News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

6 ก.ย. 2567 08:52:11 510

Market Wrap-Up

SET วันที่ 5 ก.ย.67 ปิด +38.79 จุด อยู่ที่ 1,404.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,736 ลบ.ต่างชาติซื้อ 7,485 ลบ.สถาบันซื้อ 3,623 ลบ.รายย่อยขาย 10,017 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,091 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 4,052 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,ADVANC,CPALL,PTT,KBANK และมียอดขายในหุ้น PTTGC,IVL,BCH,EA,RCL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 3,707 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MINT,KCE,AOT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,940 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 132,800 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 5,513 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.54%, S&P500 -0.30%, Nasdaq +0.25% ถูกแรงขายจากกลุ่มบริการสุขภาพ -1.39%, อุตสาหกรรม -1.18% ขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือย +1.41%, บริการสื่อสาร +0.52% ส่วนตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ส.ค. ชะลอตัวกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.54% โดยกลุ่มบริการสุขภาพ, เคมีภัณฑ์, สินค้าส่วนบุคคลปรับลดลงกว่า -1% จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA, S&P500 ปรับลดลง หลัง ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้น 99,000 & ก.ค. 111,000 & คาด 144,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 64 แม้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จะลดลง 5,000 ราย อยู่ที่ 227,000 ราย & คาด 231,000 ราย แต่นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะตลาดแรงงานสหรัฐอาจชะลอตัวกว่าคาด โดยค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ส.ค. คาด 164,000 & ก.ค. 114,000 ราย และอัตราว่างงาน ส.ค. คาด 2% & ก.ค. 4.3% YoY ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟด โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 45% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 18 ก.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังยอดค้าปลีกยูโรโซน ก.ค. -0.1% & มิ.ย. -0.4% YoY และสถาบัน Ifo ของเยอรมันคาดเศรษฐกิจเยอรมันปีนี้อาจชะลอตัว & จากเดิมคาด +0.4% YoY ส่งผลให้ ECB มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย 25% ในการประชุม 12 ก.ย.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปิดทรงตัว หลังวันก่อนปรับลดลงกว่า -2% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวกว่าคาด โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ +0.14% ยังรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ยอดส่งออก – นำเข้า ส.ค. และ CPI – PPI จีน ส.ค. ขณะที่ดัขนีนิเกอิวานนี้ -1.05% ถูกแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลงตาม Nasdaq และกลุ่มส่งออกถูกกระทบจากค่าเงินเยนแข็งค่าที่ระดับ 4 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี SET วานนี้ +2.84% ปริมาณการซื้อขาย 1 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 7,485 ลบ. สถาบันซื้อ 3,623 ลบ. รายย่อยขาย 10,017 ลบ. และพอร์ตโบรกขาย 1,091 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ +5.9%, ไอซีที +5.3%, ปิโตรเคมี +5.0%, ไฟแนนท์ +4.3% และท่องเที่ยว +3.96% หลังปัจจัยการเมืองในประเทศมีความชัดเจน โดยวันนี้นายก ฯ และ ครม. จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ และจะเริ่มประชุม ครม.นัดพิเศษในวันพรุ่งนี้เพื่อหารือนโยบายรัฐบาล ซึ่งเน้น ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเช่น ม.แจกเงินสดกลุ่มเปราะบางวงเงิน 1.4 แสน ลบ. ทางด้าน ม.กระตุ้นตลาดทุนนั้น ก.คลังเตรียมเปิดจองซื้อกองทุนวายุภักษ์วงเงินราว 1 – 1.5 แสน ลบ. ให้กับประชาชนทั่วไปวันที่ 16 – 20 ก.ย. สถาบันวันที่ 18 – 20 ก.ย. โดยคาดกองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายได้ในวันที่ 10 ต.ค. ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Big Cap. ที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่ เช่น ADVANC,CPALL,PTT,BDMS จากปัจจัยบวกดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินบาทวานนี้แข็งค่าสุดในรอบ 15 เดือนอยู่ที่ 36.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ กอปรกับเฟดมีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยปีนี้ราว 1% เป็นปัจจัยหนุน Fund Flow ต่างชาติให้ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่มากขึ้น

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,390 แนวต้าน 1,410 – 1,420 ประเมินดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน จากปัจจัยหนุน ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ระยะสั้น RSI เริ่มเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป กอปรยังรอประเมินตัวเลขจ้างงานสหรัฐในช่วงค่ำวันนี้ จึงแนะนำขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน และทยอยซื้อกลับเมือดัชนีอ่อนตัว เช่น SCGP,CPN,CRC,HMPRO,BCP,BDMS,CPF,BBL,PTT เป็นหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่และราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐาน Bloomberg Consensus ราว 10 – 20%
AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 84 บาท) แม้แนวโน้ม 3Q67 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก Low season การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ได้ตามจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ยังคงสูงกว่าปีก่อน นอกจากนี้คาดว่า Bottom line จะดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อน ทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะมีกำไรจาก FX ราว 1 พันล้านบาท
TNP* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.41 บาท) มี Sentiment บวกจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ ขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 25 ลบ.(+11.65%YoY, -5.90%QoQ) YoY มีแรงหนุนรายได้ที่สูงขึ้นจากทั้ง SSSG +1.4%YoY และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ด้านการดำเนินงาน Q3 ช่วงถัดไป เบื้องต้น แม้คาดว่าจะอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่จะกลับมาดีต่อใน Q4 ด้าน TNP* เองวางเป้ารายได้ปี67 นี้ +10-15%YoY /ปี68 +10%YoY และวางแผนขยายสาขาอีกราว 4 สาขาใน 2H67 ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ TNP* ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 165.87 ลบ.(+6.65%YoY) และ 177.04 ลบ.(+6.73%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค. -$0.05 อยู่ที่ $69.15 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.01 อยู่ที่ $72.69/บาร์เรล กังวลอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐ & จีนจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มโอเปกอาจชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตออกไปอีก 2 เดือน หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$17.10 อยู่ที่ $2,543.10 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 18 ก.ย. หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +274.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +222.37 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +47.75 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +4.61 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.728 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +17 จุด อยู่ที่ 1,919

(-) BitCoinเช้านี้ -3.32% อยู่ที่ 56,082 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ตัวเลขการใข้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่น ก.ค. +0.1% & คาด +1.2% YoY

Economic Calendar

ในประเทศ

05 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

ต่างประเทศ

06 ก.ย. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)

US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)

US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)

11 ก.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)

12 ก.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)

EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, AU*, CPF, THCOM