Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

538

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Macro Dent: สัญญาณเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐ
Key Takeaways:
เศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ระหว่าง soft landing ตามที่ตลาดมอง หรือภาวะถดถอยตามที่เรามอง
สถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่แข็งแกร่งอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากสัญญาณเชิงลบปรากฏในหลายดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ เช่น การลดลงของสัดส่วนครัวเรือนที่มองว่ามีสถานะการเงินที่ดี และความผันผวนของดัชนี Expectation Index
การเติบโตของสินเชื่อผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความระมัดระวังในการก่อหนี้ของผู้บริโภคและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน หลังจากที่อัตราการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี
การปรับลดตัวเลข Nonfarm Payrolls อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในอดีตมักตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายละเอียด:
เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยทางหนึ่งอาจมุ่งสู่การลงจอดอย่างนุ่มนวล (soft landing) ซึ่งเป็นภาพที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่อีกทางหนึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามการคาดการณ์ของเรา ความไม่แน่นอนนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
เรามองว่า เศรษฐกิจสหรัฐในปัจจุบันไม่ได้แข็งแรงอย่างที่ตลาดคาดหวัง แม้ว่าการบริโภคภาคครัวเรือนยังคงแสดงความเข้มแข็งจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Services PMI) ที่ยังอยู่ในโซนขยายตัว แต่หากพิจารณาแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคจากข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ จะพบสัญญาณเชิงลบหลายประการ เช่น:
(1) การสำรวจความเห็นเกี่ยวกับสถานภาพทางการเงินปัจจุบันของครัวเรือนสหรัฐ (Family’s Current Financial Situation) ที่จัดทำโดย Conference Board พบว่า สัดส่วนผู้ตอบที่มองว่ามีสถานภาพทางการเงินดี (Good Financial Situation) มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่สัดส่วนของผู้ที่มองว่ามีสถานภาพทางการเงินแย่ (Bad Financial Situation) กลับเพิ่มขึ้น
(2) แม้ว่าดัชนี Expectation Index ซึ่งสะท้อนความเห็นของผู้บริโภคต่อรายได้ สภาพธุรกิจ และตลาดแรงงานในระยะสั้น เดือน ส.ค. จะอยู่ที่ 82.5 สูงกว่าระดับ 80 ซึ่งเป็น threshold ของภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขนี้ก็เคยลดลงต่ำกว่า threshold หลายครั้ง สะท้อนถึงความไม่มั่นคงในมุมมองต่อรายได้และสถานะทางธุรกิจ
(3) ข้อมูล Total Consumer Credit Owned and Securitized เดือน ก.ค. เติบโตเพียง 1.9% YoY ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโต 4.7% ในช่วงเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2019 อันเป็นปลายวัฏจักรเศรษฐกิจรอบก่อนอย่างมาก รวมทั้งต่ำกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9.1% ในครึ่งแรกของปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคอีกด้วย

 

ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคอาจมีความระมัดระวังมากขึ้นในการก่อหนี้ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคโดยรวม สอดคล้องกับอัตราการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อ รายย่อยในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.7% ในไตรมาสที่สองของปี 2024 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี
(4) ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา ตัวเลข Nonfarm Payrolls ถูกปรับลงเฉลี่ยกว่า -69,000 ตำแหน่ง เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2000 ที่ -40,000 ตำแหน่ง โดยสถิติชี้ว่า หากตัวเลขนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว มักจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย
จากแนวโน้มเชิงลบที่อาจกระทบการบริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 68% ของ GDP สหรัฐ เราจึงยังคงมุมมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

