SET Index แกว่งตามกรอบ 1350-1370
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
คาด SET Index วันนี้แกว่งตามกรอบ 1350-1370 จุด ปัจจัยในประเทศความสนใจหลักยังอยู่ที่กระบวนการการจัดตั้ง ครม.และการเริ่มเข้ามาบริหารของรัฐบาลใหม่ ซึ่งคาดว่าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาน่าจะเกิดขึ้นภายใน 15 ก.ย.ด้านปัจจัยต่างประเทศได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED ด้านทิศทาง Fund Flow ต่างชาติวันศุกร์ขายสุทธิหนัก แต่มาจากเหตุการณ์ชั่วคราวจาก MSCI Rebalance กลยุทธ์วันนี้ชอบ BCP BBIK

ความคืบหน้าการตั้ง ครม. ล่าสุดอยู่ในช่วงตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งหากอิงความเห็นของรักษาการนายกฯ เผยว่าอยากให้กระบวนการที่เหลือรวมถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯจบภายใน 15 ก.ย. ทำให้เรายังเชื่อว่าการประชุม ครม. นัดแรกจะมีขึ้นในวันที่ 17 ก.ย ซึ่งจะเป็นการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น Digital Wallet สำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Consumption CPALL BJC และหุ้นที่ได้ประโยชน์ฟื้นฟูหลังน้ำท่วม TASCO เป็นต้น

การรายงาน Core PCE สหรัฐฯ เดือน ส.ค. ขยายตัว 2.6%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนและใกล้เคียงตลาดคาด ทำให้ตลาดยังคาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยฯ ลง 0.25% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4.5 ปี ในการประชุมเดือน ก.ย. 0.25% หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นในช่วง 0.6%-1.2% จึงยังมองเป็นบวกต่อFund Flow ต่างชาติไหลเข้ามายังตลาดหุ้นบ้านเรา แม้ว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาจะขายสุทธิหนัก 3.2 พันล้านบาทแต่เราคาดว่าเป็นผลมาจาก MSCI Rebalance ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราวเท่านั้น

Market Summary
SET Index ศุกร์ที่ผ่านมาแกว่งทรงตัว แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 6 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหนัก 3.2 พันล้านบาท จากผลของ MSCI Rebalance ทำให้หุ้นที่ถูกคัดออกดัชนีหลายบริษัทปรับลงแรง เช่น IVL และ AWC -5% EA –1.5% ส่วนกลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA 1.4% ตามกลุ่มเทคฯ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC +2.7% กลุ่มโรงกลั่นปรับขึ้น BCP BSRC +1.4%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCP BBIK
BCP
กำไรเติบโตแข็งแกร่ง
จาก SAF และ GRM
ธุรกิจเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) จะสร้างกำไรให้กับ BCP ประมาณ 2.6-4.1 พันลบ. ต่อปี หรือคิดเป็น 20-30% ของกำไรหลักในปี 2568-2570 จากที่แต่ละประเทศผลักดันการใช้ SAF และความมุ่งมั่นของสายการบินในการลดการปล่อยคาร์บอนจะทำให้ความต้องการ SAF เพิ่มขึ้น 1.9 พันล้านลิตรในปี 67 เทียบกับ 0.6 พันล้านล้านลิตรในปี 66 หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นสามเท่าตัวช่วยหนุนกำไรปกติปี 68 เติบโต 48.6%YoY

กำไร 2H67 คาดว่าฟื้นตัวตาม GRM ที่ปรับตัวดีขึ้นตามผลของฤดูกาล ขณะที่ราคา Crude Premium ลดลงจะช่วยหนุนต่ออัตราทำกำไรดีขึ้น

ความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์ใหม่ซึ่งคาด BCP จะเป็น 1 ในเป้าหมาย เพราะซื้อขายบน Valuation ที่ถูกอย่างมากบน PER68F ต่ำเพียง 5.8 เท่า เงินปันผลสูงระดับ 5-8 % ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 62.00 บาท

BBIK
กำไรเริ่มฟื้นตัวนับจาก 3Q67
คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR โดยมีรายได้เติบโต 14% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก

การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณสิ้น2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ 2H67 ซึ่ง backlog ดังกล่าวสะท้อนว่า 79% ของรายได้ที่คาดการณ์ สำหรับปี 67 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+16% YoY) ขณะที่การชนะประมูลโครงการ ยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ
เชื่อว่า BBIK จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเศรษฐกิจใน 2H67 ฟื้นตัวที่จะทำให้เอกชนกลับมากล้าลงทุนมากขึ้น ขณะที่มุม Valuation ซื้อขายบน PEG ต่ำ 0.8 เทียบ HUMAN ที่ 1.8 และ NETBAY ที่ 5.2
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท

KEY FACTOR
ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ จะทำให้ตลาดคลายกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจะมีน้ำหนักขับเคลื่อนตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ นำโดย ตัวเลขเศรษฐกิจจีน 1) Caixin PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งตลาดน่าจะให้น้ำหนักมากกว่าไปที่ภาคการผลิต ซึ่งยังอ่อนแอ สะท้อนจาก PMI ที่รายงานในช่วงสุดสัปดาห์ ที่ระดับ 49.1 ต่ำกว่า50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่4 ติดต่อกัน และต่ำกว่าคาด 49.5

2) ตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งหากประเมินจาก Consensus น่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะทำให้ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจผ่อนคลายลง แต่มุมมองการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. น่าจะยังคงอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ประธาน Fed ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจน 3) เงินเฟ้อของไทย เดือน ส.ค. ที่ CPI น่าจะชะลอลงเหลือ +0.4%YoY จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ปรับตัวลงตามราคาตลาดโลก ส่วน Core CPI +0.56%YoY ใกล้เคียงเดือนที่ผ่านมา สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้แบบค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่อง

EYES ON
2 ก.ย. Caixin PMI ภาคการผลิต
4 ก.ย. Caixin PMI ภาคบริการ
5 ก.ย. CPI ของไทย เดือน ส.ค., การจ้างงานเอกชน ADP
6 ก.ย. GDP 2Q67 ของ Eurozone, การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