Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

411

 

ยังถูกโอบอุ้มด้วยปัจจัยบวก
ยังเห็นปัจจัยบวกที่คอยโอบอุ้ม SET INDEX ไว้อย่างน้อย 3 ส่วน เริ่มจากทิศทางดอกเบี้ยโลกที่อยู่ในขาลงชัดเจน การที่ กนง. บ้านเรายังไม่ปรับลดดอกเบี้ยทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพแวดล้อมดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดการเงิน โดยเป็นแรงดึงดูดให้FUND FLOW ไหลเข้าต่อเนื่อง ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งจากการประมวลข่าวล่าสุดเชื่อว่าจะมียอดจองซื้อได้ตามเป้าหมาย 1.5 แสนล้านบาท โดยน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินดังกล่าวเข้ามามีบทบาทต่อ SET INDEX ในช่วงเดือนต.ค.67 และประการที่ 3 เป็น เรื่องนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท ทั่วประเทศ โดยประเด็นนี้ช่วงที่ผ่านมาถือเป็นแรงกดดัน แต่จากการติดตามสถานการณ์ พบว่ามีเรื่ององค์ประชุมไม่ครบถึง 2 ครั้ง ทำให้แรงกดดันตลาดลดลงไปประเมินว่า SET INDEX ยังถูกโอบอ้อมอยู่ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวข้างต้นทำให้ยังอยู่ในขาขึ้น วันนี้ประเมินกรอบ 1445 –1460 จุด หุ้น TOP PICKเลือก CPALL, COM7และTASCO

 


“เงินบาท”แข็งแล้ว แข็งอีก และยังมีโอกาสแข็งต่อ
วัฏจักรดอกเบี้ยโลกมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเป็นไปตามธนาคารกลางต่างๆ คาดการณ์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากแรงกดดัน 2 ส่วนหลัก คือ

1. FED อาจปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้รวม 1% ซึ่งจะมีอัตรามากกว่า ECB(0.75%), BOE (0.5%) หลังFED มั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมทั้งนี้ FED ได้ปรับดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี(เมื่อ 18 ก.ย. 67) ลดลง 0.5%สู่ระดับ 5.0% ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ DOT PLOT คาดลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 0.5% สู่ระดับ 4.5%

2. ผู้ว่าการ BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อญี่ปุ่นในระยะถัดไปเป็นไปตามคาดของ BOJ ขณะที่ก่อนหน้านี้ BOJ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ จาก -0.1% สู่ระดับ 0.25%หากเทียบตามสัดส่วนตะกร้าเงินดอลลาร์ ประกอบไปด้วยค่าเงินของประเทศยุโรปญี่ปุ่น และอังกฤษ รวม 83% ซึ่งหากค่าเงินของประเทศหล่านี้แข็งค่าขึ้นอาจกดดัยค่าเงินดอลลาร์ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ยังทำให้ BOND YIELD 10Yสหรัฐฯ มีโอกาสย่อตัวลงเรื่อยๆ และในกรณีที่ดอกเบี้ยไทยยังทรงตัวอยู่ที่ 2.5% จะหนุนให้ผลต่างระหว่าง BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ – ไทย มี GAP ที่แคบลงได้อีก ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณสะท้อนค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่ามากขึ้น ถือเป็นแรงหนุนดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ ไหลเข้าบ้านเรา


สรุป กลไกทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า ECB BOE อีกทั้งการดำเนินนโยบายการเงิน BOJ ที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย ล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ขณะที่ดอกเบี้ยไทยมีโอกาสตึงไว้ที่ 2.5% ถือเป็นแรงหนุนให้ FUNDFLOW ไหลเข้าบ้านเรามากขึ้น