สรุปภาพตลาดวานนี้
ปรับฐาน แต่เอาอยู่ การลงวานนี้ กดดันโดยแรงขายหุ้นใหญ่ ที่มาในประเด็นข้ออ้างที่มีคนยื่นหนังสือฯ เรื่องกองวายุภักษ์ ผสมโรงกับน้ำมันดิ่งลง โดยนอกจาก DELTA จึงเห็นแรงขายในหุ้น PTT PTTEP TOP SCC AOT BH BDMS CPALL และสังเกตุว่าหุ้นยีลด์สูง และกลุ่มเล่นตรงข้ามดอกเบี้ขาลง บวกได้ดีเช่น GPSC SINGER JMT SGC AMANAH THANI เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
หมูเด้ง Vs. SETเด้ง
SET อาจมีหลุดกรอบล่าง 1,410 จุด ให้ตื่นเต้นกันบ้าง! แต่สุดท้าย SETเด้ง! แม้จะไม่น่ารักเท่าหมูเด้ง แต่เราคาดว่ากรอบแนวรับ SET สุดท้ายยัง น่ารัก-ษาฐานไว้ได้สำเร็จ...
ภาวะการลงทุนหุ้นเราเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อขึ้นแรง ก็ต้องมีมีปรับฐานบ้าง แต่บนสมมุติฐาน ที่เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยรอบนี้มีแนวโน้มเล่นดี และ แข็งแกร่งกว่าภูมิภาค เพราะ (1) ความหวังวายุฯ (2) โมเมนตั้มเศรษฐกิจไทยดีขึ้นตามลำดับ (3) การลดดอกเบี้ยของ FED ECB และปัจจัยอื่นๆที่ เราเคยระบุ เรายังมองไม่เห็นประเด็นลบที่จะกลับมาเป็นอุปสรรคขวางหุ้นไทยในระยะนี้
แต่ในช่วงพักฐาน เราแนะนำการเทรดหุ้นแถว...สองสามสี่ ซึ่งจะเป็นการเล่นหุ้นเกาะกระแส หรือ เล่นตามธีมการลงทุน เช่น (1) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฐานราก MTC SAWAD CBG OSP ฯลฯ (2) การลงทุน “เมกาโปรเจค” THCOM STEC VGI (3) หุ้นรับฤดูกาลหนุนรายได้โตมากกว่าคาด เช่น ลุ้นโครงการช้อปช่วยชาติ, เร่งขนส่งก่อนสิ้นปี, เดินทางท่องเที่ยว COM7, RCL PSL, AAV ERW เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค SET ร่วงภายหลังปรับขึ้นสูงถึง 12% โดยมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า (แม่นยำ) เช่น หุ้นนำตลาดเริ่มปรับฐาน เกิดภาวะ overbought และ market monitor บ่งชี้จำนวนหุ้นปิดบวกเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต...ผลลัพธ์ตลาดออกอาการเซนิดๆ ลดความดุดัน! แนวโน้มระยะสั้นกำลังปรับจูนเข้าหาเส้น EMA 5 & 10 วัน ลงปิดช่องว่าง close gap บริเวณ 1,400 จุด ส่วนภาพระยะกลาง-ยาว สัญญาณ Golden cross , breakout โซนต้านสำคัญ MACD (month) กำลังจะตัดขึ้น บ่งชี้ภาวะกระทิงยังไม่จบง่ายๆ
สรุป: ภาพ SET throw back พักตัวชั่วคราว ไม่น่ากังวล Note:หุ้นแนะนำวางแผนแก้เกมส์ไว้แล้ว


What to watch
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดูจะไม่ตอบรับเชิงบวก จากผลประชันการโต้วาที ของผู้ ท้าชิงตำแหน่ง ปธน.คามาลา แฮร์ริส ซึ่งดูจะมีแววทำคะแนนได้ดีกว่า ทรัมป์
เปิดขายกองทุนวายุภักษ์ 16-20 ก.ย.นี้, คลังปรับเป้า GDP ปีนี้ 3%
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 19 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.25% ธนาคารกลางยุโรป 12 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 3.50%
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5%
FTSE Rebalance: FTSE All World หุ้นออก BLA, และกลุ่มขยับจาก Large-Cap ไปเป็น Mid-Cap ได้แก่ OR MINT PTTGC EA CRC สำหรับกลุ่ม Small-Cap หุ้นเข้า BLA CPNREIT และหุ้นออก ITD NER ORI TPIPL (คาดมีผล 20 ก.ย.นี้)
มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์เป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากอุปสงค์มีความเสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่อุปทานยังคงอยู่ในปริมาณมาก คาดราคาน้ำมันเบรนท์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4/2567 เทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 80 ดอลลาร์
การทบทวนแนวโน้มราคาน้ำมันของมอร์แกน สแตนลีย์มีความสอดคล้องกับธนาคารรายใหญ่รายอื่น ๆ ที่ได้แสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว โดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในเดือนที่แล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ตลาดน้ำมันมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะอุปทานที่สูงขึ้นไป และคาดว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมันเบรนท์จะอยู่ที่ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2568 นอกเสียจากว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม


หุ้นแนะนำวันนี้
ERW แนะนำเล่นหุ้นแถวสอง ดักประเด็นการลงทุนฤดูกาล(S 3.96 R 4.2 SL 3.9)

Tactical port เพิ่ม ERW ถอด SKY

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

DITTO
(Idea Call)
ดิทโต้ (ประเทศไทย)ได้เวลากลับเข้าเกม
เรามองว่าความกังวลในช่วงก่อนหน้าที่กดดันราคาหุ้นลงมาได้คลี่คลายไป เช่น ประเด็นความกังวลทางการเมือง ซึ่ง DITTO ก็ได้รับงานใหม่เข้ามาต่อเนื่องกว่า 500 ล้านบาท QTD อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนทั้ง 1) กำไรที่คาดจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยใน 1H24 ยังมีการรับรู้รานใหญ่ เช่น สวนสัตว์ที่ค่อนข้างน้อย และจะเข้ามามากใน 2H24 สำหรับปี 2025 จะเริ่มรับรู้รายได้จากงานผลิตภัณฑ์ไม้มีค่าทำให้รอยต่อของการรับรู้รายได้ค่อนข้างเสถียร นอกจากนี้ธุรกิจ Green Tech น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 1) พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน่าจะเข้า ครม. ใน 1-2 เดือนนี้ 2) ทิศทางการเซ็นสัญญากับลูกค้าน่าจะเริ่มชัดเจนขึ้น และจะช่วยยกระดับราคา และ 3) พาร์ทเนอร์อย่าง TEAMG และ NETBAY เริ่มขยับเข้าเป็นตัวแทนดำเนินการด้านนี้ในหลายๆเรื่อง
Fundamental View: เรามองว่าระดับราคา 23 บาท อิง PEG 0.8 เท่า เป็นราคาแรกที่ราคาหุ้นน่าจะกลับไปได้

 

Bank Sector
คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อไปตลอดปี 2025
Key idea: เรามีการเปลี่ยนธีมในการเลือกหุ้นกลุ่มธนาคาร จากเดิมที่เราเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงของกำไรต่ำ ไปเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค พร้อมทั้งมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง
โดยเรามองว่าแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์กำลังมีทิศทางดีขึ้น ขณะที่ การอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ในมุมมองเรา คิดว่ากลุ่มธนาคารที่มีพอร์ตลูกค้าองค์กร-หน่วยงานภาครัฐต่างๆ (BBL KBANK KTB) จะเห็นการฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มเน้นรายย่อยในช่วง 4Q24-2025
เรามีการปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 และเลือก BBL, KBANK และ KTB เป็น top picks ของกลุ่ม
โดยเรามองประเด็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร 3 เรื่อง ได้แก่ 1) แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์จะทยอยฟื้นตัวชัดกว่า 2) เราเห็น NPL เกิดใหม่ในหลายธนาคารปรับลดลงใน 2Q24 และ 3) ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้ในกลุ่มรายใหญ่ฟื้นตัวได้ดีกว่าลูกค้ารายย่อย

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

WHA&WHAUP
ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น&ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์
ประเด็นสำคัญจากงาน WHA 2H Business Outlook
เราเข้าร่วมประชุมงาน WHA 2H Business Outlook เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไร
View From Fundamental: การปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดิน น่าจะส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้น และอาจส่งผลให้นักวิเคราะห์มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมาย เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ต่อ WHA ด้วยราคาเป้าหมาย 5.80 บาท (ยังไม่ได้รวมการปรับเป้าดังกล่าวเข้าสู่ประมาณการ) และ "ซื้อ" ต่อ WHAUP ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท (ยังไม่ได้รวมผลของการประมูลโครงการพลังงานทดแทนล็อตที่กำลังจะเกิดขึ้นเข้าสู่ประมาณการ)


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้