Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

532

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 6 ก.ย.67 ปิด +23.36 จุด อยู่ที่ 1,427.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 107,404 ลบ.ต่างชาติซื้อ 10,756 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 714 ลบ.รายย่อยขาย 11,200 ลบ. สถาบันขาย 270 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 6,596 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,KBANK,SCB,BBL,ADVANC และยอดขายในหุ้น BH,HMPRO,TIDLOR,BCH,LH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 4,461 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BH,TIDLOR,CRC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 37,982 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 94,818 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 21 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.01%, S&P500 -1.73%, Nasdaq -2.55% กลุ่มบริการสื่อสาร, สินค้าฟุ่มเฟือย, เทคโนโลยีปรับลดลง หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.07% กลุ่มเทคโนโลยี, วัสดุพื้นฐาน, พลังงานปรับลดลงกว่า -2% หลังไม่แน่ใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 25% หรือ 0.50% ในการประชุม ก.ย.

Market View

  • DJIA -2.3%, S&P500 -4.2%, Nasdaq -5.7% WoW หลัง ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้น 99,000 & ก.ค. 111,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 64 และ JOLTs ตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ก.ค. ตำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง กอปรกับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้น 142,000 & คาด 164,000 ราย และอัตราว่างงาน ส.ค. ลดลง 2% & ก.ค. 4.3% YoY บ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว ส่วนความเห็นของคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด เผยเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยหลายครั้ง และจอห์น วิลเลี่ยมส์ ปธ.สาขานิวยอร์ค คาดอัตราว่างงานสหรัฐปีนี้จะลดลงอยู่ที่ 4.25% ,ระยะยาวคาดที่ 3.75% และเงินเฟ้อสหรัฐปีนี้คาดลดลงอยู่ที่ 2.25% โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 70% เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย., โอกาส 53.5% และ 42.7% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ใน พ.ย. ธ.ค.นี้ตามลำดับ สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม US CPI ส.ค. คาด 2.6% & ก.ค. 2.9% YoY, พฤหัส US PPI ส.ค. คาด 1.7% & ก.ค. 2.2% YoY
  • Stoxx600 ยุโรป -2.5% WoW หลังรายงานยอดค้าปลีกยูโรโซน ก.ค. -0.1% & มิ.ย. -0.4% YoY และ GDP ยูโรโซน Q2/67 +0.2% & Q1/67 +0.3% QoQ เนื่องจากการลงทุนชะลอตัว กอปรการบริโภคเอกชนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด แม้ว่าเงินเฟ้อจะทยอยลดลงแล้ว ส่งผลให้ ECB มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย 25% ในการประชุม 12 ก.ย.  
  • ตลาดหุ้นเอเชีย MSCI Asia Pacific X Japan -2.2% WoW จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐ & จีน ชะลอตัวกว่าคาด โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -2.7% WoW หลังดัชนี PMI ภาคผลิตจีน ส.ค. ลดลงอยู่ในโซนถดถอยเป็นเดือนที่ 4 กอปรกับถูกกดดันจาก ม.กีดกันการค้าจากสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ธ.กลางจีนส่งสัญญาณอาจปรับลดอัตรา RRR ของ ธ.พาณิชย์ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบ ส่วนดัชนีนิเกอิ -5.7% WoW ถูกแรงขายจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลดลงตาม Nasdaq และกลุ่มส่งออกถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 25 เยน/ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐจีน เช่น CPI, PPI, ส่งออก-นำเข้า, ยอดปล่อยสินเชื่อ ส.ค. และ GDP ญี่ปุ่น Q2/67
  • ดัชนี SET +5.05% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 0 หมื่น ลบ. +32.3% WoW ต่างชาติซื้อ 15,496 ลบ. สถาบันซื้อ 5,642 ลบ. รายย่อยขาย 20,161 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 977 ลบ. WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี, ไฟแนนท์, อสังหา, ค้าปลีก, ธนาคาร และไอซีที หลังมีความชัดเจนของ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ เช่น ม.แจกเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐวงเงิน 1.4 แสน ลบ. และ ม.กระตุ้นตลาดทุนด้วยการออกกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1 – 1.5 แสน ลบ. เพื่อลงทุนหุ้นในประเทศ & ต่างประเทศ ขณะที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า เป็นปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดอาเซียน (TIP) สัปดาห์ก่อนมูลค่ารวม 694 ล.ดอลลาร์สหรัฐ สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา ฯ วันที่ 12 – 13 ก.ย. โดยมี ม.ทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ, ส่งเสริม SME, ลดราคาพลังงาน & สาธารณูปโภค, นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี & ธุรกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบ,โครงการดิจิทัลวอลเล็ต, การทำเกษตรทันสมัย และส่งเสริมท่องเที่ยว       

