Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

561

 

"Selective Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1364/1367 จุด รับ 1348/1345 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปิด แต่ Futures แกว่งแคบๆ รอรายงานเศรษฐกิจเพิ่ม อาทิ PMI (ISM) และรายงานภาคแรงงาน ส่วนภายใน ตลาดจะรอการแต่งตั้ง ครม. ใหม่+การแถลงนโยบาย พัฒนาการล่าสุด ครม. ใหม่น่าจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ก่อน 15 ก.ย. ผสาน หน้าตา ครม.ส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนจากเดิม เชื่อว่าการสานต่อนโยบายต่อเนื่อง นำโดยการเบิกจ่าย Digital Wallet ไวขึ้น และความชัดเจนกองทุนวายุภักษ์ ส่วนรายงานเศรษฐกิจรอเงินเฟ้อ CPI (5 ก.ย.) คาดว่ายังน่าจะต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย BOT และระดับดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ Real Yield บวก 14 เดือนติด เชิงกลยุทธ์ยังทำให้เราคงมุมมอง Downside ของการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 ราว 1 ครั้ง จะเป็น Upside ของ SET อีกส่วน ส่วนวันนี้คาด SET แกว่งในกรอบรอพัฒนาการ หุ้นนำ คือ กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ ธนาคารขนาดเล็กที่มีกระแส BOT คลายเงื่อนไขกู้ร่วมซื้อรถช่วยเสริม) กลุ่มอิงนโยบายครม.ใหม่ หุ้นเกาะกระแสมือถือรุ่นใหม่+เงินบาทสลับอ่อนค่า กลุ่ม ร.พ. (เรื่องคูเวตใกล้ชัด+เข้าสู่ฤดูกาล) วันนี้แนะนำ GPSC, HANA, TISCO

 


Daily outlook: "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1364/1367 จุด รับ 1348/1345 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องจากวันแรงงาน ส่วน Futures เช้านี้ลบเล็กน้อย

(*/+) Japan PMI : ญี่ปุ่นรายงาน PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย เดือนส.ค. เร่งขึ้นต่อมาอยู่ที่ 49.5 จุด Prev. 49.1 จุด (แม้ยังต่ำกว่า 50 จุด 2 เดือน แต่มีสัญญาณการฟื้นตัว) ส่วนภาคบริการยังแข็งแกร่ง อิง PMI ภาคบริการปรับขึ้นอยู่ที่ 53.7 จุด (> 50 จุด สะท้อนขยายตัว) มองบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจในญี่ปุ่น อาทิ GFPT กลยุทธ์ให้น้ำหนัก Neutral ตามเดิม"หากมีสถานะการลงทุนอยู่ไม่ใช่จุดที่ขายออก และไม่ได้มองบวกแนะนำสะสมเพิ่ม "

(*/+) China PMI : PMI ธุรกิจขนาดเล็กของจีน Caixin PMI เดือนส.ค. กลับมายืนเหนือ > 50 จุด ที่ 50.4 จุด จากระดับ 49.8 ในเดือนก.ค. ดีกว่าตลาดคาด 50.0 จุด KSS มองมาตรการดังกล่าว แม้จะมีผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจริงไม่มาก แต่จิตวิทยาบวกต่อการคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ในระยะถัดไป ยังเน้นตั้งรับ มองบวกต่อ STA, SCGP IVL

(*/) Trade war : Bloomberg เผยจ้าหน้าที่อาวุโสของจีนได้ย้ำจุดยืน เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นว่า จีนอาจตอบโต้การควบคุมเซมิคอนดักเตอร์ครั้งใหม่ด้วยการจำกัดการเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นสำหรับการผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่น หนุนกระแสการย้านฐานการผลิตไปยังประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งการค้า อาทิ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA, AMATA

