Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

406

 

เมื่อ FUND FLOW กับ FUNDAMENTAL มาเจอกัน
ก่อนการปรับขึ้นของ SET INDEX ในรอบนี้ เราได้ชี้ให้เห็นมาก่อนแล้วว่าโดย FUNDAMENTAL ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในเกณฑ์ดี กล่าวคือ GDPGROWTH 2H67โตเป็นขั้นบันได, กำไร บจ.ฟื้นตัวโดย 2H67 คาดโตกว่า27% YOY ขณะที่ VALUATION มีMARKET EARNING YIELD GAPกว้างกว่า 4%แต่ที่SET INDEX ยังขึ้นไม่ได้เพราะมีระดับ TURNOVER ไม่เพียงพอในการขับเคลื่อน ดังนิ้นเมื่อเห็นสัญญาณบวกของ FUNDFLOW เริ่มจากการที่ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ ตามด้วยการเดินหน้าที่เป็นรูปธรรมของกองทุนวายุภักษ์ และยังมีTHAILAND ESG FUND เข้ามาเสริมอีก ทำให้ปัจจุบัน TURNOVER ของตลาดหุ้นไทยกลับมาอยู่ที่ระดับสูงเพียงพอ เมื่อ FUNDAMENTAL และFUND FLOWมาเจอกัน จึงน่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทย กลับมา OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลกได้คาดว่า SET INDEX ยังอยู่ในทิศทางขึ้น โดยปัจจุบันยังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดการปรับฐานรุนแรง วันนี้คาดว่า SET INDEX น่าจะอยู่ในกรอบ1418 –1440 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BEM, OSP และ SIRI


การเลือกตั้งใน USA ยังมองข้ามไม่ได้
วานนี้ตลาดหุ้นโลก REBROUND กลับขึ้นมา หลังปรับตัวลงแรงจากความกังวลRECESSION โดยในฝั่งสหรัฐฯ ขยับขันราว 0.3% - 1.2% ส่วนฝั่งยุงโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 0.8% -1.1% ขณะที่ประเด็นที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิดคือ “การดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง TRUMP & HARRIS ในการชิงเก้าอี้ ปธน. สหรัฐฯ” ในวันที่ 10 ก.ย. 67เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (วันที่ 11 ก.ย.67 เวลา 8.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)ซึ่งจัดโดย ABC NEWS ณ เมืองฟิลาเดลเฟียสำหรับ THEME การลงทุน POLICY PLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่าพรรคใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน โดยล่าสุดคะแนนเสียง HARRISนำหน้า TRUMP อยู่ที่ 48.4 ต่อ 46.9


อย่างไรก็ตามประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง TRUMP ประกาศเก็บภาษี 100% ประเทศที่เลิกใช้เงินดอลลาร์ ทำให้ BRICS กลายเป็นกลุ่มประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ ซึ่งหากนำมูลค่า GDP และมูลค่าการค้าของกลุ่ม BRICS เทียบกับโลก พบว่ามีสัดส่วนค่อนข้างสูง และอาจเป็นฉนวนของ TRADE WAR รอบใหม่ที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้หาก TRUMP ได้รับการคัดเลือกเป็น ปธน. สหรัฐ สมัยที่ 2 จริง คาดหนุนให้ยอดBOI และ FDI เร่งตัวขึ้นเฉกเช่นในอดีต จากการย้ายฐานการผลิต เพื่อหลีกหนี TRADEWAR มาที่ไทย มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอย่าง AMATA, ROJNA, WHA รวมถึงการเร่งนำเข้าส่งออกสินค้าดีต่อกลุ่มขนส่ง RCL PSL TTA WICE III SJWD


สรุป การดีเบตกันครั้งแรกระหว่าง TRUMP & HARRIS ในการชิงเก้าอี้ ปธน. สหรัฐฯในเช้าพรุ่งนี้ จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะ THEME การลงทุน POLICYPLAY มักเหวี่ยงไปตามผล POLL สํารวจว่าพรรใดจะครองเสียงคะแนนความนิยมมากกว่ากัน

