Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

506


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยกกรอบไปที่ 1450-1470
กลยุทธ์วันนี้เน้น Commodity Play

Market Strategy
SET Index คาดยกกรอบขึ้นไปที่ 1450-1470 จุด ตามสินทรัพย์เสี่ยงโลกที่อยู่ในโหมด Risk On ตอบรับจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ที่คาดช่วยดึงดูด Fund Flow ไหลเข้าภูมิภาครวมถึงบ้านเราได้ต่อ หลังวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท ด้านปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามยอดส่งออกเดือน ส.ค. กลยุทธ์เลือกหุ้น Commodity Play อย่าง BCP และ NER

จีนประกาศมาตรการฟื้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยแบ่งกระตุ้นหลักๆเป็น 3 ส่วน 1) การลดดอกเบี้ยฯ และลดการตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ ช่วยหนุนสภาพคล่องต่อระบบเศรษฐกิจ 2) มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ 3) พิจารณาตั้งกองทุนพยุงวงเงิน 8 แสนล้านหยวนคิดเป็น 1.8%ของ Market Cap ของดัชนี SHCOMP (รายละเอียดมาตรการอื่นๆตามหน้า 3) โดยนักเศรษฐศาสตร์ของเราประเมินว่าผลบวกต่อมาตรการต่อผลในเชิงเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลา จึงยังคงคาดการณ์ GDP Growth 67E ของจีนขยายตัว 4.8%YoY แต่ปรับประมาณการณ์ GDP Growth 68E ขึ้น 0.2% ไปที่ 4.5%YoY
ด้านการตอบสนองตลาดหุ้นวานนี้บวกทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นจีนบวกไป 4% ตลาดหุ้นสหรัฐฯบวกเฉลี่ย 0.3% จึงยังน่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นบ้านเราได้ต่อ โดยเรามองหุ้นที่ได้ประโยชน์ 4 กลุ่มหลัก 1) กลุ่ม China Play ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจีนอย่างกลุ่มปิโตรฯ (PTTGC IVL) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP) 2) กลุ่ม Commodity Play ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นทั้งราคาน้ำมันดิบ (PTTEP BCP) ยางพารา (STA NER) และ 3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากหยวนอ่อนค่า (นำเข้าถูกลง) MOSHI 4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW)

ส่วนประเด็นในประเทศ ความกังวลต่อค่าเงินบาทแข็งค่ายังมีอยู่ โดยเช้านี้เงินบาทแข็งค่ามาที่ 32.6 บาท/usd ซึ่งนายกฯมอบหมายคลังหารือกับ ธปท.เพื่อแก้ปัญหา ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้อยู่ที่การรายงานตัวเลขภาคส่งออกไทยเดือน ส.ค. (เวลา 13.00 น.) ซึ่ง Bloomberg Consensus คาดขยายตัว 6%YoY และยอดนำเข้าคาดขยายตัว 6.5%YoY

 


Market Summary
SET Index ปรับขึ้นแรง 14.2 จุด หนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หนุนหุ้นในกลุ่ม Global Play ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มปิโตรฯ PTTGC +15% IVL +4% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP +7% กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA +3% HANA +5% สวนทางกลุ่ม Domestic Play ที่ Underperform นำโดย กลุ่มไฟแนนซ์ MTC -2% SAWAD -1% จากแรงขายทำกำไรรวมถึง Sentiment ลบอ่อนๆ จากการเลื่อนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่มีกำหนด


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCP NER

 


NER กำไร 3Q67 เติบโตดี
หนุนปันผลครึ่งหลังอยู่ในระดับสูง
แนวโน้มกำไร 3Q67 ยังมีโอกาสเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากราคายางพาราที่ปรับขึ้นรวมถึงเริ่มได้ประโยชน์จากการส่งยาง EUDR ล็อตแรกให้ลูกค้าในจีน 2-3 พันตันภายใน ก.ย. ขณะที่ภายในปี 67 คาดส่งออกยาง EUDR ได้ 4.5 หมื่นตันและจะเติบโตได้มากขึ้นในปี 68
กำไรทั้งปี 67 Bloomberg Consensus คาดจะขยายตัว 24% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER67E ไม่แพงที่ 5.43 โดยคาดปันผลในช่วง 2H67E ที่ 0.35 บาทต่อหุ้นหรือจ่ายในอัตราที่สูงถึง 6.5%
ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงยางตลาด SICOM ปรับขึ้น5.4% นอกจากนี้วันนี้มีลุ้นได้แรงส่งเพิ่มหากการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. ออกมาดี ซึ่งยางพาราถือเป็นสินค้าได้ลุ้นเนื่องจากเดือน ก.ค. เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY จึงอาจมี Momentum ต่อเนื่อง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.80 บาท


BCP ดีดตามราคาน้ำมันดิบ
วันนี้คาดราคาหุ้นได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่วานนี้ปรับขึ้นกว่า 1% หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของจีน ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลกับกลุ่ม ฮิซบอลเลาะห์และเฮอริเคนลูกใหม่ที่เตรียมเข้าสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังการผลิตบางส่วน
สัปดาห์หน้าเราคาด BCP มีลุ้นได้เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์จะทยอยเข้าในตลาด เนื่องจาก Valuation ถูกเพราะซื้อขาย PER68F 6 เท่าปันผลสูง 5-8% และ ESG Rating อยู่ระดับ AAA
ขณะที่แนวโน้มกำไรยังเติบโตจากธุรกิจSAF จะสร้างกำไรให้กับ BCP ประมาณ 2.6-4.1 พันลบ. ต่อปีในปี 2568-2570 หนุนกำไรปกติปี 68 เติบโต 48.6%YoY ด้านกำไรปกติ 2H67 คาดว่าฟื้นตัวตาม GRM ตามผลของฤดูกาล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท


KEY FACTOR
PBOC ผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่ โดยจะมีชุดมาตรการที่เร่งด่วย ประกอบด้วย 1) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Repo 7 วัน จาก 1.7% สู่ระดับ 1.5% 2) ปรับลด อัตราส่วนการตั้งสำรอง (RRR) ลง 0.5% 3) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง (MLF) 0.3% 4) ปรับลดเงินดาวน์ขั้นต่ำสำหรับการกู้ซื้อบ้านหลังที่สองจาก 25% สู่ระดับ 15% นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมในช่วงถัดไป ส่งผลบวกต่อ sentiment ตลาดหุ้นเอเชีย 1) จีน Shanghai Composite ปรับตัวขึ้น +4.15% ถือเป็นการปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง 2) ตลาด ASEAN ปรับตัวขึ้นในช่วง +0.04% ถึง +0.98% ซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ Outperform มากที่สุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน และกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาต่อเนื่องอีก 2.56 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอดสะสม สูงขึ้นเป็น 3.38 หมื่นล้านบาท

Eyes on
25 ก.ย. ส่งออกไทย เดือน ส.ค.
26 ก.ย. GDP 2Q67 (รายงานรอบที่ 3) ของสหรัฐฯ
27 ก.ย. ดัชนี PCE เดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone, กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้