ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
แผนที่ความเสี่ยงทางการเงินโลก: เมื่อ EMDEs กลายเป็นจุดเปราะบางที่น่าจับตา
Key Takeaways:
ความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างประเทศทำให้ความเสี่ยงแพร่กระจายได้เร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ EMDEs
ปรากฏการณ์ "sovereign-bank nexus" เพิ่มความเสี่ยงให้ระบบการเงิน หากเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะ
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดความท้าทายในการจัดการของประเทศกลุ่ม EMDEs เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด อาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ต้องอาศัยความร่วมมือระดับนานาชาติในการแก้ปัญหาและป้องกันวิกฤตการเงินที่อาจส่งผลกระทบทั่วโลก
ในโลกยุคปัจจุบัน ความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างประเทศกลายเป็นปรากฏการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราอยู่ในยุคที่ความเสี่ยงทางการเงินสามารถกระจายตัวอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนา (EMDEs) รายงาน “Finance and Prosperity 2024” ของธนาคารโลกได้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ในระบบการเงินโลก ซึ่งเกิดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการพึ่งพาทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน
ปัญหาหลักที่ต้องจับตาคือ ความเหลื่อมล้ำทางการเงินระหว่างประเทศที่มีรายได้สูงและต่ำในกลุ่ม EMDEs ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าความเปราะบางนี้สามารถส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำเท่านั้น แต่ยังอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในระบบการเงินโลก แม้ว่ารายงานจะระบุว่า 70% ของประเทศในกลุ่มนี้ยังเผชิญกับความเสี่ยงในระดับต่ำถึงปานกลาง ทว่าการประเมินดังกล่าวอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะความเสี่ยงในประเทศที่มีความเปราะบางมากที่สุดสามารถกระจายตัวได้อย่างรวดเร็วเกินคาด
อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามคือ ปรากฏการณ์ "sovereign-bank nexus" หรือการที่ธนาคารพาณิชย์ถือครองหนี้รัฐบาลในระดับสูง ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ระดมทุนได้ในยามวิกฤต แต่ในทางกลับกัน สิ่งนี้กลับเพิ่มความเสี่ยงให้กับระบบการเงิน หากเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะ หนี้เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ในวงกว้าง ผลกระทบจากการล้มเหลวทางการเงินของรัฐบาลจึงอาจก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่กว่าที่เราคาดคิด
นอกจากนั้น ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ซับซ้อนขึ้นสำหรับประเทศในกลุ่ม EMDEs ประเทศเหล่านี้มักเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีทรัพยากรที่จำกัดในการรับมือ ความไม่สมดุลนี้อาจก่อให้เกิดวงจรที่ความเสี่ยงทางการเงินและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเสริมแรงกัน จนเกิดเป็นความไม่มั่นคงที่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจในระยะยาว
ถึงแม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลและรัฐบาลในหลายประเทศจะพยายามปรับเปลี่ยนและพัฒนานโยบายเพื่อรับมือกับปัญหานี้ แต่การขาดมาตรฐานการกำกับดูแล ที่ครอบคลุมและแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการรับมือกับความเสี่ยงใน EMDEs ยังเป็นช่องโหว่สำคัญ สิ่งนี้อาจนำไปสู่การล้มละลายของรัฐ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินโลก
ดังนั้น ประเทศต่างๆจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนเหล่านี้ได้อีกต่อไป การแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนโยบาย การจัดหาเงินทุน และการพัฒนาตลาดการเงินที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความเปราะบางใน EMDEs กลายเป็นวิกฤตทางการเงินที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ในท้ายที่สุด รายงานของธนาคารโลกได้ย้ำเตือนว่า โลกการเงินที่เรากำลังเผชิญอยู่มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความเสี่ยงทางการเงินใน EMDEs กลายเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และการเพิกเฉยต่อสัญญาณนี้อาจทำให้เราต้องเผชิญกับวิกฤตที่มีผลกระทบลึก การเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องระบบการเงินโลกในอนาคต
สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนีหุ้นไทยแข็งแกร่งเหนือตลาดอื่นๆ โดยมีแรงซื้อพยุงตลาดมาจากกลุ่มไอซีที TRUE INTUCH ธนาคาร-การเงิน KTB TTB MTC SAWAD TIDLOR และหุ้นใหญ่อื่นๆ GULF AOT BH ขณะที่แรงขายในหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนหุ้นสายซิ่งบวกแรงยังมีกระจายตัว ทั้ง NC SMT TASCO FORTH FSMART NCL เป็นต้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
หุ้นไทยสอบผ่าน-นัมเบอร์วัน
เมื่อวานหุ้นไทยผ่านบททดสอบแรก ไปได้ด้วยคะแนนนำตลาดหุ้นภูมิภาค แม้ยังเป็นรองอินโดนีเซียฯ ซึ่งเราได้ให้มุมมองไปแล้วว่า การที่หุ้นไทยสามารถรับมือการปรับฐานของตลาดหุ้นโลกได้ สุดท้ายน่าจะได้เห็นหุ้นไทยกลับไปเล่นเหนือ 1,370 จุด ถึงโซน 1,400 จุด
แต่ระยะสั้นยังต้องรอว่าจะผ่านการทดสอบนี้ ได้ในอีก 1-2 วัน ตามกรอบคาดการณ์ ดัชนีฯสัปดาห์นี้ซึ่งเราคาด “พักอยู่ในช่วง 1,350-1,375 จุด” และเรายังคงให้น้ำหนักรอฝ่าแนวต้าน ขึ้นไปเล่นกรอบบน
ส่วนกลยุทธ์ระยะสั้น คงคำแนะนำ หยุดไล่ราคาหุ้นที่ราคาแรลรี่ดันดัชนีฯ หมุนมาเล่นหุ้นแถวสอง กลางเล็กที่มี พื้นฐานกำไรรองรับ Valuation ไม่แพง....
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ปิดบวก ชนะหุ้นโลกที่ปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ นอกจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น Southeast Asia แล้ว ยังพบว่าโมเมนตัมของ SET Index กำลังส่งสัญญาณกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาขึ้นรอบใหม่ จับตาโซนต้านเส้น EMA 200 วัน เคยขึ้นทดสอบ…ไม่ผ่าน แต่!รอบนี้หลังจากสะสมพลัง ปรับฐานย่อยมาแล้ว หากทะลุผ่านได้จะส่งผลบวกต่อโครงสร้างระยะยาว....ขาขึ้นของจริง!
Note: theme play เก็งหุ้นที่อยู่ใน list รายชื่อ “กองวายุภักษ์” & กองทุนในปท. ซื้อดุดัน ติดตามเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ World asset class เช้านี้ครับ
What to watch
ซาอุดีอาระเบียอาจปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ขายให้กับภูมิภาคเอเชียในเดือนต.ค.นี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบดูไบซึ่งเป็นราคาอ้างอิงในตะวันออกกลางลดลงเมื่อเดือนที่ผ่านมา สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ในเดือนต.ค. อาจลดลง 50-70 เซนต์ต่อบาร์เรล
ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนต.ค. เนื่องจากประเทศสมาชิก 8 ประเทศวางแผนเพิ่มการผลิตอีก 180,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนเริ่มยกเลิกการลดการผลิตครั้งล่าสุดจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังคงลดกำลังการผลิตในส่วนอื่น ๆ ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2568
การเมืองในประเทศ: ครม.ใหม่เตรียมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ 6 กย.นี้ คาดรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย ภายใน 15 ก.ย.
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 19 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.25% ธนาคารกลางยุโรป 12 ก.ย. คาดลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 3.50%
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5%
FTSE Rebalance: FTSE All World หุ้นออก BLA, และกลุ่มขยับจาก Large-Cap ไปเป็น Mid-Cap ได้แก่ OR MINT PTTGC EA CRC สำหรับกลุ่ม Small-Cap หุ้นเข้า BLA CPNREIT และหุ้นออก ITD NER ORI TPIPL (คาดมีผล 6 ก.ย.นี้)
หุ้นแนะนำวันนี้
MTC ได้รัฐบาลเร็วเกินคาด เตรียมเดินหน้าแจกเงินสดหมื่นบาททันทีให้กับกลุ่มเปราะบาง (เงินสะพัดส่งผลบวกต่อเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานราก)
(S 44 R 45/46 SL 43)
รายงานพื้นฐานวันนี้
Tactical Idea
Escape Plan: แผนแหกคุก 200 วัน
เมื่อ SET ฟื้นตัวเข้าใกล้ค่าเฉลี่ย EMA200 วัน ซึ่งเป็นด่านสำคัญที่ผ่านยาก แต่ยังมี Momentum ของการเล่นหุ้นอยู่ โดยหุ้นใหญ่อาจจะหมุนเวียนเปลี่ยนกลุ่มกันไปแต่ละวัน และในช่วงแบบนี้หุ้นสายซิ่ง (กลาง-เล็ก) มักจะถูกหยิบมาเก็งกำไรกันอยู่บ่อยๆ โดยในการหา Alpha Return ตลาดรอบนี้ เราแนะนำปิดธีม Catch-up plays เพื่อ Switch มาเล่นในธีม Escape Plan โดยคัดเลือกหุ้นมีประวัติสายซิ่ง มาประกอบปัจจัยทางเทคนิค และพิจารณาพื้นฐานทั้งโมเมนตัมของกำไร และสตอรี่ รวมถึง ผลตอบแทน YTD เข้ามามาประกอบ เราได้หุ้น “เก็งกำไร” ตามธีมดังกล่าว พร้อมวางจุด Stop loss / Take Profit ดังนี้
BBIK (Stop loss 36.5, Take Profit 42.25): 2Q24 ผ่านจุดต่ำสุด Backlog ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ รับรู้เป็นรายได้ใน 2H24 และกำไรเติบโตได้แรง QoQ ใน 3Q24
