News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

26 ก.ย. 2567 08:46:16 564

Market Wrap-Up

SET วันที่ 25 ก.ย.67 ปิด -0.52 จุด อยู่ที่ 1,461.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,588 ลบ.ต่างชาติขาย 554 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 59 ลบ.สถาบันซื้อ 374 ลบ. รายย่อยซื้อ 239 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 87 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,SIRI,SCC,BGRIM,CPALL และยอดขายในหุ้น BBL,TRUE,ADVANC,TOP,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,728 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CN01,BANPU,AOT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 17,971 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 67,386 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 2,342 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.70%, S&P500 -0.19%, Nasdaq +0.04% โดยกลุ่มพลังงาน -1.9%, เฮลธ์แคร์ -0.94%, ธนาคาร -0.93% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ส่วนรายงานยอดขายบ้านใหม่ ส.ค. -4.7% อยู่ที่ 716,000 & คาด 700,000 ยูนิต ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.11% กลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ -1.7%, รถยนต์ -1.3% และหุ้น SAP -2.4% ผู้บริการด้านไอทีถูกสหรัฐกล่าวหาเก็บค่าบริการสูงเกินไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.ย. อยู่ที่ 98.7 & ส.ค. 105.6 ลดลงมากสุดในรอบกว่า 3 ปี จากความกังวลต่อตลาดแรงงานสหรัฐอาจชะลอตัว ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 57.4% & เดิม 37% คาดเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม พ.ย. นี้ ประเด็นสำคัญค่ำวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด ในห้วข้อตลาดพันธบัตรสหรัฐ และวันศุกร์ รายงาน US PCE ส.ค.คาด3% & ก.ค. 2.5% YoY จะบ่งชี้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ -1.7% ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มรถยนต์ -1.3% ส่วนผลการประชุม ธ.กลางสวีเดนปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 3.25% ตามคาดการณ์ และวันนี้ติดตามการประชุม ธ.กลางสวิต ฯคาดลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 1.0% และถ้อยแถลงของ ปธ. ECB ต่อทิศทางการลดดอกเบี้ย ซึ่งตลาดคาด ECB จะทยอยลดดอกเบี้ยต่อไปจนถึงกลางปีหน้า คาดดอกเบี้ยจะปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 2 – 3% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัว หลัง GDP เยอรมัน Q2/67 -0.10% QoQ
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.16%, ฮั่งเส็ง +0.68% ตอบรับ ม.ผ่อนคลายการเงินของ ธ.กลางจีนด้วยการเตรียมลด RRR ของธนาคารลง 0.50% และ ม.ลดดอกเบี้ยจำนอง & ลดเงินดาวน์บ้านหลังที่ 2 เพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหา ฯ จีน ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -0.19% ระหว่างรอตัวเลข Tokyo CPI ก.ย. ในวันพรุ่งนี้
ดัชนี SET วานนี้ -0.04% ปริมาณการซื้อขาย 6.2 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 554 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 59 ลบ. สถาบันซื้อ 374 ลบ. และรายย่อยซื้อ 239 ลบ. โดยดัชนีถูกแรงขายจากกลุ่มปิโตรเคมี, อิเล็กฯ และพลังงาน หลังวันก่อนปรับขึ้นแรงรับข่าว ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ ส่วนกลุ่มไฟแนนท์ปรับลดลง นำโดย MTC -2.97% หลังนักลงทุนกังวลต้นทุนการเงินอาจสูงขึ้น จากการออกหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่อัตรา 6.87% โดยเม็ดเงินลงทุนได้สลับเข้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์, วัสดุก่อสร้าง ที่คาดอุปสงค์จากจีนมีแนวโน้มปรับดีขึ้น และกลุ่มเกษตร +0.56% หลัง ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทย ส.ค. +7.0% ดีกว่าคาด +6.0% YoY ได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มเกษตรอุต ฯ +17.1% YoY เช่น ยางพารา +64.8%, อาหารทะแลกระป๋องและแปรรูป +20.5% และอาหารสัตว์เลี้ยง +25.0% โดย สรท.คาดค่าเงินบาทแข็งค่าจะเริ่มมีผลกระทบต่อการส่งออกไทยช่วงปลายปี – ไตรมาส 1/68 ซึ่ง กระทรวงการคลังเตรียมหารือ ธปท. ในสัปดาห์หน้าในประเด็นอัตราดอกเบี้ย, กรอบเงินเฟ้อ และค่าเงินบาท