(*/+) Mobile : Huawei Technologies เตรียมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ วันที่ 10 ก.ย. ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังงานเปิดตัว iPhone 16 ของ Apple โดยบริษัทเผย "ผลิตภัณฑ์แห่งยุค" (มือถือ อุปกรณ์ IT) ที่ ตลาดคาดจะเปิดตัวมือถือเครื่องแรกของโลกที่พับได้สองทบ รวมถึงเผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้าไอโตะ (Aito) ใช้เวลาพัฒนาและลงทุนนานถึง 5 ปี KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ HANA และกลุ่มที่ขายมือถือ Huawei อาทิ COM7

(*/+) To monitor สหรัฐ 5 ก.ย. ติดตามการจ้างงานสำนัก ADP ส.ค. คาด +1.48 แสนราย vs prev. +1.22 แสนราย, 6 ก.ย. ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ส.ค. คาด +1.65 แสนราย vs prev. +1.14 แสนราย และอัตราการว่างงาน คาด 4.2% vs prev. 4.3% ยุโรป 6 ก.ย. ติดตามรายงาน GDP 2Q24 (ครั้งสุดท้าย) คาด +0.3%q-q, +0.6%y-y เท่าการรายงานครั้งก่อน จีน 4 ก.ย. PMI ภาคบริการสำนัก Caixin คาด 52.1 จุด เท่าเดือนก่อน

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ปิดทำการ แนวโน้มระยะกลางเป็นขาลง อายุ 2 ปี เช้านนี้ ปรับขึ้น 2 bps ที่ 3.93% และอายุ 10 ปีปรับขึ้น 6 วันติด บวก 2 bps 3.924% ทำให้ระยะสั้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI, กลุ่มธนาคาร ส่วน Dollar Index แกว่งตัวใบริเวณ 101.6 จุด

(*-) Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.77%d-d ปิดที่ US$ 77.52/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.16%d-d ปิดที่ US$ 73.67/barrel

(*/+) BDI Index ดัชนีค่าระวางเรือ BDI +5.79% ปิดที่ 1919 จุด เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือเทกอง อาทิ PSL, TTA

 

What happened in Thailand ?

(*/-) SET : Set วันทำการล่าสุดปรับตัวลดลง -5.43 จุด หรือ -0.4% ปิดที่ 1353.64 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT, OR) ถ่วงจากจิตวิทยาลบราคาน้ำมันดิ่งแรง หลังมีกระแสข่าวกลุ่ม OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังผลิตชดเชยลิเบียที่มีปัญหาการเมืองในประเทศ กลุ่มธนาคาร (KBANK, TTB, BBL) หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็ว จากความคาดหวังเชิงบวก ขณะที่พัฒนาการยังต้องใช้เวลา กลุ่มหนุน คือ กลุ่มปิโตรเคมี (IVL) ที่ถูกปรับออกจากดัชนี MSCI ขณะที่ภาพระยะกลางยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ จึงมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับมาขึ้นมา

(*) Flows: กระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลเข้า ซื้อพันธบัตร +66.7 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -43.2 ล้านเหรียญฯ TFEX มีสถานะ Net Short -6,717 สัญญา เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าสู่ 34.15 +/- บาท

(*) TH Tourism: ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทางออกนอกประเทศ (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 1-31 ส.ค. อยู่ที่ 93.7% ของ Pre COVID หากมองเป็นรายสัปดาห์ถือว่าแผ่วลงเล็กๆ ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของ ส.ค. อย่างไรก็ดี ระดับดังกล่าวยังบ่งชี้นักท่องเที่ยว ส.ค. 24 ราว 3.2-3.3 ล้านคน หนุนนักท่องเที่ยว 8M24 สูง 23.8-24 ล้านคน ผสานช่วงปลายปีที่เป็นฤดูกาลคาดนักท่องเที่ยวจะเร่งขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.0 แสนคนต่อวัน มองนักท่องเที่ยวทั้งปีไม่ต่ำกว่ากรอบที่ตลาดมอง 35.5-36 ล้านคน หุ้นอิงภาคบริการที่อาจอ่อนตัวระยะสั้น จากยอดรายสัปดาห์ให้วางกลยุทธ์ตั้งรับ เน้น AOT, BA, AAV

