Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 ก.ย.67 ปิด -12.62 จุด อยู่ที่ 1,415.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,985 ลบ.ต่างชาติซื้อ 2,679 ลบ.สถาบันขาย 324 ลบ.รายย่อยขาย 4,018 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,663 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,152 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,KBANK,CPALL,GULF,KTB และยอดขายในหุ้น PTTEP,PTT,ADVANC,SCB,BDMS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,763 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,HMPRO,HKCE01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 10,965 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 44,975 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 2,862 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.31%, S&P500 +1.07%, Nasdaq +2.17% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.25%,สินค้าฟุ่มเฟือย +1.32% หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผย US CPI ส.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.5% & ก.ค. 2.9% YoY ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย ASML +3.8% และทรัพยากรพื้นฐาน +0.4% และค่ำวันนี้รอผลการประชุม ECB
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Nvidia +8% รับข่าวรัฐบาลสหรัฐอนุญาติให้บริษัทขายชิป Ai ให้กับซาอุดิอาระเบีย ส่วนรายงาน US CPI ส.ค. +0.2% MoM ตามคาดการณ์ แต่ US Core CPI ส.ค.ปรับขึ้นอยู่ที่ +0.3% & คาด +0.2% MoM สาเหตุมาจากค่าเช่า & บริการปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 85% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. ค่ำวันนี้ติดตาม US PPI ส.ค. คาด 7% & ก.ค. 2.2% YoY ส่วนผลการดีเบตระหว่างทรัมป์ & แฮร์ริส ทาง CNN Poll ชี้แฮร์ริสมีคะแนนนิยม 63% & ทรัมป์ 37% ซึ่งหากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง ปธ. น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐมากกว่าทรัมป์ เนื่องจากนโยบายกาคลังของแฮร์ริสไม่ได้เร่งอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นเร็วเกินไป
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน หลังคอมเมริซ์แบงก์ของเยอรมัน +16% รับข่าวยูนิเครดิตของอิตาลีเข้าซื้อหุ้น 9% และรัฐบาลเยอรมันซื้อหุ้น 4.5% รวมเป็นวงเงิน 702 ล.ยูโร ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีก็ปรับขึ้น นำโดย ASML+3.8% ค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุม ECB คาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% รวมถึงมุมมอง ปธ.ECB คริสติน ลาการ์ดว่าจะลดดอกเบี้ยต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้หรือไม่
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -1.49% ถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 142.29 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น กอปรผู้กำหนดนโยบาย BOJ ชี้อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ ซึ่งขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ โดยการประชุม BOJ จะมีชึ้นในวันที่ 20 ก.ย. ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ -0.82% ถูกแรงขายจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ กอปรสหรัฐเตรียมออก ม.กีดกันการค้าต่อบริษัทไบโอเทคโนโลยีของจีน
- ดัชนี SET วานนี้ -0.88% ปริมาณการซื้อขาย 7.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,679 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,663 ลบ. รายย่อยขาย 4,018 ลบ. และสถาบันขาย 324 ลบ. จากแรงชายกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, โรงกลั่นที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ หลังโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันตลาดโลกปีนี้และปีหน้าลง ส่วนกลุ่มอิเล็ก ฯ, เกษตร, อาหารก็ปรับลดลงหลังค่าเงินบาทอยู่ในโซนแข็งค่า ซึ่งอาจส่งผลลบต่อการส่งออกสินค้ากลุ่มเหล่านี้ โดยนักลงทุนชะลอการลงทุน หลังอดีต รมว.คลังคุณธีระชัย ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ก.คลัง เตือนกองทุนวายุภักษ์ 1 อาจจะฝ่าฝืน กม.1) กรณีผู้ถือหุ้นประเภท ก.( นักลงทุนทั่วไป )ได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี โดยกองทุน ฯ เป็นผู้รับประกันไม่ขาดทุนเงินต้น 2) ผู้ถือหน่วยประเภท ข.( ก.การคลังและนักลงทุนภาครัฐ ) ได้รับผลตอบแทนต่อเมื่อหลังจจากหักผลตอบแทนแก่ผู้ถือประเภท ก.ออกไปก่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยหายกับ ก.การคลัง โดยทางผู้ออกหน่วยลงทุนเผยได้ตรวจสอบข้อ กม.กับกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 12 – 13 ก.ย. ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร, ไฟแนนท์, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, รพ., นิคมฯ, โรงไฟฟ้า, รับเหมาก่อสร้าง ได้ประโยชน์จากนโยบายของกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ ๆ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,405 - 1,410 แนวต้าน 1,420 - 1,425 ซึ่งหากดัชนีสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,410 ได้แนะนำถือพอร์ต่อ โดยนักลงทุนรอการแถลงนโยบายของรัฐบาล ส่วนปัจจัยต่างประเทศรอผลการประชุม ECB & Fed แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มอุปโภค CPALL,CPAXT,BJC,CBG,ICHI,OSP ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงินสด & การปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท / WHA,AMATA,ROJNA ได้ประโยชน์ ม.ส่งเสริมการลงทุน/ GULF,GPSC,AAV,BA (+ราคาน้ำมันลดลง)/ CK,STEC,TASCO (+งานประมูลภาครัฐ)
- SAK* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.05 บาท) บริษัทรายงานผลการดำเนินงาน 1H67 มีรายได้รวม 48 พันล้านบาท +13%YoY หนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตขึ้นเป็น 1.36 หมื่นล้านบาท +17%YoY จากความต้องการสินเชื่อทะเบียนรถเป็นหลักประกันและสินเชื่อเกษตรพุ่งแรงรับฤดูกาลเพาะปลูก ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท +11%YoY แผนการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังมุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพด้วยการควบคุม NPL ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และมองว่าพอร์ตสินเชื่อทั้งปีจะขยายตัวได้ราว +15%YoY อยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 840 ล้านบาท +12%YoY และปี 68 ที่ 996 ล้านบา +19% จากต้นทุนการเงินที่มีโอกาสลดต่ำลง (ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ธนาคารพาณิชย์)
- PR9* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 76 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 139 ลบ. -13%QoQ, +15%YoY อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ยัง +YoY ดีมีแรงหนุนจากจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in โดยเฉพาะอาหรับ ลาว พม่า ขณะที่ฝั่งผู้ป่วยไทยยังโดดเด่นในเรื่องโรคไต/โรคซับซ้อน ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป ครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีต่อเนื่องเข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 มีสัญญาณดีจากผู้ป่วยกลุ่มชาติอาหรับมากขึ้นหลังทำการตลาดเชิงรุก ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี67 และ ปี68 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 650 ลบ.(+16%YoY) และ 734 ลบ.(+13%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค. +$1.56 อยู่ที่ $67.31 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.42 อยู่ที่ $70.61/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลังพายุเฮอริเคนฟรานซีนเข้าอ่าวเม็กซิโก ซึ่งกระทบกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 39% และการผลิตก๊าซ 49%
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$0.70 อยู่ที่ $2,542.40 /ออนซ์ หลังรายงาน US Core CPI ส.ค. +0.3% & คาด +0.2% MoM ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +100.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +79.58 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +14.99 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.09 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 3.664%
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +22 จุด อยู่ที่ 1,963
(+) BitCoinเช้านี้ +0.28% อยู่ที่ 57,808 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
05 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
06 ก.ย. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
11 ก.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
12 ก.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th