ากระตุ้นออกมาเพิ่มเติมจากที่มีข่าวช่วงต้นสัปดาห์ KSS มีมุมมองบวก ต่อมาตรการของธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสภาพคล่อง และผลักดันให้ทั้งตลาดหุ้น A-Share พ้นจุดต่ำสุด และ "Outperform" ขึ้นในระยะสั้น-กลาง และนักลงทุนจะตามต่อถึงมาตรการกระตุ้นทางการคลังอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้จีนพ้นภาวะเงินฝืด เหมือนการนำร่องมาตรการหนุนตลาดหุ้นของญี่ปุ่นในปี 2010-2012 และตามมาด้วยมาตรการทางการคลังที่คลายภาวะเงินฝืดอย่างแท้จริง กลยุทธ์ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนมากขึ้น โดยยังแนะนำเป็น Slightly Overweight โดยมีกองทุนที่แนะนำ ได้แก่: KFCSI300-A (CSI300 ETF) KFACHINA-A (Active A-Shares) KF-CHINA (H-Shares ETF) MEGA10CHINA-A (Active H-Shares)และเก็งกำไรหุ้น China Play นำโดย SCC , IVL SCGP PTTGC HANA
(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 26 ก.ย. GDP งวด 3Q24 รายงานครั้งที่สาม คาด +2.9%q-q จากรายงานรอบก่อน +3.0%q-q, 27 ก.ย. ติดตามเงินเฟ้อ Core PCE ส.ค. ไม่มีคาด เดือนก่อน +2.6%y-y, +0.2%m-m
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ เป็นภาพแกว่งออกข้าง อายุ 2 ปี ปรับขึ้นอีกครั้ง +2 bps อยุ่ที่ 3.56% อายุ 10 ปี +6 bpsแกว่งอยู่ที่ 3.79% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK และกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI ส่วน Dollar Index แกว่งตัวแข็งค่าบริเวณ 100.6 จุด มองเป็นจิตวิทยาหนุนค่าเงินสกุลเอเชียและเงินบาทชะลอการแข็งค่าวันนี้
(*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -1.79%d-d ปิดที่ US$ 73.13/barrel. น้ำมันดิบ West Texas -2.6%d-d ปิดที่ US$ 69.6/barrel แรงหนุนจาก Dollar พลิกแข็ง แต่ราคาน้ำมันลดช่วงลบเล้กน้อยรับข่าว Supply ที่ลดลงในสหรัฐ หลัง EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าตลาดคาดจะลด 1.3 ล้านบาร์เรล เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP
What happened in Thailand ?
(+) SET : SET Index แกว่งตัว ปิดที่ 1461.58 จุด (-0.04%) รอรายงานตัวเลขส่งออกนำเข้าไทยช่วงบ่าย และมีข่าว ธปท.เตรียมจะออกมาตรการแทรกแซงค่าเงินบาทที่แข็งค่า กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, CPALL) รับประเด็นรัฐเริ่มโอนเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มส่งออก ITC , AAI STA , NER รับรายงานยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 11 เดือนติด และรายงานยอดส่งออกยาง ขยายตัว 10 เดือนติด ฯลฯ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) จากจิตวิทยาจากเงินบาทแข็งค่า กลุ่มธนาคาร(KTB) รับจิตวิทยาลบจาก ADB ปรับลด GDP ไทยปี 2024-2025 ลง และรับคาดการณ์ ธปท. เตรียมจะออกมาตรการแทรกแซงค่าเงินบาท โดยบางส่วนคาดมีโอกาสจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายกดดันคาดกำไรกลุ่มธนาคาร
(*/+) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลเข้า ซื้อพันธบัตร +71.3 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -16.9 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long 3,082 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น 32.7 +/- บาท แต่แนวโน้มหลักยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า