(*/+) TH Politic: นายกเปิดเผย รายชื่อ ครม. ปัจจุบันนิ่งแล้ว เตรียมทูลเกล้าภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่รักษาการนายกคาดว่า ครม. ใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ก่อน 15 ก.ย. เร็วกว่าตลาดคาดเล็กน้อย เรามองบวกต่อผลบวกการใช้งบประมาณส่วนเพิ่มปี 2567 กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเม็ดเงินที่กระตุ้นผ่านการบริโภคไวขึ้น โดยไม่รอระบบ Digital Wallet ให้กลุ่มเปราะบางในเฟสแรก บวกต่อ SET เพราะเม็ดเงินสูงราว 0.7% ของ GDP และ 5.2% ของมูลค่าค้าปลีกค้าส่งและหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก ธนาคาร เน้น CPALL, CPAXT, BJC อื่นๆ จับตากองทุนวายุภักษ์คาดมีความชัดเจนต่อในลำดับถัดไป ส่วนระยะกลาง-ยาว มอง ครม. ใหม่เร่งผลักดันเรื่อง Entertainment Complex และการเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology

(*/+) Landbridge: สนข. อยู่ระหว่างการทำหนังสือบรรจุวาระการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ. SEC เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เพื่อให้มีมติมอบหมาย สนข. เป็นผู้จัดทำร่าง พ.ร.บ. SEC ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่น ๆ และเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย.25 และเริ่มขั้นตอน 1Q26 เชิญชวนนักลงทุน 2Q25 คัดเลือกเอกชน+เวนคืนที่ดิน 3Q25 เริ่มก่อสร้าง จะแล้วเสร็จปี 2030 มองจิตวิทยาบวกงาน Mega Project เดินหน้า หุ้นรับเหมา อาทิ STEC, CK หุ้นนิคม อาทิ WHA, AMATA และหุ้น Logistic อาทิ SJWD

(*/+) Soft Power: DIPA เปิดเผยว่าอยู่ระหว่าง ร่าง พ.ร.บ. ดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมส์ พ.ศ. .... เพื่อปรับโครงสร้างกำกับดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมส์ประเทศไทย โดยเฉพาะปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิตอล มองจิตวิทยาบวกหุ้นเชื่อมโยง อาทิ AS YGG แต่แนะนำเพียงเก็งกำไร และจิตวิทยาบวกกลุ่มสื่อสารฝั่งลูกค้า E-Sports คึกคักขึ้น

(*/+) Healthcare: กระแสที่รัฐบาลประเทศคูเวตน่าจะประกาศคัดเลือกขึ้นทะเบียนบัญชีโรงพยาบาล ส่งผู้ป่วยคูเวตเข้ามารักษา เรามองมีปลด Overhang ดังกล่าวต่อกลุ่ม ร.พ. ที่มีฐานผู้ป่วยต่างชาติ อาทิ BDMS, BH ผสาน ภาพฝนตกชุกมากขึ้น มองตลาดเริ่มให้น้ำหนักภาพบวกเชิงฤดูกาล เน้น BDMS, CHG

(*/+) Solar Rooftop: กระทรวงพลังงานเตรียมออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อที่จะกำกับดูแลให้การติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคาบ้าน เพื่อติดตั้งได้สะดวกและง่ายขึ้น ขณะที่จะมีมาตรการสนับสนุนเงินทุนในการติดตั้ง การหักค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษี มองบวกต่อ GUNKUL ที่มีธุรกิจเชื่อมโยง

(*/+) Hire Purchase: อิงรายงาน นสพ. ข่าวหุ้น BOT เตรียมปรับเกณฑ์กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ให้ผู้กู้สามารถกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัว หรือเครือญาติได้ โดยมีผลภายในปี 24 กรณีดังกล่าวสถาบันทางการเงินขานรับทางบวก มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นธนาคารที่เน้นปล่อยเช่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ อาทิ KKP, TISCO