FORTH (Stop loss 12.8, Take Profit 15.2): แนวโน้มกำไร 2H24 ฟื้นตัวทั้ง YoY และ HoH รวมทั้งยังรับ Sentiment บวกจากการประมูลงานรัฐฯ หลังผ่านงบฯ ได้ด้วย
GUNKUL (Stop loss 2.32, Take Profit 2.68): รับธีมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และ PDP ใหม่ เปิด Upside กำไรระยะยาว
SKY (Stop loss 22.5, Take Profit 27): นักท่องเที่ยวโต และแผนงานการขยายสนามบินเป็นปัจจัยหนุนระบบบริการผู้โดยสาร และอาจได้รับประโยชน์จากงานประมูลรัฐ
JMART (Stop loss 15.1, Take Profit 17.8): รับ Sentiment บวกจากการเปิดตัวมือถือใหม่ บวกอานิสงค์สุกี้ตี้น้อยเติบโตต่อเนื่อง กลุ่ม JMT/SINGER ทยอยเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว
Retails Finance Sector
ราคาหุ้นพุ่งสูงเกินแนวโน้มการฟื้นตัวแล้ว
เราออก IDEA call Downgraded Sector จาก “เท่ากับตลาด” เป็น “น้อยกว่าตลาด” เนื่องจากเราประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่ม Retail Finance จะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย ขณะที่ราคาหุ้น SAWAD และ TIDLOR ปรับเพิ่มขึ้น 41% และ 23% ตามลำดับ นับตั้งแต่ 15 ส.ค. 24 จนใกล้ ราคาเป้าหมายแล้ว
Fundamental View: เราจึงมองเป็นจังหวะในการขายทำกำไร SAWAD และ TIDLOR เพราะมองว่ายังไม่ได้มี catalyst ที่โดดเด่นในระยะสั้น และ Switch มาลงทุนใน MTC เพราะประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปี ตลาดน่าจะหันมามองหุ้นที่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตของกำไรของ MTC จะโดดเด่นสุดในปี 2024-25 อีกด้วย
โดยเราคาดว่า NPLs/Loans ของ MTC ใน 3Q24 จะดีขึ้น เพราะเน้นกลุ่มจำนำทะเบียนรถ ซึ่งระดับความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ของคู่เทียบ ซึ่งจะทำให้แนวโน้ม NPLs/Loans โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ โดย KTC SAWAD TIDLOR เรายังไม่คิดว่าแนวโน้มจะลดลงอย่างมีนัยฯ ใน 3Q24 เพราะลูกค้าไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต หรือ เช่าซื้อจักรยานยนต์ใหม่ยังฟื้นตัวช้า และการสำรองยังสูงต่อ
SCGP (Idea)
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
ตัวเลข Fajar ที่อ่อนแอ สะท้อนไปแล้ว มองข้ามไปดูแนวโน้มที่ดีขึ้น
เรามอง 4 ประเด็นบวก สำหรับแนะนำ Idea call หุ้น SCGP รอบนี้
1) คาดกำไรหลัก 3Q24 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากทั้งธุรกิจ Packaging และเยื่อกระดาษ โดยมาจากทั้งด้านปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยด้วย
2) Fajar หรือธุรกิจในอินโดนีเซีย อยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว หลังจากมีแรงกดดันมาตลอด 18 เดือน จากการส่งออกไปจีน โดยคาดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 4Q24 ผลจากการจัดการประสิทธิภาพต้นทุน และปรับพอร์ต
3) ตลาด Packaging กระดาษอินโดนีเซียจะกลับมาเติบโต โดยมีการคาดการณ์ที่เฉลี่ย +6.1% CAGR ปี 2024-29 จากอุปสงค์กลุ่มอุปโภค-บริโภค และ Fajar เป็น Top-10 ในตลาด
4) ราคากระดาษขึ้น หนุนราคาหุ้นด้วย โดยจากการศึกษา Correlation พบว่าเป็นเชิงบวก 83% และในช่วง 3Q24 ที่ผ่านมา ราคากระดาษ (Testliner paper) เป็นบวก เท่ากับบวกกับราคาหุ้น
Fundamental View: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 40 บาท
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน