ยังเห็นเม็ดเงินรอเข้าตลาดหุ้นไทยอีก
การปรับตัวขึ้นของ SET INDEX ในช่วงที่ผ่านมาเราได้นำเสนอถึงเม็ดเงินที่จะเข้ามาขับเคลื่อนหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนวายุภักษ์ THAILAND ESG FUND รวมถึง FUND FLOW ซึ่งใน 3 ส่วนดังกล่าวที่เห็นทยอยเข้ามาเป็นรูปธรรมคือ FUND FLOW จากต่างประเทศ ที่กลับมาซื้อสุทธิ ซึ่งเราเห็นว่ายังมีแนวโน้มไหลเข้าต่อ สนับสนุนดัวยทิศทางดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้วที่กำลังปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเม็ดเงินจากวายุภักษ์ +THAILAND ESG ยังไม่ได้เริ่มไหลเข้ามา โดยเราคิดว่าน่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 4Q67 ซึ่งก็น่าจะขับเคลื่อน SET INDEX ไปได้อีกระดับหนึ่ง ส่วนกระแสข่าววันนี้เห็นโอกาสจากเม็ดเงินอีกส่วนหนึ่งคือ เงินลงทุนของนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ ที่อาจกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นผลจากทั้งความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแนวทางในการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรประเมินว่า SET INDEX ยังมี MOMENTUM เหวี่ยงตัวขึ้นได้ต่อ โดยยังเห็นเม็ดเงินที่เข้ามาสนับสนุนต่อเนื่อง ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยลบแทรก คาดกรอง 1414-1345 จุด หุ้น TOP PICK เลือก AOT, BEM และ MTC
ความกลัว RECESSION กดดันตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่หวังFLOW ย้ายมาตลาดหุ้นไทย
ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกร่วงลงแรง เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงราว -1% ถึง -2.6% ด้วยแรงกดดันจากความกลัวเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะRECESSION หลังตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัวลง
• การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (NONFARM PAYROLLS)เดือน ส.ค. 67 เพิ่มขึ้นแค่ 142,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 164,000 รายสะท้อนการจ้างงานที่ชะลอตัวลง
• อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (UNEMPLOYMENT RATE ) เดือน ส.ค. 67ยืนอยู่ในระดับสูง 4.2% ตามคาด ซึ่งอาจเป็นปัจจัยฉุด DEMAND ในระยะถัดไปได้
นอกจานี้ SAHM RULE RECESSION INDICATOR เดือน ส.ค. 67 ขยับขึ้นมา+0.57% ขณะที่สัญญาณจาก SAHM RULE มักเตือนว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น0.5% จากจุดต่ำสุดในรอบ 12 เดือน สถิติมีความแม่นยำสูงถึง 100% ในการทำนายRECESSION ทั้งนี้ หากอัตราการว่างงานสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 67 ยังยืนอยู่ในระดับ4.2% จะทำให้ SAHM RULE มากกว่า 0.5% ซึ่งมีโอกาสส่งผลให้ความกังวลRECESSION ยังไม่หมดไป
สัญญาณที่บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา บวกกับตลาดแรงงานอ่อนแอลง ทำให้โอกาสที่จะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยปีนี้อย่างน้อยอยู่ที่ 0.75 -1.0%
สรุป ความกังวลเศรษฐกิจ RECESSION กลับมากวนใจอีกครั้ง หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอลง กดดันเม็ดเงินไหลออกตลาดหุ้นโลก อย่างไรก็ตามบ้านเรายังเต็มไปด้วยปัจจัยบวก คาดหวังเม็ดเงินไหลเข้า SET มากขึ้น
10 นโยบายเร่งด่วน จาก ครม.ชุดใหม่มีอะไรบ้าง และหุ้นที่ได้ประโยชน์เป็นกลุ่มไหน
หลังจากที่ ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 7 ก.ย.67 มีการนัดประชุม ครม.(พิเศษ) เพื่อหารือเกี่ยวกับร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่12 ก.ย.67 เป็นลำดับถัดไป ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ นโยบายเร่งด่วน 10 นโยบายที่ควรทำโดยรัฐบาลตระหนักดีว่าความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องปัญหาหนี้สินรายได้ ค่าครองชีพ รวมทั้งความมั่นคงและปลอดภัยในสังคม เป็นหลัก
โดยนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนโดยตรง มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลักๆ
1) การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรมส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเช่าซื้ออย่าง MTC SAWAD TIDLOR BAM
