AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ขยับกรอบขึ้น
กลยุทธ์เลือกหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐฯ
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1430-1440 จุด จากสภาพแวดล้อมวันนี้ที่ Fund Flow อาจอยู่ในภาวะ Wait & See เพื่อติดตามผลการประชุม FED ด้านปัจจัยในประเทศเห็นสัญญาณบวกจากรัฐบาลมีแนวคิดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งล่าสุดเห็นจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ต่อการฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่าง CENTEL และ TRUE
ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้แกว่งกรอบแคบปิดบวกลบผสมผสานในช่วง -0.04% ถึง 0.2% จากนักลงทุนให้น้ำหนักที่ผลการประชุม FED จะรู้ผลในเช้าวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) โดย FEDWATCH Tool ล่าสุดตลาดคาดจะปรับลดดอกเบี้ยฯ 50 bps ด้วยโอกาส 63% นอกจากนี้ยังคงต้องติดตาม FOMC Dot Plot และมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ สภาพแวดล้อมข้างต้นอาจทำให้ Fund Flow วันนี้อยู่ในโหมดชะลอการลงทุน
การประชุม ครม. วานนี้เห็นชอบโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯและผู้พิการจำนวน 14.5 ล้านราย เริ่มจ่ายเงินตั้งแต่ 25 ก.ย. เป็นต้นไป ซึ่งคลังคาดว่าจะส่งผลให้ GDP 67 ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.35% นอกจากนี้มีการอนุมัติงบกลางวงเงิน 3 พันล้านบาทเพื่อช่วยผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมใน 57 จังหวัด ซึ่งโดยรวมถือว่าเป็นไปตามคาด ประเมินมาตรการข้างต้นจะปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก (CPALL BJC) ไฟแนนซ์ (MTC SAK) และกลุ่มวัสดุก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน (TASCO HMPRO) ส่วนมาตรการอื่นๆเราให้ความสนใจไปที่ภาคท่องเที่ยวหลัง รมว.ท่องเที่ยวฯเผยมีแนวคิดฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง หากเกิดขึ้นจะเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรมอย่าง (ERW CENTEL) และประโยชน์ทางอ้อมต่อ ค้าปลีกและ F&B (CPALL BJC SNNP CBG) เป็นต้น
Market Summary
SET Index แกว่งในกรอบแคบ โดยหุ้นในกลุ่มที่บวกเด่น คือ กลุ่มรับเหมาฯ คาดหวังต่อการประมูลงานใหม่ของรัฐฯ CK+4.5% STEC+4.2% กลุ่มท่องเที่ยว คาดหวังต่อการฟื้นมาตรการ เราเที่ยวด้วยกันหนุน ERW+5% AOT+3.2% กลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม TASCO +1.1% TOA +1.5% เป็นต้น
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CENTEL TRUE
TRUE Earnings Upgrade
เราปรับราคาเป้าหมายอิงวิธี DCF สำหรับ TRUE ขึ้นเป็น 12.80 บาท จากเดิมที่ 11.60 บาท เนื่องจากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการประมูลคลื่นความถี่ที่จะเกิดขึ้นใน 1Q68 ที่จะส่งผลต่อค่าเสื่อมราคาจากการถือครองใบอนุญาตคลื่นความถี่ 2100MHz และ 2300MHz จะต่ำกว่าการเช่าคลื่นจาก NT ที่ TRUE จ่ายอยู่ในปัจจุบัน
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิหลักของ TRUE ขึ้น 5%/14% ในปีงบ 68/69 เพื่อสะท้อนการประหยัดต้นทุน 3.9 พันล้านบาทต่อปี จากการชนะการประมูลคลื่น 2300MHz ซึ่งเราคาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับคลื่น 2300MHz จะลดลงจาก 5.3 พันล้านบาทต่อปี (ค่าเช่าจาก NT) เป็น 1.4 พันล้านบาทต่อปีหลังวันที่ 3 สิงหาคม 68 (ค่าเสื่อมราคาใบอนุญาต) เราคาดว่าใบอนุญาตคลื่น 2300MHz จะมีราคา 1.7 หมื่นล้านบาท และมีอายุการใช้งาน 12 ปี นอกจากนี้ TRUE ยังจะประหยัดต้นทุนประมาณ 2 พันล้านบาทจากการหยุดใช้คลื่น 850MHz ซึ่งเราได้รวมการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ในประมาณการอยู่แล้ว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12.80 บาท
CENTEL รายล้อมด้วยปัจจัยบวก
มี 4 ปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้นในช่วงที่เหลือของปี มีดังนี้ 1) จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยคาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดในเดือน ก.ย. และเริ่มเร่งตัวใน 4Q67 จากเข้าสู่ High Season ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น 6.37 แสนรายเร่งตัวขึ้น 19%WoW 2) ความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวของรัฐฯ ที่ รมว. ท่องเที่ยวเผยพิจารณาฟื้นกระตุ้นมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน 3) ได้ประโยชน์จากการปิดตัวของ TEXAS Chicken สิ้นเดือน ก.ย.67 ที่มีจำนวนราว 100 สาขา คิดเป็น 10% เมื่อเทียบกับสาขา KFC 1000 สาขาทั่วประเทศ (เป็นของ CENTEL 350 สาขา) และ 4) การปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED ช่วยลดภาระดอกเบี้ยฯ เงินกู้สกุล USD วงเงิน 5 พันล้านบาทที่คาดจะเกิดใน 3Q67
คาดกำไรปกติปี 67/68 ขยายตัว 51%/38% เด่นสุดในกลุ่มโดย PER 68 ต่ำเพียง 23 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -0.3 S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 49.00 บาท
KEY FACTOR
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯสะท้อนภาพเชิงบวกทั้งในภาคการบริโภค และภาคการผลิต 1) ยอดค้าปลีก เดือน ส.ค. +0.1% MoM สวนทางกับ Consensus ที่คาดว่าจะหดตัว -0.2% MoM ได้แรงหนุนจากยอดซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่แข็งแกร่ง 2) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค.+0.8% MoM ดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะ +0.2% MoM
นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ -415.69 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันทำการ สะท้อนภาพตลาดและทิศทาง Fund flow ที่น่าจะชะลอดูความชัดเจนจากบทสรุปการประชุม FOMC ที่จะรู้ผลเช้าวันที่ 19 ก.ย. ตามเวลาไทย ซึ่งมุมมองตลาดล่าสุดให้น้ำหนัก 67% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 50 bps และอีก 33% ลดดอกเบี้ย 25 bps
นอกจากนี้ตลาดน่าจะจับตาการเปิดเผย 1) Dot Plot รอบใหม่ ที่น่าจะเห็นสัญญาณการเร่งลดดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิมในอีก 2 ครั้งการประชุมที่เหลือของปีนี้ พ.ย. และ ธ.ค. 2) ประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งหากพิจารณาจาก Consensus ล่าสุด สะท้อนมุมมองตลาดมองความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในภาคแรงงาน (คาดอัตราการว่างงานที่ 4.1% และ 4.3% ในปี 2567 และ 2568 ซึ่งสูงกว่าประมาณการณ์ล่าสุดของ Fed ที่คาด 4.0% และ 4.2% ตามลำดับ)
EYES ON
16 ก.ย. ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์ก
17 ก.ย. ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
18 ก.ย. เงินเฟ้อ Eurozone (รอบสุดท้าย)
19 ก.ย. ผลการประชุม FOMC
20 ก.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค Eurozone, จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