สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 10 กันยายน 2567 )-------บมจ.พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ หรือ PMC หุ้นน้องใหม่สุดฮอต พร้อมลงสนามเทรดกระดาน mai วันนี้ (11 ก.ย.) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์ในประเทศไทย มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง หลังปิดจองหุ้นกระแสตอบรับดีเยี่ยม สะท้อนพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง “เอก สุวัฒนพิมพ์” ระบุหลังระดมทุน เพิ่มกำลังการผลิตอีกกว่าเท่าตัว ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับดีมานด์ในตลาด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน ด้านโบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 4.12 บาท
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMC กล่าวว่า PMC พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 11 กันยายน นี้ ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "PMC" ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กรมุ่งสร้างความแตกต่าง สู่การเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน เพื่อใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการลงทุนขยายกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์ โดยการติดตั้งสายการผลิตใหม่ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าของบริษัทฯ จากเดิม 75 ล้านตรม. เป็น 185 ล้านตรม.ต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ได้ลงทุนไปแล้วโดยส่วนใหญ่ บริษัทฯ จะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ชำระค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และ/หรือ ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ตามที่บริษัทฯ เห็นสมควรและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ณ ช่วงเวลานั้นๆ
"บริษัทคาดว่าภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมศักยภาพธุรกิจ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิต รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น และวางแผนจะขยายศูนย์กระจายสินค้าครอบคลุมประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน สนับสนุนให้ PMC ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติ๊กเกอร์เปล่าในภูมิภาคอาเซียน” นายเอก กล่าว
ปัจจุบัน PMC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) รายใหญ่ของประเทศ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สติ๊กเกอร์กระดาษ สติ๊กเกอร์ฟิล์ม และสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษ โดยจัดจำหน่ายสติ๊กเกอร์ให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ PMC Label Materials PTE., Ltd. หรือ “PMCS” ในประเทศสิงคโปร์ และ PMC Label Materials (Malaysia) SDN. BHD. หรือ “PMCM” ในประเทศมาเลเซีย ในงวดครึ่งปีแรก มีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในประเทศประมาณ 65% ส่วนอีก 35% เป็นการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีกว่า 15 ประเทศทั่วโลก ฐานลูกค้าหลักอยู่ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 รายได้จากการขายอยู่ที่ 432.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนรายได้จากการขายอยู่ที่ 420.6 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 1 ล้านบาท โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามราคาวัตถุดิบและอัตราค่าระวางเรือที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำตลอดช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ประกอบกับความสามารถของบริษัทฯ ในการเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Premium ซึ่งได้แก่ สติ๊กเกอร์ฟิล์มและสติ๊กเกอร์ชนิดพิเศษได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 824.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.4 ล้านบาท
ฟากโบรกฯ โดย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) มองกลยุทธ์การเติบโตหลักที่บริษัทมุ่งเน้นคือการลงทุนขยายกำลังการผลิตโดยการติดตั้งสายการผลิตใหม่ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสติ๊กเกอร์เพิ่มขึ้นอีก 110 ล้านตารางเมตรต่อปี (จากเดิม 75 ล้านตารางเมตรต่อปี) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ใน 1Q25 เป็นต้นไป เชื่อว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับรองคำสั่งซื้อสติ๊กเกอร์ได้เพิ่มขึ้น ประเมินมูลค่าของ PMC ที่ 4.12 บาทต่อหุ้น