(*/+) Export & Import : ยอดส่งออก เดือน ส.ค. ขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติตต่อกัน +7%y-y ดีกว่าตลาดคาด +6.0%y-y และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.9% ดักว่าตลาดคาด 6.5%y-y ส่วนดุลการค้าพลิกเกินดุลการค้า 265 ล้านเหรียญฯ เทียบกับขาดดุล 1,370 ล้านเหรียญในเดือน ก.ค. กลุ่มสินค้าส่งออกขยายตัวเด่นเดือน ส.ค. 24 ได้แก่ ข้าวขยายตัว 3 เดือน+46.6%y-y, 8M24 +44.1%)
ยาง ขยายตัว 10 เดือนติด (+64.8%y-y, 8M24 +38.1%) บวกต่อ NER, STA และเป็นบวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อฐานรากเชื่อมโยงกับราคายาง และ ข้าว คือ กลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL, DOHOME
อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 11 เดือนติด (+25%y-y, 8M24 +26.4%) บวกต่อ AAI, ITC
อาหารทะเลกระป๋อง ขยายตัว 4 เดือนติด (+20.5%y-y, 8M24 +8.5%) บวกต่อ TU ส่วนประเด็นน่าสนใจอื่นๆ คือ ตลาดที่ขยายตัวเร่งขึ้น คือ สวิตเซอแลนด์ ยุโรป แอฟริกา CLMV โดยรวมแนะนำ Trading กลุ่มส่งออกที่ขยายตัวเด่น เน้น STA, AAI และ ITC
(*) Thaibaht Intervene : กระแสการแทรกแซงค่าเงินบาท/ดอลลาร์ที่แข็งค่าจากสิ้น 2Q24 ราว 11% จากทางการกลับมา ล่าสุด คุณพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน (ธปท.) เผยว่า ธปท. ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลเมื่อเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติเพื่อลดผลกระทบ KSS ประเมิน มาตรการ อาทิ 1.) รับซื้อสุกลต่างประเทศ อาทิ เงิน Dollar และขายเงินบาท โดย ธปท. ทำในช่วงก่อนหน้า 2.)การผ่อนคลายมาตรการเงินไหลออก อาทิ สนับสนุนลงทุนต่างประเทศ 3.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบัน 2.5% Consensus คาด กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดปี 2024 KSS คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งๆ ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ประกันชีวิต โดยรวม KSS ประเมินเป็นจิตวิทหนุนค่าเงินบาทอ่อนค่าขึ้นมาระยะสั้นได้ ประเมินแนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท มองเป็นจังหวะในการ Trading ระยะสั้นต่อกลุ่มส่งออก เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกในงวด 4Q24 อาทิ กลุ่มยาง เน้น STA กลุ่มชิ้นส่วน DELTA, HANA อย่างไรก์ตามแนวโน้มพื้นฐานเงินบาทยังมีแนวโมแข็งค่า จาก 1.)ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟื้นตัว หลังการเมืองชัด มองแนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ ยังมองบวกระยะกลาง เน้น โรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน AAV กลุ่มอาหาร TVO กลุ่ม Mid Small อาทิ MOSHI, TAN, ICHI
(*) Thai GDP : ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB) ออกบทวิเคราะห์ Asian Development Outlook ปรับลดคาดการณ์ GD ปีนี้และปีหน้าลง 0.3% เหลือขยายตัว 2.3% และ 2.7% ลดลงจากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน เม.ย. ที่ 2.6% และ 3% ตามลำดับ KSS ประเมิน ข่าว ADB ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยเป็นจิตวิทยาลบในช่วงสั้นๆ ต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน (ธนาคารและไฟแนนซ์) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ Sensitive ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง อย่างไรก็ตามเราไม่ได้วิตกกับประเด็นนี้โดยมองเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำในปีนี้เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว สะท้อนคาดการณ์ GDP ปีนี้ของ ADB ที่ 2.3% ใกล้เคียงกับคาดการณ์ ของ Krungsri Research ซึ่งคาดว่า GDP ของไทยปีนี้จะขยายตัว 2.4%
