สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 3 กันยายน 2567)----PROEN ส่งบริษัทย่อย "จัมป์บ็อกซ์" จับมือ Opsta ยกระดับเทคโนโลยีวิศวกรรม แพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์องค์กร ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN ผู้ให้บริการ Cloud และ Data Center ครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท จัมป์บ็อกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจการฝึกอบรม การเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ โดยได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ออพซ์ตา (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Opsta ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชั่นทางด้านการทำ DevSecOps Transformation อย่างครบวงจรเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อช่วยกันยกระดับเทคโนโลยีวิศวกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย
ทั้งนี้ 2 บริษัท จะร่วมมือกันในการแบ่งปันประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ด้านการออกแบบและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีแบบครบวงจร( Platform Engineering)ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยคำนึงถึงความปลอดภัย (DevSecOps) และด้านเทคโนโลยีโอเพนซอร์ส ที่จะช่วยในเรื่อง Automating Deployment บริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ DevSecOps ให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงแพลตฟอร์ม Opstella และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสำรวจโอกาสทางธุรกิจ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมกันพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมด้านการบูรณาการการพัฒนา ความปลอดภัย และการปฏิบัติการ ภายใต้ Jumpbox Academy
ความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายในการพัฒนาวิชาชีพของบุคลากรในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลายด้าน สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
"ความร่วมมือระหว่าง Jumpbox และ Opsta นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีวิศวกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศในระยะยาว" นายกิตติพันธ์ กล่าว
PROEN ลงทุนใน“ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์”
สัดส่วน 30% มูลค่าลงทุนไม่เกิน 264 ล้านบาท
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จํากัด (มหาชน)PROEN เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 ของ บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จํากัด (มหาชน) (“บริษัท”) ซึ่งประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จํากัด (“ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์”) จํานวนไม่เกิน 52,800,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาทในราคาหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงินลงทุนไม่เกิน 264 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.00 ของจํานวนหุ้นทั้งหมดของซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ภายหลังจากบริษัททําธุรกรรมจําหน่ายทรัพย์สินโครงการศูนย์บริการข้อมูล (Data Center) ภายใต้ชื่อโครงการ OTT DC เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการที่เงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดที่ระบุไว้ภายใต้สัญญาขายทรัพย์สินและสัญญาซื้อขายหุ้น และสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเป็นผลสําเร็จ หรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะเข้าร่วมทุนกับ ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ โดยการเข้าซื้อหุ้นของ ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิมของ ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งคาดว่าทุนจดทะเบียนของ ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไม่เกิน 880,000,000 บาท คิดเป็นจํานวนไม่เกิน 176,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ ซีชอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ จากผู้ถือหุ้นเดิม คือ แมกม่า โฮลดิ้ง คอมพะนี ลิมิเต็ด และ/หรือผู้รับโอนสิทธิจํานวนไม่เกิน 52,800,000 หุ้น โดยใช้เงินลงทุนไม่เกิน 264,000,000 บาท โดยบริษัทฯ จะใช้เงินที่ได้รับจากการขายทรัพย์สินมาซื้อหุ้นดังกล่าวนี้ ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะทําเข้าทํารายการแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2567
อนึ่ง บริษัทจะขายโครงการ OTT DC ให้แก่ บริษัท ซีชอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จํากัด มูลค่ารวมไม่เกิน 802,835,731 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7) โดยจําแนกเป็น(1) อุปกรณ์ Data Center มูลค่า 433,835,731 บาท และ (2) ที่ดินและอาคารที่ตั้ง Data Center มูลค่า 369,000,000บาท โดยบริษัทคาดว่าจะทําเข้าทํารายการแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี2567 ซึ่งรวมถึงการที่เงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดที่ระบุไว้ภายใต้สัญญาขายทรัพย์สินและสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเป็นผลสําเร็จ หรือถือว่าเป็นผลสําเร็จ หรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง
ประโยชน์จากการร่วมทุน
1) จะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าในต่างประเทศและขยายตลาดไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการบริการ Data Center สูงโดยเฉพาะในภูมิภาคที่ยังมีการเติบโตของ Cloud Computing และบริการออนไลน์
2) เสริมสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์การเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ จะทําให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เนื่องจากมีความสามารถในการให้บริการที่มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพสูง
3) เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและรายได้ด้วยการเข้าถึงลูกค้าใหม่และตลาดใหม่ บริษัทสามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการ Data Center และโอกาสในการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคต เช่น Network Service, InternetService, Cloud Native Service และ Security Service
///จบ///