(*) To Monitor: สัปดาห์นี้ ติดตาม 1.) 5 พ.ค. รายงานเงินเฟ้อ CPI ส.ค. 24 ตลาดคาด +0.48%y-y, +0.2%m-m vs prev. +0.83%y-y, +0.19%m-m 2.) 3-5 ก.ย. คาดว่า สภาผู้แทนราษฏรจะพิจารณา ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2568 วงเงิน 3.7527 ล้านล้านบาท วาระที่ 2 และ 3 ส่วนการเสนอ ส.ว. พิจารณาจะอยู่ระหว่าง 9-10 ก.ย.

 

Daily Strategy : GPSC, HANA, TISCO เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "แกว่งในกรอบ" มองต่างประเทศยังเป็นการรอรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มเติม อาทิ PMI (ISM) และรายงานภาคแรงงาน ส่วนภายในเป็นการรอ ครม. ชุดใหม่และการแถลงนโยบาย รวมถึงเงินเฟ้อ ส.ค. 24 คาด Real Yield ยังน่าจะบวกต่อเนื่อง 14 เดือนติด หนุนเชิงกลยุทธ์ยังคงมุมมองโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 ราว 1 ครั้งช่วงปลายปี มองหุ้นนำ 1.) หุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ ธนาคารขนาดเล็กที่มีกระแส BOT ผ่อนคลายเกณฑ์กู้ร่วมซื้อรถยนต์) 2.) กลุ่มอิงนโยบายครม.ใหม่ (Domestic, Big Cap, หุ้นธีม Infra Tech) 3.) หุ้นเกาะกระแสมือถือรุ่นใหม่+เงินบาทสลับอ่อนค่า อาทิ HANA

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, ADVANC, TRUE, DELTA, INSET, BE8, BBIK, HANA, ADVICE, CPALL, CPAXT, LTS)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)
หุ้นลุ้นรับกองทุนวายุภักษ์มีความคืบหน้าเร็วๆนี้ (AOT, KTB, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, CPAXT, TRUE, MINT, MTC, AAV, BA)

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Flood2024

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือล่าสุด แม้ภาพหน้าข่าวน่ากังวล แต่หากพิจารณาระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศปัจจุบัน ณ 25 ส.ค. 24 อยู่ที่ 61% ของความจุทั้งหมด โดยระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำในเขื่อนปี 2005-23 และยังต่ำกว่า หากเทียบกับระดับปี 2022 (ปีที่ระดับน้ำสูงสุดในรอบ 5 ปีหลัง) นอกจากนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2011 (25 ส.ค. 11) ที่เกิดวิกฤติมหาอุทกภัย ระดับน้ำสูง 73% ของความจุเขื่อน โดยมีภาคที่เริ่มเฝ้าระวัง คือ พื้นที่ภาคเหนือและตะวันตก อย่างไรก็ตาม หากมองภาพความเสี่ยงที่จะมีพายุ/ไต้ฝุ่นเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ ความเสี่ยงหลักของเอเชีย คือ พายุไต้ฝุ่น Shanshan ปัจจุบันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางเอเชียเหนือมากกว่า ขณะที่น้ำในส่วนที่สร้างผลกระทบไปแล้ว เขื่อนที่ยังอยู่ในโซนพื้นที่ภาคกลาง - ใต้ - ตะวันออก ยังน่าจะรองรับได้

ทำให้ประเมินความเสี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2024 จะรุนแรงเท่ามหาอุทกภัยยังจำกัด และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อห้างค้าปลีกน่าจะอยู่ในวงจำกัดเฉพาะภาคเหนือ (3-10% ของรายได้ โดยมี CRC และ GLOBAL สูง 17% และ 25% ซึ่ง CRC น่าจะอยู่ในส่วนเชียงใหม่ที่อยู่นอกพื้นที่น้ำท่วมเป็นหลัก)