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,415 – 1,420 แนวต้าน 1,438 โดยดัชนีได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ดังนั้นดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,438 ได้ แต่จาก RSI เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป จีงแนะนำทยอยขายกำไรบางส่วน และรอซื้อกลับเมือดัชนีอ่อนตัว เช่น CPN,CRC,HMPRO,BDMS,MINT,BLA,BCP,BEM เป็นกลุ่มหุ้นในกองทุนวายุภักษ์ที่ยัง Upside เมื่อเทียบกับมูลค่าปัจจัยพื้นฐานราว 10 – 20%
  • BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.30 บาท) บริษัทรายงานกำไร 2Q67 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต +18%QoQ, +11%YoY แม้ว่าธุรกิจจะเข้าช่วง Low Season ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณรถใช้ทางด่วน -QoQ, +YoY แต่กำไรของบริษัทจะมีตัวช่วยหนุนจากเงินบันผลของ CKP และ TTW ส่วนแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM ปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง ส่วนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกในส่วนของงานโยธามูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และการลงทุนด้านระบบและขบวนรถมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท กำลังเริ่มดำเนินการโดยมีกำหนดเปิดใช้บริการสีส้มตะวันออกก่อใน 71 และเต็มสายตะวันตกด้วยในปี 73 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%YoY และ 4.29 พันล้านบาท +11%YoY
  • BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท) สำหรับ 3Q67 เบื้องต้นเราคาดว่า กำไรปกติของ BDMS จะปรับขึ้น QoQ ตามฤดูกาล(ฤดูฝนเป็นบวกต่อกลุ่มผู้ป่วยไทยและผู้ป่วย Expat) และปรับขึ้น YoY ตามการเติบโต Volume ผู้ป่วยที่เห็นต่อเนื่องมาจากการโต YoY ครึ่งแรกของปี ขณะที่ในเชิงรายได้ 2H67 จะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจาก Capacity ที่สูงขึ้นของร.พ. โดยมี.ค.67 ที่ผ่านมา เปิด พญาไทยศรีราชา 2 (IPD 113 เตียง) ไปแล้ว ส่วน 3Q67 คาดเปิดศูนย์มะเร็งภูเก็ต และ 4Q67 ถัดไป ร.พ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล(IPD 100 เตียง) นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯ ปัจจุบัน เราประเมินกำไรสุทธิปี67 ที่ 15,824  ลบ.( +10%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค. -$1.48 อยู่ที่ $67.67 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$1.63 อยู่ที่ $71.06/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -8%, Brent -10% หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด กอปรอุปสงค์จากจีนมีแนวโน้มชะลอตัว

 

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$18.50 อยู่ที่ $2,524.60 /ออนซ์ นักลงทุนอยู่ระหว่างรอประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย.  

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +694.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +460.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +211.08 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +22.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.737 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +22 จุด อยู่ที่ 1,941

(+) BitCoinเช้านี้ +1.60% อยู่ที่ 55,024 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) GDP ญี่ปุ่น Q2/67 +0.70% & คาด +0.80% QoQ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

05 ก.ย.     กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

สัปดาห์ที2  ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์   

                หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

 

ต่างประเทศ

06 ก.ย.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)

US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)

                US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)

11 ก.ย.     US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)

12 ก.ย.     EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)

                EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, AU*, CPF, THCOM, BDMS

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้