งบประมาณปี 68 เตรียมอัดฉีดเข้าระบบ ดันเศรษฐกิจพุ่งทยาน
วานนี้มติวุฒิสภา เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 174เสียง ต่อ 3 เสียง ส่วนกระบวนการถัดไป คือ เตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ และเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจในระยะถัดไปโดยจะเห็นได้ว่า รัฐบาลปัจจุบันมีเม็ดเงินที่สามารถนำมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที จากเม็ดเงินคงเหลือของงบประมาณปี 2567 + เม็ดเงินใหม่จากการอนุมัติงบประมาณปี2568 เพื่อทยอยขับเคลื่อน GDP GROWTH ไทยในช่วง 4Q67-2568 ขณะที่เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยของภาครัฐฯ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การใช้จ่ายภาครัฐ (G) และการบริโภคภาคครัวเรือน (C) เป็นหลัก


ซึ่งนโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือ หนีไม่พ้นโครงการ DIGITAL WALLET ที่ รมช.คลัง เผยว่าโครงการดังกล่าว จะถูกนำเข้าประชุม ครม. 17 ก.ย.67 และเตรียมแจกเงินสดล็อตแรกกลุ่มเปราะบาง 10,000 บาท ภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งไม่จำกัดร้านค้า/สินค้า(ผ่านงบประมาณส่วนเหลือของปี 2567) จำนวน 14.5 ล้านคน ส่วนกลุ่มที่เหลืออีก30 ล้านคน จะถูกแบ่งเป็น 2 รอยย่อย คือ 1).หากระบบดิจิทัลไม่เสร็จจะแจกเงินสดก่อน5,000 บาท (ภายในปี 2567) ส่วนที่เหลือ อีก 5,000 บาท อาจจะแจกเป็นเงิน DIGITAL(ภายในปี 2568)ซึ่งต้องติดตามต่อว่ากระบวนการต่างๆจะเป็นไปตามที่ชี้แจง หรือมีการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ในอนาคตหรือไม่ โดยกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร / ค้าปลีก / เช่าซื้อ / เครื่องดื่ม อย่าง CPF TU CPALL CRC BJC HMPRO COM7 MTC SAWAD TIDLOR BAM OSP CBG ICHI

สรุป มติวุฒิสภา เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 เรียบร้อย เตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ดันเศรษฐกิจพุ่งในอนาคต ซึ่งนโยบายหลักที่เป็นพระเอก คือ DIGITALWALLET ที่มีความคืบหน้า คือ 20 ก.ย.67 เตรียมแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนก่อน

วายุภักษ์สยายปีก มูลค่าซื้อขายคึกคัก ช่วยพัด SET ให้ขึ้นต่อได้
ประเด็นกองทุนวายุภักษ์ หนุนให้ต่างชาติกลับมาสนใจลงทุนหุ้นไทย โดย 3 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2.2 หมื่นล้านบาท และซื้อผ่าน NVDR อีก 1.3 หมื่นล้านบาท รวม 3.5 หมื่นล้านบาท หนุนมูลค่าซื้อขายเร่งเพิ่มขึ้นเร็วเป็น 8 หมื่นล้านบาท– 1 แสนล้านบาทต่อวัน (สูงกว่าค่าเฉลี่ยปีนี้ที่ 4.3 หมื่นล้านบาทYTD) และหนุนให้TURNOVER ต่อปี ขยับขึ้นไปเกิน 100% ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา

และจากสถิติในอดีต เวลามูลค่าซื้อขายสูงเกิน 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นTURNOVER > 70% ต่อปี มักจะหนุนให้ SET INDEX มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปรับตัวลง และยิ่งมูลค่าซื้อขายมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งผลักดันให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ดี


และในระยะถัดไป ยังมีสภาพคล่องส่วนเกินคอยหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ ในอดีตปี 2546 มีเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มต้น 7 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนMARKET CAP 1.81% หนุน SET INDEX ในเดือนถัดมาขึ้นได้ 19.5% ขณะที่ปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มต้นเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อMARKET CAP 0.85% แม้สัดส่วนสภาพคล่องส่วนเกินจะน้อยกว่าในอดีตราวครึ่งหนึ่ง แต่ก็มีโอกาสผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นได้ดีในช่วงที่เหลือของป


สรุปต่างชาติซื้อหุ้นไทยเยอะ มูลค่าซื้อขายหนาแน่น กองทุนวายุภักษ์เตรียมหนุน น่าจะช่วยพยุงให้ SET INDEX OUTPERFORM ได้ดีในช่วงนี้


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้