กลยุทธ์ลงทุนภายใต้สถานการณ์น้ำท่วมบาง Zone ประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Home Improvement อาทิ HMPRO, GLOBAL, DOHOME เน้น DOHOME (TP-12.3) , และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ DCC ,TASCO, SCGD TOA เน้น TASCO(TP-17.6) หนุนจากการฟื้นฟู ซ่อมแซม, บ้าน สถานที่ถูกน้ำท่วม ส่วนหุ้นอิงการบริโภค อาทิ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น เช่าซื้อ ธนาคาร และสื่อสาร ที่อ่อนตัวรับความกังวลดังกล่าว แนะนำมองเป็นจังหวะซื้อลงทุน KTB (TP-21), KBANK (TP-145), CPALL(TP-84) CPAXT(TP-40), MTC(TP-58), TRUE(TP-12), ADVICE(TP Con-6.55)

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด

จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศผลการ Rebalance ดัชนีรอบใหม่แล้ว คาดมีผลราคาปิด 20 ก.ย. 24 จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนดังนี้

o FTSE All World (Large + Mid Cap)

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : BLA

***ส่วนการเปลี่ยนแปลงขนาดระหว่าง Large Cap และ Mid Cap ดังนี้

• หุ้นเข้า Large Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Large Cap สู่ Mid Cap : CRC, EA, MINT, PTTGC, OR

• หุ้นเข้า Mid Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Mid Cap : BLA

***หุ้นที่ขยับลงระหว่าง Large -> Mid cap จะมีผลลบเล็กน้อยจากการ Rebalance เนื่องจาก Market cap ที่ลดลง แต่ผลลบจะน้อยกว่าการถูกถอดออกจากดัชนีหลัก FTSE All world มาก

o FTSE Small Cap :

หุ้นเข้า : BLA, CPNREIT

หุ้นออก : ITD, NER, ORI, TPIPL

o FTSE Micro Cap :

หุ้นเข้า : DITTO, FTREIT, FUTUREPF, ITD, ORI, RBF, SRPIME. SAPPE, SJWD, SYMC, CREDIT, WHART, WICE

หุ้นออก : ZEN, UAC, TRC, THREL, TWPC, TRU, STI, SCAP, SA, SABUY, S11, QHHR, PYLON, POLY, PJW, NCAP, MONO, MILL, MICRO, GEL, GJS, EP, DEMCO, CV, CIMBT, CCET, B-WORK, AS, AMATAV, AMANAH, AJ, 2S

กลยุทธ์ : ระยะสั้น ระมัดระวัง หุ้นใน FTSE All-World ซึ่งเป็น Benchmark หลัก คือ ตัวที่ถูกถอดออก คือ BLA และ Trading เก็งกำไรหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เป็นกอง REIT ซึ่งล่าสุดมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นภาพวงจรดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่ขาลงเต็มตัว อาทิ CPNREIT(TP Con-11.7, Yield25F- 9.9%), FTREIT(TP Con11.8, Yield25F-7.5%), FUTURPF, SYMC(TP Con-12.6), WHART(TP Con10.8, Yield25F-7.8%)

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

 

 

• NSL (Buy, TP35.63): We initiate with BUY and TP Bt35. We project core profit growth to be 57% in FY24F, underpinned by: 1) 21% sales growth, both from the CPALL (87% revenue contribution) and its own brands which it has invested with many partners (notably with Bake A Wish) and 2) 1.9ppt gross margin expansion (to 20.2%) from strong sales growth. We like NSL's earnings visibility through CPALL's vast outreach and its ability to build own brands with partners.

