Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

524

 


ลองมองมุมบวก จากการปรับขึ้นค่าแรง
วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่จะเห็นการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 400 บาท ซึ่งเราเห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีผลกระทบที่จำกัดมากกว่ารายเล็ก ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มที่มีโครงสร้างต้นทุนมาจากค่าแรงในสัดส่วนที่สูง ถูกแรงกดดันให้ปรับลดลงไป แต่อย่างไรก็ตามยังมีอีกมุมด้านหนึ่งที่อาจเป็นผลดีจากการปรับขึ้นค่าแรง เช่นทำให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือน (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาวะที่มีหนี้สินสูง) ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ภาครัฐมีการจัดเตรียมมาตรการเพื่อลดผลกระทบ ซึ่งอาจเป็นมาตรการด้านภาษีไว้บางส่วน นอกจากนี้ การอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็น่าจะมีส่วนช่วย พิจารณาจากทั้ง 2 มุมแล้วอาจทำให้เห็นแรงซื้อกลับมาในหุ้นกลุ่มที่เคยถูกกดดันได้มุมมองต่อ SET INDEX ของเรายังไม่เปลี่ยน กล่าวคือยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เป้าหมายทางพื้นฐานอยู่ที่บริเวณ 1510 – 1523 จุด ส่วนกรอบวันนี้1450 –1470 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CPALL, SCGP และTRUE


FED ลดดอกเบี้ยรอบนี้ หวังพาเศรษฐกิจลงจอดแบบ SOFT LANDING
วานนี้ตลาดหุ้นโลกดีดขึ้นแรง เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนบวกราว 1.3%- 2.5% โดยมีแรงหนุนจาก FED ปรับดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ลดลง 0.5% สู่ระดับ5.0% (DOT PLOT คาดดอกเบี้ยปลายปีนี้ 4.5%) บวกกับผู้ขอสวัสดิการว่างานสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 219,000 ต่ำแหน่ง ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ไม่ได้ซบเซาแบบฉับพลันภาวะดังกล่าวทำให้ระดับความกลัวเรื่อง RECESSION ลดลงไป พร้อมกับคาดหวังว่าการเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯในรอบนี้ FED จะทำ SOFT LANDING สำเร็จ


ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีแนวโน้มลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 2% หนุนให้ ECB ทำการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้มาแล้ว 2 ครั้ง รวม 0.5% และCONSENSUS คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งใน 12 ธ.ค. ขณะที่BOE แม้จะมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.0% ในการประชุมวานนี้ แต่ในเดือน ส.ค. 67 มีการปรับลดดอกเบี้ยมาแล้ว 1 ครั้ง และ CONSENSUS คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งใน 7 พ.ย. นี้ส่วน BOJ จะมีการประชุมในวันนี้ เวลา 10.00 น. CONSENSUS คาดว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งใน 19 ธ.ค. 67เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ


สรุป วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงชัดเจน บนความคาดหวังเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแบบ SOFTLANDING หนุนให้เม็ดเงินไหนเข้าสินทรัพย์เสี่ยงากขึ้นในช่วงนี้
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ตุลาคมนี้ กลุ่มหุ้น OUTPERFORM และUNDERPERFORM มีอะไรบ้าง

วันนี้จะมีการประชุมไตรภาคีอีกครั้งเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน (ซึ่งหากตัวแทนนายจ้างไม่มาร่วมประชุมถือว่าสละสิทธิ์ โดยอ้างอิงเสียงการโหวต 2 ใน 3เสียง และสามารถโหวตได้) โดยจะประกาศใช้พร้อมกันวันที่ 1 ตุลาคม 67 ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยมีความกังวลประเด็นดังกล่าวผ่านราคาหุ้นบางหลักทรัพย์ในช่วงสัปดาห์นี้ ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงลองทำการศึกษาในเชิงปริมาณ หาพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละ SECTOR ในช่วงเวลา 1 เดือน หลังมีการประกาศขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ ทั้ง 6 รอบที่ผ่านมา พบว่า กระทบต่อ SET INDEX จำกัด โดย SET ยังปรับขึ้นได้เฉลี่ย +0.9% แต่มีความน่าจะเป็นให้ผลตอบแทนเป็นบวก 50% และยังมีกลุ่มหุ้นที่OUTPERFORM ตลาด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อาทิHELTH +7.2%, FIN+6.3%, INSUR+4.5%, TOURISM +2.8% ในทางตรงกันข้ามกลุ่มหุ้นที่ UNDERPERFORM ตลาด และต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกระทบต่อกำไรชัด อาทิ CONS -1.0% ซึ่งกลุ่มหุ้นดังกล่าว น่าจะนำไปปรับใช้ในการปรับพอร์ต เพื่อรับมือกับประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในระยะถัดไปได้

 

สรุป ประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400บาท/วัน คาดผลกระทบในแต่ะละอุตสาหกรรมแตกต่างกันออกไป แต่อยู่ในวงจำกัด(ไม่มีนัยฯมากนัก) เนื่องจากสถิติในอดีตคอยสนับสนุน โดยหากราคาหุ้นตัวใดตอบสนองต่อประเด็นนี้มากเกินไป ถือเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อเพิ่มขึ้นอาทิ HELTH, FIN, INSUR, TOURISM เป็นต้น

VALUATION มองผ่าน MARKET EARNING YIELD GAP ยังดูน่าลงทุน
ในมุม VALUATION ภายใต้ EPS67F ที่ 91.4 บาท/หุ้น และดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ณดัชนีที่ 1435 จุด (18 ก.ย. 67) สามารถคำนวณระดับ MARKET EARNING YIELDGAP (MEYG) หรือส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนในดอกเบี้ยนโยบายกับตลาดหุ้นไทยได้ 3.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนในเชิงเปรียบเทียบ เพราะสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาก ที่ดัชนี S&P500 มี MEYG เพียง -0.8% และสูงกว่าในกลุ่ม TIP อย่างตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ มี MEYG 1.9% และตลาดหุ้นอินโดฯ มี MEYG 0.7% เป็นต้น

 

ขณะที่มองในมุมของ EPS GROWTH ปีนี้ไทยเติบโต 13.1% ซึ่งยังสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ที่9.5% และยังสูงกว่าตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฟิลิปปินส์และ หุ้นอินโดฯ ที่มีEPS GROWTH ปีนี้ โตระดับ 8.5% และ 12.6% ตามลำดับ

และในมุมเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย ปกติจะมีการซื้อขายบน MEYG เฉลี่ยที่ 3.8% แต่ในกรณีFUND FLOW ไหลเข้าอาจจะซื้อขายบน MEYG ที่แคบลงมาในระดับ -0.5SDถึง -1 SD ตามกลไกจะหนุนให้ตลาดซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นและหนุนดัชนีเพิ่มขึ้นได้ 73จุด และ 126 จุด เป็น 1523 จุด –1576 จุด


สรุป ในมุม VALUATION ตลาดหุ้นไทย อิง MEYG ถือว่าถูกเมื่อเทียบกับสหรัฐ และกลุ่ม TIPนอกจากนี้ในมีดัชนีเป้าหมายมีโอกาสได้ UPSIDE ส่วนเพิ่ม กรณี FUND FLOW ไหลเข้า หรือSET INDEX มีโอกาสทะลุ 1500 จุดได้ในปีนี้

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้