ลุ้น กนง. ลดดอกเบี้ยในปีนี้ เพื่อรักษาเสีถียรภาพค่าเงินบาท
ฝ่ายวิจัยฯคาดว่า กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้1 ครั้ง(25 BPS.) ผ่านการประชุมกนง.ที่เหลืออยู่ 2 ครั้งในปีนี้ คือ ประชุม กนง. ครั้งที่ 5/67:16 ต.ค. 67และ ประชุม กนง.ครั้งที่ 6/67: 18 ธ.ค. 67ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนอยู่ 3 เหตุผลหลัก ดังน


1. FED ทยอยลดดอกเบี้ยแล้วผ่านการประชุมรอบล่าสุดถึง 50 BPS. และตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยอีก 75 BPS. ภายในสิ้นปีนี้ จนคาดจะอยู่ระดับ4.25%(อ้างอิงจาก FED WATCH TOOL)


2. ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าแร็วและแรง ตามกลไกของ DOLLAR INDEX ที่อ่อนค่าหลัง FED ขึ้นดอกเบี้ย โดยตั้งแต่ต้นไตรมาส ค่าเงินบาท แข็งค่ากว่า 10.3% ซึ่งถือว่าเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 25 ปีครึ่ง (102 ไตรมาส) อีกทั้งยังแข็งค่าเป็นระดับต้นๆในแถบโซนเอเชีย

3. การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วและแรง จะส่งผลลบโดยตรงต่อภาคการส่งออกท่องเที่ยว โดยต้องติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้า ประจำเดือน ส.ค.67 ว่าจะ
ออกมาเช่นไร โดยทาง BLOOMBERG CONSENSUS ประเมินว่าตัวเลขส่งออกอยู่ที่ +6.0%YOY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +15.2%YOY


ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้นักลงทุนคาดหมายว่า ธปท.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในอนาคตโดยในปีนี้มีโอกาสเห็นการลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้ง ราว 25 BPS. สะท้อนตาม BONDYIELD ไทยอายุ 1 ปี ถึง 10 ปี ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ทั้งหมด

 

เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และ THAIESG น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการพยุงตลาดช่วง 4Q67
กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เม็ดเงินกว่า 1.5 แสนล้านบาท ถูกจองซื้อเต็ม หลังจากเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยจองซื้อเมื่อวันที่ 16-20 ก.ย. 67 และผู้ลงทุนสถาบัน จองซื้อวันที่ 18-20ก.ย. 2567 ผ่าน 8 สถาบันการเงิน พร้อมประกาศผลจัดสรรเป็นแบบ “SMALL LOTFIRST” วันที่ 25 กันยายน 2567และจะเปิดซื้อขายในตลาดฯ วันแรก 7 ต.ค. 67และยังมีเม็ดเงินจาก THAIESG เงื่อนไขใหม่ 34 กองทุน พอรัฐบาลอนุมัติผ่านมาได้ 1เดือนกว่า ๆ มีเม็ดเงินหนุนเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท จนมี AUM ล่าสุด อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท (ณ 20 ก.ย. 67) โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดหวังจะมีเม็ดเงินไหลใหม่ไหลเข้าเพิ่มอีก 1 –2หมื่นล้านบาท ในช่วง 4Q67 เพราะปกตินักลงทุนมักกระจุกการลงทุนกองทุนประหยัดภาษีในช่วงท้ายๆ ปี หรือไตรมาสที่ 4 ราว 66% ของทั้งป


สรุป เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และ THAIESG น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการพยุงตลาดช่วง 4Q67 ให้ขยับขึ้นไปเหนือ 1500 จุดได้

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER สานต่อโครงการ “NER ยิ้มสวย สุขภาพฟันดีกับทันตกรรมเคลื่อนที่” ปี 2 ร่วมดูแลสุขภาพช่องปากพนักงานกว่า 1,000 คน

ในยุคที่การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ทั้งการออกกำลังกายหรือการทานอาหารที่ดี แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหลายตลาด หมดแรง อ่อนตัวลง แต่หุ้นไทย วูบไป 1.44% ในเช้าวันนี้ ด้วยใช้ข่าวดี .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้