3) และ 5) การลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน, ค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย และเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ DIGITAL WALLET ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร / ค้าปลีก / เช่าซื้ออย่าง CPF TUCPALL CRC BJC HMPRO COM7 MTC SAWAD TIDLOR BAM7) การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยการสร้าง ENTERTAINMENT COMPLEXครบวงจร ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ กลุ่มท่องเที่ยว / การบินอย่าง CENTELMINT ERW AOT AAV BA
สรุป 10 นโยบายเร่งด่วน จาก ครม.ชุดใหม่ คาดหนุนให้ SET ยังเดินหน้าในแดนบวกต่อได้ จากหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ดังรายละเอียดข้างต้น ส่วนวันนี้คาดกรอบ SET1414-1435 จุด
ตราบที่ FUND FLOW ไหลเข้า เป้าหมาย SET มีโอกาสทะลุ1500 จุด
เดือน ก.ย. (MTD) เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยอย่างหนาแน่น โดยซื้อสุทธิหุ้นไทยทางตรง 1.54 หมื่นล้านบาท และซื้อผ่าน NVDR เพิ่มอีก 6.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิสูงสูดในภูมิภาค รองลงมา คือ อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์ ส่วนตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียเหนือถูกขายสุทธิ คือ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ หนุนตลาดหุ้นไทยขึ้นแรงมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก +5%MTD ทิ้งห่างตลาดหุ้นโลกMSCIACWI -3.7% และ NASDAQ -5.8%
ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า SET INDEX ยังน่าจะเดินหน้าต่อด้วยปัจจัยทาง VALUATION +FUND FLOW ดังนี้
▪ ประเมิน FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติ ต่อทั้งประเด็นกองทุนวายุภักษ์ และอ้างอิงตามทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศทั้ง สหรัฐฯ
ยุโรป มีโอกาสเป็นขาลงเร็วและแรงกว่าประเทศไทย(BOND YIELD สหรัฐ-ไทยแคบลง) ซึ่งส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยกับสหรัฐแคบลง FUND FLOW
ต่างชาติมักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ในทางกลับกันหาก BOND YIELD 10 ปีไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง(GAP มากขึ้น) FUND FLOW ก็มักจะไหลออกเช่นกัน โดย
ทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y(US-TH) แคบลง 5 ถึง 10 BPS. หนุนให้FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้า ส่วนต่าง BOND YIELD
10Y (US-TH) กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 1 หมื่นล้านบาท
▪ ระดับ MARKET EARNING YIELD GAP น่าลงทุน ซึ่งระดับดัชนีที่ 1400 จุดคิดเป็นตัวเลข MARKET EARNING YIELD GAP ที่ระดับ 3.97% (สูงกว่า
ค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ 3.8%) โดยหากคิด ณ สิ้นปี อ้างอิง EPS67F ที่ 91.40บาท/หุ้น คิดเป็นระดับ MEYG 4.3% (อยู่สูงใกล้แตะระดับ +1SD.) ส่วนTARGET SET ปัจจุบัน 1450 จุด (อิง MEYG เฉลี่ย 3.8%) ซึ่งหากในยามFUND FLOW ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยมากๆ ระดับ MARKET EARNINGYIELD GAP -0.5SD ถึง -1.0SD สามารถลดลงสู่ระดับ 3.5% ถึง 3.3% ซึ่งแปลงเป็นระดับ TARGET SET ได้ไม่ต่ำกว่า 1523 จุด และถ้ามีการลดดอกเบี้ยจะขยับไปได้ถึง 1576 จุด
ดังนั้น ตราบที่ FUND FLOW ไหลเข้า เป้าหมาย SET มีโอกาสทะลุ 1500 จุด แนะหุ้นVAYU PLAY ดังนี้
▪ หุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” คือ PTT,BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK, CRC, CPF, SCGP, OR
▪ หุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือ และมี ESG RATING พร้อมกับมี SENTIMENTสนับสนุนในช่วงนี้
▪ หุ้น LAGGARD แนะนำ PTT, SCC, SCGP, IVL, LH
▪ หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, TISCO
▪ หุ้น ANTI OIL GULF BGRIM, OR
▪ หุ้นกำไร 3Q67 เด่น BCH, PLANB
รายละเอียดอื่นๆ สามารถติดตามได้ที่ บทวิเคราะห์ “วายุภักษ์ พระเอกพิทักษ์หุ้นไทย”ที่ออกไปในวันศุกร์ 6 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์