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,470 คาดได้แรงหนุนจาก ม.จ่ายแจกสดกลุ่มเปราะบาง รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ใน ต.ค. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว กลุ่มอุปโภค CPALL,CRC,BJC,HMPRO,CBG ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงินสด / ส่งออก STA,ITC,AAI / ท่องเที่ยว BA,MINT,ERW / กลุ่มปลอดภัย BDMS,GPSC,BGRIM/ เก็งกำไร SC,SIRI,SPALI
กลุ่มเดินเรือ (ซื้อเก็งกำไร) PSL* มีปัจจัยหนุนจากค่าระวางเรือเทกองที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับราคาสินแร่เหล็ก (Iron Ore) ที่เริ่มฟื้นตัว ด้วยแรงเก็งกำไรแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลจีนจะช่วยกระตุ้น demand ส่วน RCL* มีประเด็นแรงงานท่าเรือในสหรัฐฯ ทางฝั่ง east coast นัดหยุดงานในวันที่ 1 ต.ค.หากไม่สามารถทำข้อตกลงสัญญาใหม่ในการปรับขึ้นค่าจ้าง อาจจะทำให้ค่าระวางสินค้าปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจากการเร่งขนส่งสินค้าก่อนเข้าช่วงวันหยุด golden week ของจีนสนับสนุนในช่วงสั้น
CENTEL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 17 บาท) ระยะสั้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมี sentiment บวกจากโอกาสฟื้น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” รวมถึงวันหยุดยาวของจีนในช่วง 1-7 ต.ค.67 นี้ ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเดือนก.ค.-ส.ค.67 ยัง +22%YoY นอกจากนี้ ด้านธุรกิจอาหาร คาด KFC ได้ประโยชน์จาก Texas Chicken ปิดกิจการ โดยทาง CENTEL* วางเป้าปี67นี้ ธุรกิจโรงแรม อัตราการเข้าพักเฉลี่ย ที่ 70%-73% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000-4,300 บาทต่อห้อง/ เป้าธุรกิจอาหาร SSSG +1-3%YoY ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 และ 68 CENTEL* ที่ 1,528 ลบ.(+22%YoY) และ 1,898 ลบ.(+24%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI พ.ย. -$1.87 อยู่ที่ $69.69 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$1.71 อยู่ที่ $73.46/บาร์เรล หลังรัฐบาลลิเบียตะวันออก – ตกลงนามข้อตกลงแต่งตั้งผู้ว่า ธ.กลางลิเบีย ช่วยหยุดข้อพิพาทว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ควบคุมรายได้จากน้ำมัน ส่งผลให้ลิเบียกลับมาส่งออกน้ำมันได้ตามปกติ ขณะที่ EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4.5 ล.บาร์เรล มากกว่าคาดจะลดลง 1.3 ล.บาร์เรล

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$7.70 อยู่ที่ $2,684.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม พ.ย.

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +0.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -16.93 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +0.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +16.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 32.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.785 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +2 จุด อยู่ที่ 2,016

(-) BitCoinเช้านี้ -2.50% อยู่ที่ 62,801 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

24 ก.ย. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

30 ก.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

23 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.ย.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.ย.)

24 ก.ย. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.ย.)

25 ก.ย. US ยอดขายบ้านใหม่ ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

26 ก.ย. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

27 ก.ย. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS