มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SETค่อยๆขึ้นไปต่อ : โดยมองแรงหนุนหลักมาจากปัจจัยภายในประเทศ ขณะที่แรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเริ่มผ่อนคลายลงปัจจัยบวกมาจาก 1) ภายในมีความคืบหน้าในการจัดตั้งครม. หลังวานนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 6 ก.ย. 67 และจะมีการเรียกประชุมครม.นัดพิเศษ ในวันถัดไปเพื่อหารือนโยบายต่างๆที่จะใช้สำหรับการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย. และ จะมีการจัดประชุม ครม.แพทองธาร1 ครั้งแรกในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมอนุมัตินโยบายหลักเร่งด่วน ซึ่งนายกคาดจะมี 5-6 นโยบาย อันรวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องอนุมัติงบกว่า 1.22 แสนล้านบาทภายในสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 67 ทางฝ่ายคาดนอกจากโครงการดังกล่าวแล้วยังมีโครงการฟื้นฟูกองทุนวายุภักษ์ การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน/ธุรกิจ และการลงทุนรถไฟรางคู่ ที่จะเข้าพิจารณาในเดือนนี้ มองจะช่วยหนุนหุ้นค้าปลีก ก่อสร้าง ธนาคาร การเงิน และ ท่องเที่ยว 2) ภายนอก Sentiment ลบเริ่มจางลงหลังตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน สหรัฐในเดือน ก.ค. ออกมาขยายตัว 5%m-m มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.7%m-m และเป็นการขยายตัวแบบ m-m ที่มากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี คลายความกังวลการเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ ปัจจัยอื่นวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือน ส.ค. คาด Headline CPI และ Core CPI ขยายตัว 0.4%y-y และ 0.55%y-y โดย Headline CPI ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ +0.83%y-y แต่ Core CPI กลับขยายตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ +0.52%y-y สะท้อนภาพราคาพลังงานและอาหารที่เริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ราคาสินค้าอื่นยังทยอยปรับตัวขึ้น ส่วนคืนนี้จับตา ตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI และ ADP Nonfarm Employment Change ของสหรัฐฯ ประจำเดือน ส.ค.
กลยุทธ์การลงทุน : 1)งบและนโยบายภาครัฐฯ : BE8, BJC, CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO, KBANK, KTB, KTC, SAWAD, AOT, AAV 2) วายุภักษ์ : ADVANC, CPF, CENTEL, BCP, AMATA และ 3) Anti-Commodity : BGRIM, GPSC, GUNKUL, TASCO, SCGP
แนวรับ-ต้าน
1,360 –1,375
ปัจจัยบวก
+ กกร. ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกทั้งปีเป็นโต 1.5-2.5% จากประมาณการเดิมที่ 0.8-1.5% หลังการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคมโตถึง 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก แต่การเติบโตดังกล่าวยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง
+Moody’s ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทรับประกันภัยต่อทั่วโลกจากมีเสถียรภาพเป็นบวก เนื่องมาจากบริษัทรับประกันภัยต่อมีราคาที่สูงขึ้นและนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมไปถึงรายได้จากการลงทุนที่แข็งแกร่ง
+ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปี 67 ต่ำเป็นอันดับ 2 รองจากบรูไน
+BDMS จับมือกลุ่มเฮลท์แคร์ยักษ์ใหญ่รัสเซีย MEDSI Group ลงนามข้อตกลงขยายความร่วมมือด้านการแพทย์การตลาด การบริการด้านสุขภาพ และการท่องเที่ยว
ปัจจัยลบ
-โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการด้านโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น ทำให้สำรวจพบทรัพยากรในปริมาณมากขึ้น อันจะนำไปสู่ต้นทุนการผลิตที่ลดลง และอุปทานเพิ่มขึ้น เป็นลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ
- กกร. คาดว่ามูลค่าความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนปีนี้ จะอยู่ที่ราว 6-8 พันล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี
- อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและผลกระทบจากสงครามในยูเครนบังคับให้บริษัทต่างๆทั่วทั้งยุโรปต้องหยุดการจ้างงานหรือลดจำนวนพนักงาน นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.67 ที่ผ่านมา
- ธนาคารทั่วโลกส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตน้อยกว่า 5% ในปีนี้ โดย Bank of America Corp. เป็นรายล่าสุดที่ปรับลดคาดการณ์ โดยเข้าร่วมกับธนาคารอื่นๆ เช่น Goldman Sachs Group Inc. และ JPMorgan Chase & Co
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์-นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง-นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐนพงษ์ แซ่โล้ –ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร ผู้ช่วยนักวิเคราะห์