Market Wrap-Up
- SET วันที่ 9 ก.ย.67 ปิด +3.49 จุด อยู่ที่ 1,431.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 87,214 ลบ.ต่างชาติซื้อ 3,646 ลบ.สถาบันขาย 2,965 ลบ.รายย่อยขาย 604 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 77 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,417 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,KTB,BDMS,PTTEP,GULF และยอดขายในหุ้น SCB,KBANK,TIDLOR,BCP,LANNA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 3,482 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ ITD,KKP,MINT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 37,551 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 57,267 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 352 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.2%, S&P500 +1.16%, Nasdaq +1.16% สินค้าฟุ่มเฟือย +1.63%, อุตฯ +1.56% นักลงทุนรอรายงานตัวเลข US CPI, PPI ส.ค. ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 17 – 18 ก.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.82% กลุ่มเดินทางสันทนาการ +2.1% และรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ฟื้นตัว จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวแรงกว่าคาด หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้น 142,000 น้อยกว่าคาดที่ 164,000 ราย และดัชนี Sahm Rule ปรับขึ้น 0.57% บ่งชี้ความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยสัปดาห์นี้วันพุธติดตาม US CPI ส.ค. คาด 6% & ก.ค. 2.9% YoY, พฤหัส US PPI ส.ค. คาด 1.7% & ก.ค. 2.2% YoY เพื่อประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย. ส่วนวันพรุ่งนี้เช้าเวลาในไทยติดตามการดีเบตระหว่างทรัมป์ & แฮร์ริส
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ก็ฟื้นตัว หลังสัปดาห์ก่อน -3.5% จากความกังวลเศราฐกิจสหรัฐ & จีนชะลอตัวกว่า ขณะที่GDP ยูโรโซน Q2/67 +0.2% & Q1/67 +0.3% QoQ เนื่องจากการลงทุนชะลอตัว โดยสัปดาห์นี้ติดตาม CPI เยอรมัน ส.ค. คาด 2.0% & ก.ค. 2.6% YoY CPI ฝรั่งเศส ส.ค. คาด 2.2% & ก.ค. 2.8% YoY และผลการประชุม ECB ในวันพฤหัส ซึ่งคาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยของยูโรโซนในช่วงที่เหลือของปีนี้
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.06%, ฮั่งเส็ง -1.42% หลังตัวเลข CPI จีน ส.ค. 0.6% & คาด 0.7% YoY และ PPI จีน ส.ค. -1.8% & คาด -1.4% YoY บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภค & ภาคผลิตจีนยังชะลอตัว ส่วนดัชนีนิเกอิ -0.48% ปรับลดลงตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ กอปร GDP ญี่ปุ่น Q2/67 +0.7% น้อยกว่าคาดที่ +0.8% QoQ เป็นผลจากการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวน้อยกว่าคาด เช้านี้ติดตามตัวเลขส่งออกจีน ส.ค. คาด 6.5% & ก.ค. 7.0% YoY , นำเข้าจีน ส.ค. คาด 2.0% & ก.ค. 7.2% YoY
- ดัชนี SET วานนี้ +0.24% ปริมาณการซื้อขาย 8.7 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 3,646 ลบ. สถาบันขาย 2,965 ลบ. รายย่อยขาย 604 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 77 ลบ. โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีปรับลดลงไปที่ระดับ 1,417.74 จุด ปรับลดลงตามดัชนีภูมิภาคจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ & จีนอาจชะลอตัวจากกว่า ก่อนที่ดัชนีจะฟื้นตัวในช่วงบ่าย จากการแถลงรายละเอียดการจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 1 จะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 16 -20 ก.ย. วงเงินเบื้องต้น 3.5 หมื่น ลบ. และสถาบันจองซื้อวันที่ 18 – 20 ก.ย. วงเงิน 1 – 1.2 แสน ลบ.โดยคาดจะเริ่มนำเม็ดเงินเข้าลงทุนในวันที่ 1 ต.ค. และนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขานในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 7 ต.ค.นี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีอันดับ ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหา ฯ ที่คาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ส่วนประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้วันที่ 12 – 13 ก.ย. ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร, ไฟแนนท์, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, รพ., นิคมฯ, โรงไฟฟ้า, รับเหมาก่อสร้าง ที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,415 – 1,420 แนวต้าน 1,440 – 1,450 คาดได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในการแถลงนโยบายรัฐบาล กอปรกับ Fund Flow ยังไหลเข้าซื้อกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แนะนำทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนตัวในกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,BJC ได้ประโยชน์ ม.กระตุ้นกำลังซื้อ / TTB,KTB,KKP,SAWAD,JMT จาก ม.ปรับโครงสร้างหนี้/ กลุ่ม High Dividend Yield เช่น DIF, 3BBIF, ALLY, SIRI,SPALI
- SISB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.25 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 3Q67 จะกลับมาฟื้นตัวได้ดี QoQ, YoY จากรายได้ที่เติบโตตามจำนวนนักเรียนใหม่ (เปิดเทอม 1 ปีการศึกษา 2024/2025 กลางเดือน ส.ค.) และผลของการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาบางส่วน ทั้งนี้ปี 67 บริษัทคาดจะมีจำนวนนักเรียนถึงเป้าหมายที่ 4,600 คน จากปัจจุบันที่ 4,570 คน โดยมี capacity รองรับรวม 7,305 คน จากการเปิดดำเนินการสาชาธนบุรีเฟส 1 ได้ตามกำหนดในเดือน ส.ค. ขณะที่สาขานนทบุรีและสาขาระยองที่เพิ่งเปิดปีก่อน ผลการดำเนินงานทยอยดีขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น โดยสาขานนทบุรีมีกำไรแล้ว ส่วนสาขาระยะยองพลิกเป็นกำไรในปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 892 ล้านบาท (+36%YoY) และ 1,126 ล้านบาท (+26%YoY) ตามลำดับ
- HMPRO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.14 บาท) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 3,335 ลบ. +3.20%YoY ส่วนการดำเนินงานครี่งปีหลัง ภาพรวมคาดจะยังปรับตัวดีขึ้นได้แม้ 3Q67 อาจอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาลแต่จะกลับมาดีใน 4Q67 นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสินค้า Hardline ยังมี Sentiment บวกจากโอกาสซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างหลังน้ำท่วม ด้าน HMPRO* มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในครึ่งปีหลังอีก 5 สาขา(จาก 1H67 เปิดเพิ่ม 2 สาขา) เป็น Home Pro 4 แห่ง และ Mega Home 1 แห่ง โดยจะเน้นไปที่ Format Hybrid (มี Home Pro และ Mega home ในที่เดียวกัน)มากขึ้น ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ HMPRO* ปี67 และ 68จะอยู่ที่ 6,800 ลบ.(+56%YoY) และ 7,307 ลบ.(+7.47%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค. +$1.04 อยู่ที่ $68.71 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$0.78 อยู่ที่ $71.84/บาร์เรล หลังพายุโซนร้อนฟรานซีนเข้าอ่าวเม็กซิโก ในเขตกัลฟ์โคสต์มีการผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด กอปรได้แรงหนุนจากความขัดแย้งการเมืองในลิเบีย
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$8.10 อยู่ที่ $2,532 /ออนซ์ รอรายงานตัวเลข US CPI, PPI ส.ค. ก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า 17 – 18 ก.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +141.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +107.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +16.29 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +18.12 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 3.715 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +17 จุด อยู่ที่ 1,958
(+) BitCoinเช้านี้ +3.46% อยู่ที่ 56,967 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
05 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
06 ก.ย. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
11 ก.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
12 ก.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th