Company Note
Prima Marine
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเป้าขึ้นเพื่อสะท้อนกำไรที่ดีกว่าคาดใน 1H24
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หลังจากเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของ PRM จาก 1) คาดแนวโน้มกำไร ใน 4Q24F ยังคงดูดีแต่ 3Q24F อาจอ่อนลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากบริษัทนำเอาเรือ Aframax 1 ลำไปดัดแปลงเป็น FSO ก่อนกลับมาให้บริการในเดือนธ.ค., 2) คาด Core profit จะเติบโตทำ New high ต่อเนื่องทุกปี จากการเพิ่มกองเรืออย่างต่อเนื่อง, 3) ราคาหุ้นต่ำมากโดยราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2024F และ 2025F แค่ 7.6x และ 6.5x เท่านั้น
คาดกำไร 3Q24F ลด QoQ ก่อนฟื้นตัวใน 4Q24F
เราคาดกำไร 3Q24F จะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากบริษัทเอาเรือ Aframax ซึ่งสิ้นสุดสัญญาการให้บริการกับ BCP ในเดือนมิ.ย.และมีอายุใช้งาน 18 ปีแล้วไปดัดแปลงเป็น Floating Storage & Offloading (FSO) ในช่วงเดือนก.ค.-พ.ย. ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีรายได้จากเรือลำนี้ ก่อนจะกลับมาให้บริการ PTTEP ในเดือนธ.ค. (สัญญา 5 ปี) ซึ่งจะทำให้กำไร 4Q24F ดีขึ้น QoQ นอกจากนั้นบริษัทยังมีการเปลี่ยนเรือ VLCC 1 ลำในเดือนก.ค.ทำให้เสียเวลาไป 3 สัปดาห์แต่เรือที่ได้กลับมาก็จะมี Efficiency มากขึ้นทำให้น่าจะกระทบไม่มาก ส่วนธุรกิจอื่นมีแนวโน้มเป็นบวกทั้งหมด ธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) น่าจะดีขึ้นเนื่องจากบริษัทได้เอาเรือที่เป็นสัญญา Time charter ที่มีรายได้เยอะๆเข้าอู่ไปแล้ว 9 ลำในช่วงครึ่งปีแรก ครึ่งหลังจะเหลือแต่เรือวิ่ง Spot ซึ่งรายได้น้อยเข้าอู่ ดังนั้นทั้งรายได้และมาร์จิ้นน่าจะดีขึ้น ส่วนธุรกิจ FSU มีแนวโน้มเป็นบวกเพราะดีมานด์ดีขึ้นเรื่อยๆ Utilization rate เพิ่มขึ้นทุกไตรมาสแต่จะไม่เต็ม 100% เนื่องจากมีลูกค้าบางรายต้องการเช่าแบบ Exclusive ไม่ให้รับเช่าจากคู่แข่ง แต่ก็จะมีการจ่ายในเรทที่สูงขึ้นเป็นการชดเชยให้บริษัท นอกจากนั้นแนวโน้มมาร์จิ้นยังดีขึ้นด้วยจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงซึ่งบริษัทเป็นคนจ่ายมีแนวโน้มลดลง ในส่วนธุรกิจ Offshore แนวโน้มดีต่อเนื่องจากเรือที่เพิ่มขึ้นและเต็มทุกลำ และมีการต่อสัญญากับลูกค้าในช่วง 2H ทำให้ได้เรทราคาใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก ส่วนกำไรในปีหน้าหากไม่นับเรือใหม่ที่จะซื้อเข้ามาเพิ่มในปีหน้าก็จะยังเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้จากเรือใหม่เดินเต็มทั้งปีในเรทราคาที่สูงขึ้นและเรือเข้าอู่น้อยลง Utilization rate เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ทั้งรายได้และมาร์จื้นเพิ่มขึ้น
เพิ่มกองเรือผลักดันกำไรทำ New high ทุกปี
เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2025-26F เนื่องจากบริษัทมีแผนขยายกองเรืออย่างต่อเนื่องดังนี้ 1) ซื้อเรือ Aframax 1 ลำมาทดแทนลำที่ไปดัดแปลงเป็น FSO เพื่อให้บริการกับ BCP กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบเรือและคุยกับ BCP ในการจัดตั้ง JV ร่วมลงทุนซื้อเรือด้วยกันแต่ให้ PRM บริหารจัดการเรือ คาดน่าจะใช้เวลาไม่นานแต่ไม่แน่ใจจะทันปีนี้หรือไม่, 2) ซื้อเรือ Crew Boat ลำใหม่อีก 2 ลำ มูลค่า 350 ลบ.เพื่อให้บริการกับลูกค้ากลุ่มเดิม โดยมี Target COD ในเดือนมี.ค. และก.ค. 2025, 3) บริษัทกำลังพิจารณาซื้อโครงการ Offshore โครงการหนึ่งซึ่งจะได้เรือ Crew Boat มาอีก 2 ลำให้บริการลูกค้ากลุ่มใหม่ มูลค่าราว 550 ลบ. ถ้าเจรจาสำเร็จก็จะสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที โดยคาดว่าน่าจะเกิดในเดือนพ.ย., 4) ซื้อเรือ FSU 1 ลำ กำลังคุยกับ Candidate ถ้าซื้อได้เร็วอาจจจะเห็นเริ่มดำเนินการได้ใน 4Q24, 5) สั่งต่อเรือ Small tanker ใหม่ขนาด 2500 DWT อีก 6 ลำโดยมีกำหนดการรับเรือปลายปี 2025 (จ่ายมัดจำ 20% ปีนี้และอีก 80% ในตอนรับเรือในปีหน้า), และ 6) ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือ (SAS) จะมีลงทุนทำ M&A Project Ocean ซึ่งจำนวนเงินลงทุนรวมถึงผลต่อกำไรอาจไม่มากแต่บริษัทมุ่งหวังอยากจะได้ประสบการณ์ ฐานลูกค้าและ AEO License เพื่อโอกาสในการขยายธุรกิจทำให้บริษัทสามารถให้บริการ Logistics ได้ครบวงจรมากขึ้น โดยคาดว่าดีลนี้จะจบวันที่ 1 ต.ค.และจะสามารถรับรู้รายได้ได้ทันที ทั้งนี้เงินลงทุนสำหรับแผนการลงทุนทั้งหมดจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ เนื่องจากบริษัทมี IBD/Equity ต่ำเพียง 0.38x เราคาดว่าบริษัทจะทำกำไรปกติ New high ในปีนี้ และการขยายกองเรือที่กล่าวทั้งหมดจะช่วยผลักดันกำไรของบริษัทให้เติบโตต่อทำ New high ใหม่ต่อในปี 2025-26F
คงคำแนะนำ “ซื้อ”โดยมีมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 10.70 บาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 2024-26F ขึ้น 25-38% เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 1H24 และจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ยังไม่รวมแผนการซื้อเรือเพิ่มที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมซึ่งอิงจาก PER 10 เท่า ปี 2024F (คิดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของหุ้น) เพิ่มขึ้นจาก 8.60 บาทเป็น 10.70 บาท จากราคาหุ้นที่ไม่แพงและแนวโน้มที่ยังสดใสทำให้เรายังคงแนะนำซื้อ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน