มุมมองตลาดหุ้นวันนี้  SET คาดพักตัวลง โดยมีแรงกดดันหลักจากภายนอก ส่วนภายในยังคาดหวังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ปัจจัยกดดันมาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังเช้านื้ที่ประชุมมีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 bps ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00% โดย Dotplots เผยปีนี้มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 bps ส่วนปีหน้ามีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1% จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของดอกเบี้ยขาลงสหรัฐด้านประมาณการเศรษฐกิจคณะกรรมการได้ปรับลด GDP ปีนี้ลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2% และ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อ(PCE)ทั่วไปและพื้นฐานจะอยู่ที่ 2.3%และ 2.6% ลดลงจากคาดการณ์ในรอบการประชุมเดือนมิ .ย. ที่คาดที่ 2.6% และ 2.8% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการว่างงานถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% จากเดิมที่ 4% สร้างแรงกดดันถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐว่าอาจเผชิญวิกฤติจนเฟดจำเป็นจะต้องใช้ยาแรง จึงอาจกดดันภาพรวมการลงทุนรวมถึงตลาดหุ้นไทย ส่วนภาพดอกเบี้ยขาลงมองจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน โรงไฟฟ้า อสังหา ค้าปลีก นิคม และ ก่อสร้าง ด้านปัจจัยหนุนมาจากภาคการท่องเที่ยวหลังผู้ว่าการ ททท. เผยเตรียมเสนอแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 68 เข้า ครม. ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ หลังได้มีการหารือกับนายกฯวานนี้ คาดอาจนำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้ โดยในปี 63 เราเที่ยวด้วยกันเป็น 1 ใน 3 โครงการที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดมีจำนวนการใช้สิทธิ์กว่า 5 ล้านสิทธิ์ โดยมีคงเหลือสุทธิเพียง 2.25 แสนสิทธิ์ จึงมองจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายใน โดยครึ่งปีหลังมักเป็นช่วงที่จำนวนการท่องเที่ยวไทยเร่งตัวมากกว่าครึ่งปีแรก จึงอาจคาดหวังการบรรลุเป้าการท่องเที่ยวภายใน 205 ล้านคน-ครั้งได้

 ด้านปัจจัยอื่นจับตาการประชุม BoE คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5% ท่ามกลางภาพเงินเฟ้อ PPI เดือน ส.ค. ที่ชะลอตัวทั้ง y-y และ m-m โดยชะลอตัวลง 1.2%y-y และ 0.5%m-m ดังนั้นจึงมอง BoE อาจรอติดตามผลการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ และยังไม่เร่งปรับทิศทางนโยบาย

กลยุทธ์การลงทุน : 1)วายุภักษ์ : AP, BBL, BDMS, CPALL, LHHOTEL, TISCO 2)งบและนโยบายภาครัฐฯ : AEONTS, CK, KTB, KTC, SAWAD, STEC, TIDLOR, WHA 3) ดอกเบี้ยโลกขาลง : GPSC, GUNKUL, SPALI และ 4) ท่องเที่ยว : AAV, BA, CENTEL, ERW, MINT

แนวรับ-ต้าน
1,420 –1,435

ปัจจัยบวก
+รมว.คลัง เผยมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะเปิดให้ขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศใน 1Q68 เพื่อสร้างมาตรฐานด้านดอกเบี้ยให้กับภาคเอกชน และดึงดูดการระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติ
+ตัวเลข PPI อังกฤษ ด้านปัจจัยการผลิตในเดือน ส.ค. ออกมาที่ -1.2%y-y ติดลบมากกว่าตลาดคาดที่ -0.9%y-y และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.2%y-y มีแนวโน้มกดดันให้อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคลดลงตามในระยะถัดไป
+รมว.แรงงาน เดินหน้าประชุมขึ้นค่าแรง 400 บาทในวันที่ 20 ก.ย.67 มองหากมีผลกระทบต่อนายจ้าง รัฐบาลจะมีมาตรการออกมาเพื่อช่วยลดผลกระทบ คาดจะสามารถประกาศขึ้นค่าจ้างพร้อมกันได้วันที่ 1 ต.ค. 67
+กรมการแพทย์แผนไทยและทางเลือก ได้มีการนำ พ.ร.บ.กัญชากัญชง เปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 16-30 ก.ย.2567 คาดจะสามารถใช้สำหรับการบำบัด การศึกษา และงานวิจัยได้ต่อ

ปัจจัยลบ
-กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนฉบับที่ 5 พายุ “ดีเปรสชั่น” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เข้าไทย คาดมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมถึงพื้นที่ของ กทม.และปริมณฑลด้วย ช่วง 20-23 ก.ย.นี้ เสี่ยงท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก
-รองนายกฯเผย ณ สิ้นปีงบประมาณ 2567 คาดว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 65% ต่อ GDP และในสิ้นปีงบประมาณ 2568 สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะพุ่งขึ้นไปที่ระดับ 66% ภายใต้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 3%
- Nikkei Asia เผยตัวเลขราคาที่ดินโดยเฉลี่ย ณ วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.4%y-y โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และกลับไปสู่ระดับเดียวกับในปี 1992 ซึ่งเป็นยุคฟองสบู่
-จีน ใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐฯ 9 แห่ง โดยการอายัดทรัพย์สินของบริษัท และห้ามบุคคลในจีนทำธุรกรรมกับบริษัทเหล่านี้ หลังพบว่าได้ทำการขายอาวุธให้กับไต้หวัน

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์-นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐนพงษ์ แซ่โล้ –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร ผู้ช่วยนักวิเคราะห์