วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down โดยช่วงเช้าปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศได้แรงหนุนจาก BOJ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้น ประกอบกับราคาน้้ามันดิบปรับตัวขึ้นแรง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลงหลังผู้ว่า ธปท.ชี้ว่าไม่จ้าเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟด แต่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศมีแรงขายในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,451.69 จุด -3.15 จุด -0.22%มูลค่าการซื้อขาย 67,537.63 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +27.30 จุด +1.92%) ProgramTrading -713.56 ลบ. ต่างชาติ +1,399.32 ลบ. TFEX -17,609 สัญญา ตราสารหนี้ +1,358.44 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 38.17 จุด หรือ +0.09% เนื่องจากนลท.ชะลอการเข้าซื้อหุ้นหลังจากตลาดบวกแรงในวันพฤหัสบดีซึ่งได้แรงหนุนจาก FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% วันศุกร์ดัชนีหลักส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงแต่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย1% เมื่อเทียบรายสัปดาห์โดยดัชนีดาวโจนส์ +1.62% ดัชนี S&P500 +1.36% และดัชนี Nasdaq +1.49%
+ คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมจัดประชุมนัดแรกในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ย.) หารือแก้หนี้ทั้งระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจ
+ รมช.คลังคาดชงร่างพ.ร.บ.กอช."หวยเกษียณ"เข้าครม.ต้น-กลางต.ค.หลังผลประชาพิจารณ์เห็นด้วย 99.05% พร้อมแนะขยายอายุผู้เข้าร่วมโครงการเกิน 60 ปีและขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างกว่าแรงงานนอกระบบ
+/- การประชุมบอร์ดค่าจ้างหรือไตรภาคีเพื่อพิจารณาค่าแรงขั้นต่้า 400 บาทเมื่อ20 ก.ย.ล่มเป็นครั้งที่สองเนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม ส่วนการประชุมครั้งถัดไป24 ก.ย. ธปท.ระบุว่า นายเมธี สุภาพงษ์ 1 ในกรรมการค่าจ้างฝ่ายรัฐได้เกษียณไปแล้วไม่ได้เป็นตัวแทน ธปท.และไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบแล้ว
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้้ามันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลดลง 3 เซนต์ หรือ -0.04% ปิดที่71.92 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันสัญญาน้้ามันดิบ WTI และ เบรนท์ ต่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และการลดลงของสต็อกน้้ามัน
ในสหรัฐฯ
- กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างหนักยิงจรวดตอบโต้ทางตอนเหนือของอิสราเอล หลังจากอิสราเอลโจมตีทางอากาศด้วยการทิ้งระเบิด
ในพื้นที่ทางใต้ของเลบานอนเมื่อวันเสาร์ (21 ก.ย.)
- ผลการประชุมหารือและพูดคุยถึงปัญหาที่มีต่อการส่งออกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สรุปว่าค่าบาทแข็งผันผวนอย่างรุนแรงในช่วง2 เดือนก่อนหน้านี้ถึงปัจจุบัน แข็งค่าแล้ว 10-12% ก้าลังเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป
- ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวรายงานว่าการที่ค่าเงินบาทแข็งระยะสั้นยังไม่มีผลกระทบ แต่หากแข็งค่าต่อเนื่องและทิศทางน่าจะยังแข็งค่าต่อในระยะกลางและยาว อาจมีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาเที่ยวไทยลดลง เพราะค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นจากเงินบาทแข็ง
- สถานการณ์การท่องเที่ยวและการจองเข้าพักในช่วงวันหยุดยาวของวันชาติจีนระหว่าง 1-7 ต.ค. พบว่ามียอดจองและมาเที่ยวไทยไม่มากจนมีนัยสำคัญ อาจเพราะปัญหาเศรษฐกิจจีน กลุ่มรายได้ระดับกลางและล่างที่มักมากับบริษัทน้าเที่ยวยังไม่ฟ้นตัว แต่ภาพรวม 4Q67 น่าจะคึกคักมากขึ้นจากปีก่อนเนื่องจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มครอบครัวมีรายได้สูงยังเดินทางเที่ยวนอกประเทศต่อเนื่อง ดูจากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มเรื่อยๆ และมีเป้าที่ตั้งไว้36.7 ล้านคน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสพักฐานหลัง ธปท. เผยไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยตามเฟด โดยขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม Fund Flow ที่ไหลเข้าต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยหนุนต่อดัชนี มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,445-1,460 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้้าลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ย : SAWAD MTC TIDLOR JMT BGRIM GULF GPSC