• BCP (Buy, TP49): มอง slightly positive ต่อข้อมูลแผนธุรกิจระยะยาวของ BCP ที่เป้า aggressive สะท้อนโอกาส upside ของ inorganic growth คาดความคืบหน้าอยู่ในช่วง 1H25 โดยบริษัทคงเป้า EBITDA 2030 อยู่ในระดับสูง 1 แสนลบ. โตจาก i) การสร้าง Synergy ของธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด ที่ส่งให้ลดการนำเข้าน้ำมันและเจาะตลาดเชิงรุก เพิ่มทั้ง u-rate, ปริมาณขายต่อสถานี รวมถึงค่าการกลั่น และ ii) ธุรกิจ E&P ที่แหล่งใหม่เริ่มผลิต รวมถึงโอกาส M&A แหล่งผลิตในเอเชียแปซิฟิค มอง 2H24-2025F มีปัจจัยบวกทั้งการฟื้นของกำไรใน 3Q-4Q24F, ความคืบหน้าของ synergy และ M&A คงคำแนะนำ Buy ที่ TP25F = 49.0 บาท

• Energy Weekly (Neutral): ฝั่งต้นน้ำ (น้ำมันดิบ) +2% w-w กังวล supply disruption จากสงครามฯในตะวันออกกลางกลับมารุนแรง และความขัดแย้งภายในของลิเบีย อย่างไรก็ตามปลายสัปดาห์-ปัจจุบันกลับมาลดลงจากกังวลเศรษฐกิจจีน และ OPEC+ ไม่ปรับแผนการผลิต คาดราคาน้ำมันดิบ ก.ย. 24 ผันผวน จากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนของแผน OPEC+

ฝั่งโรงกลั่น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ -35% w-w ตาม product spread หลัก -9-17% w-w กังวล demand gasoline ชะลอหลังผ่าน U.S. driving season, ความต้องการใช้ Gasoil EU ชะลอ และ demand HSFO ของโรงไฟฟ้าลดลง ในขณะที่ยังมีแรงกดดันโควต้าส่งออกน้ำมันของจีน Batch3 ค่าการกลั่น ส.ค. 24 ทรงตัว m-m ความกังวลโควต้าน้ำมันจีน กลบ U.S. driving season คงมุมมองเดือน ก.ย. ค่าการกลั่นอาจผันผวนจากโควต้าน้ำมันจีน ผสมกับความกังวลสงครามฯ

ฝั่งปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ลด w-w ฉุดจาก feedstock i) สายโอเลฟินส์ PE/PP spread -3-5% w-w ii) สายอะโรเมติกส์ BZ +2% w-w ได้ demand จีนหนุน แต่ PX -3% w-w ฉุดจากราคา feedstock ส่วน iii) สายโพลีเอสเตอร์ (PET) integrated spread -9% w-w ราคาขายทรงตัว-ลดลง จาก demand ยังอ่อนแอ ในขณะที่ราคา feedstock เพิ่ม เดือน ส.ค. 24 มีเพียง PET ที่ฟื้น m-m คาด ก.ย. 24 สายโอเลฟินส์ฟื้นจากการ re-stock ในจีน ส่วน PET ทรงตัว m-m

ภาพสัปดาห์ ถูกกดดันทั้งกลุ่ม ระยะสั้นค่าการกลั่นที่ผันผวนอาจเป็นโอกาสในการเก็งกำไรหากรับความเสี่ยงกฏหมายคุมราคาน้ำมันได้ มองค่าการกลั่นที่ลดลงเร็วอาจส่งให้โรงกลั่นบางส่วนกลับมาลด run (ค่าการกลั่นยังสูงกว่า cash cost ของโรงกลั่นไทย โดย SPRC ปัจจุบัน u-rate 92-95% สูงกว่า 2Q24 ที่ 90%) และค่าการกลั่นที่ไม่สูงอาจไม่ดึงดูดให้การส่งออกน้ำมันจริงของจีนเป็นไปตามโควต้า หนุนค่าการกลั่นฟื้นตัวในระยะถัดไป คงมุมมองราคาหุ้นโรงกลั่นสะท้อนปัจจัยลบไปมากเก็งกำไรการฟื้นใน 3Q24F ได้

 

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้