(*/+) Consumption Stimulus: 25 ก.ย. เวลา นายจุลพันธ์ รมช.คลัง เผยว่า ข้อมูลการโอนเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบาง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ในวันแรก มียอดโอนแล้ว 3.167 ล้านคน โดยเหลือ 9 หมื่นคนในฝั่งผู้พิการที่ทยอยโอน จากจำนวน 14.5 ล้านคน หรือ 21%ของทั้งหมด โดยจะทยอยจ่ายต่อระหว่าง 26 กย (จะมีการโอนอีก 4.5 ล้านคน รวมเป็น 7.6 ล้านคน และโอนต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. ขณะที่การขับเคลื่อนนโยบายในเฟสที่ 2 แม้ไม่ทันในปี 2024 จากความล่าช้าของระบบ และยังมีความไม่แน่นอนว่าจะแจก 5,000 หรือ 10,000 บาท แต่เราเชื่อว่ามีโอกาสน่าจะแจกได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท สำหรับกลุ่มที่เหลือราว 26 +/- ล้านคนที่เหลือ และเกิดขึ้นได้ทันปี 2025 KSS มองความต่อเนื่องจากการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญหนุนเศรษฐกิจไทยเป็น Upside ต่อประมาณการตลาดที่ส่วนใหญ่ยังไม่รวมในประมาณการ ในงวด 4Q24 เชิงกลยุทธ์ แนะนำสะสมหุ้น Domestic ที่ได้ประโยชน์ ค้าปลีก CPALL BJC ธนาคาร BBL KBANK KTB เช่าซื้อ MTC JMT
(*) To Monitor: ช่วงสัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม
1.) 26-30 ก.ย. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ส.ค. 24 ไม่มีคาด vs prev. +1.79%y-y
2.) 27 ก.ย. จะเป็นวันสุดท้ายของสัญญา U24 และนักลงทุนจะ Rollover ไปเทรดในสัญญา Z24 แทน เราแนะนำระมัดระวังความผันผวนในช่วงใกล้ตลาดปิด
Daily Strategy : AOT, IVL. CPALL เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Side way" เรามอง SET ยังแกว่งขึ้นได้ วันนี้รอติดตามยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก + ถ้อยแถลงประธาน Fed ส่วนภายในวานนี้เริ่มแจกเงินสนับสนุนบริโภคเฟสแรก 1.45 แสนล้านบาท หลังจากนี้ทยอยแจกจนครบ 30 ก.ย. ขณะที่เฟส 2 แม้รัฐจะเริ่มกล่าวถึงทางเลือกจ่ายรายละ 5,000 บาท แต่เชื่อว่าเม็ดเงินที่จะสร้างความต่อเนื่องจากเฟส 1 ยังสูง และส่วนที่เหลือคาดนำไปขับเคลื่อนนโยบายอื่น ซึ่งตลาดน่าจะรอติดตามความชัดเจน เช่นเดียวกับกรณี กระทรวงการคลังเตรียมหารือ BOT สัปดาห์หน้ากรณีเงินบาทแข็งค่าเร็ว และน่าจะครอบคลุมโอกาสลดดอกเบี้ย โดยรวมมอง SET วันนี้แกว่งตัว Sideways โดยมองหุ้นนำวันนี้ Domestic (ค้าปลีก เช่าซื้อ) และหุ้นส่งออกที่มีโอกาสรีบาวน์ (เงินบาทชะลอแข็งค่า ผสาน ยอดส่งออกหลายสินค้ายังดี อาทิ ยาง อาหารทะเล อาหารสัตว์เลี้ยง ) และหุ้น Anti-Commodities (น้ำมัน ลงเฉลี่ย 2.4% หลังสถานการณ์ลิเบียคลี่คลาย)
หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT
กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP
กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย
กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)
กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)
• SEP24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, MTC , MINT, GPSC, CHG
• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP