News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

20 ก.ย. 2567 09:08:51 465

Market Wrap-Up

SET วันที่ 19 ก.ย.67 ปิด +19.07 จุด อยู่ที่ 1,454.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,668 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,037 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 744 ลบ.สถาบันซื้อ 104 ลบ. รายย่อยขาย 1,886 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 685 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น GULF,DELTA,SAWAD,KTB,TTB และยอดขายในหุ้น EA,PTTEP,IVL,AOT,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 3,464 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,HMPRO,PTTEP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 10,510 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 71,693 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 2,369 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.26%, S&P500 +1.7%, Nasdaq +2.51% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี +3.08%,สินค้าฟุ่มเฟือย +2.2% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภค -0.58%, สาธารณูปโภค -0.57% ได้ปัจจัยหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.5% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.38% ปิดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.5%, เหมืองแร่ +3% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค & เทเลคอม -1% ขณะที่ BOE คงดอกเบี้ย

Market View

ตลาดสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.50%, ปี 68 คาดลด 1% และ ปี 69 คาดลด 0.50% บ่งชี้เฟดสามารถคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย และทยอยปรับลดดอกเบี้ยเพื่อรักษาการเติบโตของตลาดแรงสหรัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจชะลอตัวแบบ Soft Landing ขณะที่ CME Fed Watch ชี้โอกาส 67% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน พ.ย. และโอกาส 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ใน ธ.ค. ซึ่งมากกว่าประมาณการณ์ของเฟด ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 12,000 อยู่ที่ 219,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากดัชนี DAX เยอรมัน +1.55% ทำจุดสูงสุด ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, เหมืองแร่ หลังเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% และชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐไม่มีสัญญาณถดถอย ขณะที่ผลการประชุม BOE อังกฤษมีมติ 8 – 1 คงดอกเบี้ยที่ 5.0% หลังตัวเลขเฟ้อจากภาคบริการ ส.ค.+5.6% YoY ส่งผลให้ BOE จะลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่า FED, ECB โดย BOE เผยจะลดการถือพันธบัตรอังกฤษปีหน้าอีก 1 แสน ล.ปอนด์
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีนิเกอิ +2.13% ได้แรงหนุนหลังค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 142.5 เยน/ดอลลาร์ และลดความกังวลเฟดจะลดดอกเบี้ยจำนวนมาก ๆ ในระยะต่อไป เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็ง +2.0% ตอบรับการลดดอกเบี้ยสหรัฐในรอบกว่า 4 ปี ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ในอนาคต
ดัชนี SET วานนี้ +1.33% ปริมาณการซื้อขาย 6.7 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,037 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 744 ลบ. สถาบันซื้อ 104 ลบ. และรายย่อยขาย 1,886 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ, อสังหาฯ, ไฟแนนท์ และโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวก็ปรับขึ้น ตอบรับ ม.กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านโครงเราเที่ยวด้วยกัน และการเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ส่งผลบวกไปยังกลุ่มโรงแรมและสายการบิน ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับลดลง จากคาดการณ์กำไรอาจถูกกดดันจาก NIM ที่แคบคง หลัง กนง.อาจพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบาย จากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกที่เป็นขาลง กอปรกับค่าเงินบาทช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าค่อนข้างเร็ว โดยภาพรวมดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าซื้อหุ้นไทย และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยวานนี้มูลค่า 2.36 พัน ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ FTSE Rebalance จะมีผลในช่วงปิดตลาดวันนี้ โดยหุ้นที่ถูกถอดออกจาก Large Cap สู่ Mid Cap คือ CRC,EA,MINT,PTTGC,OR และ BLA ถูกถอดออกจา Mid Cap สู่ Small Cap. ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในช่วงปิดตลาดผันผวนสูงได้

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 แนวต้าน 1,460 – 1,470 คาดดัชนีได้แรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าลงทุนในกลุ่มตลาดหุ้น TIP กอปรกับเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ใน ต.ค. แต่จาก Valuation ของดัชนีที่เริ่มแพงขึ้น จึงแนะนำทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนตัว เช่น SAWAD,AEONTS,KTC ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง/ GPSC,BGRIM,AAV,BA ได้แรงหนุนจากค่าบาทแข็งค่า/ กลุ่มอุปโภค CPALL,BJC,CBG,OSP จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อ / เก็งกำไร HANA,KCE คาดกำไรกลุ่ม IC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
CPN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 81.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2H67 เติบโต YoY หนุนจากรายได้ศูนย์การค้าเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ 2 แห่งในช่วง 1Q67 ประกอบกับธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยว ส่วนธุรกิจอสังหาฯ ยังมี backlog ที่รอโอนอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่อง ด้านแผนการลงทุนวาง capex 1.5 หมื่นล้านบาท ในโครงการ central กระบี่ และรีโนเวทศูนย์การค้า Central ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ บางนา และเชียงใหม่แอร์พอร์ต คาดทยอยดำเนินการเสร็จในปี 68-69 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี อิง Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 64 หมื่นล้านบาท +9%YoY และปี 68 อยู่ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท +8%YoY
MINT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 05 บาท) หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมี sentiment บวกจากโอกาสฟื้น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะที่การดำเนินงานครึ่งปีหลังยังจะมีแรงหนุนจากโรงแรมในโซนเอเชียเข้าสู่High Season ในไตรมาส4ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจอาหารด้วย ด้านแผนงาน ปีค.ศ. 2023-2026 MINT ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 8-10%YoY วางงบลงทุนปี24 ที่1.3 หมื่นลบ. และปี25-26 ที่ราว 8พัน – 9พันลบ.ขยายร้านอาหารมากกว่า 3,700 สาขา(จากสิ้นปี 23 อยู่ที่ 2,645 สาขา) และโรงแรมมากกว่า 780 แห่ง (จากสิ้นปี 23 อยู่ที่ 532 แห่ง) ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี24 และ ปี25 ของ MINT* ที่ 8,314 ลบ. (+54%YoY) และ 9,451 ลบ.(+14%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ต.ค. +$1.04 อยู่ที่ $71.95 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.23 อยู่ที่ $74.88/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด จะเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นอุปสงค์ความต้องการใข้น้ำมัน กอปรกับปัจจัยเสี่ยงความไม่สงบในตะวันออกกลาง ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$16.0 อยู่ที่ $2,614.60 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.50% กอปรมีแรงซื้อจากกองทุน ETF ทองคำ

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +197.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +31.34 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +136.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +30.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.707 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +86 จุด อยู่ที่ 1,976

(+) BitCoinเช้านี้ +1.30% อยู่ที่ 62,810 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) Core CPI ญี่ปุ่น ส.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.8% & ก.ค. 2.7% YoY

(0) ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ที่ 3.35%, 3.85% ตามลำดับ

Economic Calendar

ในประเทศ

12 ก.ย. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

ต่างประเทศ

16 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

17 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)

18 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS