Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

569

 

"Oil Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1373/1380 จุด รับ 1354/1346 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งรองบ 2Q24 ของ NVIDIA วันนี้ โดยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจฝั่งความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conf Board) ส.ค. 24 สูง 103.3 จุด vs prev. 101 จุด บ่งชี้ภาคบริการยังประคองเศรษฐกิจสหรัฐ สอดคล้องมุมมอง Fed ส่วนภายในยอดส่งออก ก.ค.24 ที่ +15.2%y-y ดีกว่าคาดมาก ขณะที่ยอดนำเข้าที่เพิ่มสูง แม้ทำให้ขาดดุลการค้า แต่มาจากเงินบาทแข็งค่า หนุนการเร่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุน เป็นตัวแปรสะท้อนกิจกรรมภาคการผลิตกำลังเร่งขึ้น จะเป็นบวกในระยะถัดไป ผสานการกระตุ้นการบริโภคงวดแรก 1.45 แสนล้านบาท (0.7% ของ GDP, 5.2% ของมูลค่าค้าปลีกค้าส่งไทย) ภายในเดือน กย 2024 สำนักงบยืนยันดำเนินการทัน เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจปลายปี วันนี้จับตางาน Thailand Focus ที่มี บจ. เข้าร่วม 112 แห่งระหว่าง 28-30 ส.ค. น่าจะฟื้นความเชื่อมั่นการลงทุนได้ กลุ่มเด่น แนะนำ Domestic (ค้าปลีก ธนาคาร สื่อสาร) รับประโยชน์เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นรับเหมา (รัฐเร่งประมูล 13 โครงการใหญ่ปีนี้) และกลุ่ม Anti-Commodities วันนี้แนะนำ CPALL, WHA, TASCO

 

 


Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1373/1380 จุด รับ 1354/1346 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks: US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานปรับขึ้นเล้กน้อยแต่ยังติด แนวต้านสำคัญคือ จุดสูงสุดในเดือน ก.ค. ประเด็นหลัก ตลาดรอ PCE สหรัฐวันศุกร์ อิง Dow Jones +0.02%d-d S&P500 0.16%d-d, Nasdaq0.17%d-d โดยดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นกลุ่มที่ขึ้นเด่นคือ IT, Financials, Real estate ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีคือ Energy, Utilities ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ Paramount -7% รับข่าวการยกเลิกการเข้าซื้อกิจการ Tesla -1.9% รับข่าว รัฐบาลแคนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ฯลฯ

• ( */+) US Econ : 1.) รายงาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. อยู่ที่ 103.3 จุด สูงสุดในรอบ 6 เดือนดีกว่า คาด 100.0 สะท้อนกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง 2.) ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงสะท้อนแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายกดดันให้ Fed ต้องลดดอกเบี้ย โดยดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่จาก S&P/Case-Shiller เพิ่มขึ้น 6.5%yoy ในเดือน มิ.ย. ลดลงจาก 6.9% ในเดือน พ.ค. นับเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 6 เดือน, สอดคล้องกับรายงานดัชนีราคาบ้านทั้งสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือน มิ.ย.ลดลงจากเพิ่มขึ้น 5.9%yoy ในเดือน พ.ค. นับเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 11เดือน คาดเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยจดจำนองยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอกเบี้ยในอนาคตจึงทำให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ

• (*/+) China Econ : กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนเดือ นก.ค. (ชี้วัดสถานะทางการเงินของอุตสาหกรรมโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 4.1% ดีกว่าคาดและเร่ง 3.6% ในเดือนมิ.ย. ช่วง 7 เดือนแรกขอ+ 3.6% แตะระดับ 4.099 ล้านล้านหยวน โดยรวมสะท้อนภาพการฟ้นตัวเศรษฐกิจจีนยังมีบางสัญญาณขยายตัว โดยกำไรภาคอุตสาหกรรมที่ทยอยเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน อย่างไรก็ตามดัชนีตลาดหุ้นจีนไม่ได้ตอบสนองกับปัจจัยดังกล่าวเนื่องจากกิจกรรมเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของจีน อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิต, ดัชนีราคาบ้านที่รายงานออกมาก่อนหน้า ยังชะลอตัวสะท้อนกิจกรรมเศรษฐกิจภายในยังอ่อนแอทำให้นักลงทุนประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของกำไรดังกล่าวจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ทำให้มีความคาดหวังจะเห็นมาตรการกระตึ้นเศรษฐกิจเพิ่มมองหุ้นที่ทำธุรกิจอิงจีน ยังเน้นตั้งรับ มองบวกต่อ STA, SCGP

• (*/+) Fed Speaks Mary Daly ประธานFed สาขาซานฟรานซิสโก (Voter) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Bloomberg เชื่อว่าขณะนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

• (*) Global Tariff : สถานทูตจีนประจำประเทศแคนาดาแสดงความไม่พอใจและคัดค้านอย่างรุนแรง หลังจากที่รัฐบาลแคนาดาประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีนในอัตรา 100% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน โดยมีผลบังคับใช้ 1 ต.ค. KSS ประเมินจะเป็นปัจจัยบวกทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิต หรือ ย้ายการนำเข้ามาที่ชิ้นส่วนในไทย มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมไทย เน้น WHA และหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เน้น KCE

• (*) To monitor : 30 ส.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PCE ก.ค. คาด +0.2%m-m, +2.7%y-y ฝั่งจีน 20 ส.ค. PBOC ประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี คาดคงไว้ทั้งอายุ 1 ปี และ 5 ปี ที่ระดับ 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ ฝั่งญี่ปุ่น 30 ส.ค. ติดตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. คาด +3.9%m-m vs prev. -4.2%m-m

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ อายุ 2 ปีปรับลง 3 bps ที่ 3.89% และอายุ 10 ปี ทรงตัวปิด 3.82% ส่วน Dollar Index แกว่งตัวในแนอ่อนวโน้มอ่อนค่าลงมาบริเวณ 100.7 จุด

• (-) Oil : ราคาน้ำมันชะลอการขึ้น พลิกปรับลงแรง อิงน้ำมันดิบ Brent -2.31%d-d ปิดที่ US$ 79.55/barrel น้ำมันดิบ West Texas -2.44%d-d ปิดที่ US$ 75.53/barrel แรงกดดันจากตลาดคลายกังวล ลิเบียระงับผลิตน้ำมัน

• (+)Rubber Price ยาง TOCOM +1.84%d-d ปิดที่ 360.5JPY/kg ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 2 เดือน เพราะคาดการณ์อินเดียนำเข้ายางพาราเพิ่มขึ้น และฝนตกในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจิตวิทยาบวกต่อ STA, NER

 

 

What happened in Thailand ?

(*/+) SET : หลังปรับตัวขึ้น 7 วันทำการติด SET วันทำการล่าสุด พักตัว -0.5 จุด ปิดที่ 1364.31 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC) โรงไฟฟ้ายังเป็นกลุ่มนำตลาดต่อเนื่อง หนุนจาก Bond Yield ที่ทรงตัวต่ำ และเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในโซนแข็งค่า กลุ่มเกษตร - อาหาร (CPF, STA) หนุนยอดส่งออกไก่แช่แข็งและยาง ก.ค. 24 เร่งขึ้น กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (SCB, KTB) มองพักตัว หลังช่วงก่อนหน้าเร่งขึ้นต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังการเมืองมีความชัดเจน กลุ่มขนส่ง (AOT) พักตัว หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง w-w ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

(*/+) Flows: เม็ดเงินต่างชาติวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลออก ซื้อหุ้น +31.8 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -117 ล้านเหรียญฯ TFEX เป็นสถานะ Net Long ที่ 1,487 สัญญา ส่วนเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่า 33.9 +/- บาท

(+) TH Trade: กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออกตามระบบศุลกากรเดือน ก.ค. กลับมาขยายตัว ดีกว่าที่ตลาดคาด +15.2% y-o-y (มิ.ย.: -0.3%) สูงสุดในรอบ 28 เดือน การนำเข้าเร่งขึ้น 13.1% y-o-y (มิ.ย.: +0.3%) ดุลการค้ากลับมาขาดดุล -USD1.37bn (มิ.ย.: +USD218mn)

ฝั่งส่งออก สินค้าที่เด่น คือ สินค้าอุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ กับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เติบโต y-y สูงจากฐานต่ำ ส่วนสินค้าเกษตร นำโดย

- ยางขยายตัว 9 เดือนติด (+55.4%y-y, 7M24 +34.2%) เน้น STA

- ไก่แปรรูป ขยายตัว 5 เดือนติด (+13%y-y, 7M24 +4.5%) บวกต่อ GFPT, CPF

- อาหารทะเลกระป๋อง ขยายตัว 3 เดือนติด (+20.4%y-y, 7M24 +6.7%) บวกต่อ TU

- ข้าวขยายตัว 2 เดือน (+15.6%y-y, 7M24 +43.7%)

โดยข้าวและยางขยายตัวดี บวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อฐานราก คือ ค้าปลีก อาทิ CPALL, DOHOME

ฝั่งนำเข้า แม้นำโดยหมวดเชื้อเพลิง +22.9% (มิ.ย.-3.8%) รวมถึงหมวดสินค้าวัถตุดิบและสำเร็จรูป +17.8% (มิ.ย.: 6.3%) และหมวดสินค้าทุน +15.1% (มิ.ย.: -2.0%) โดย 2 ส่วนหลังมองบ่งชี้ภาพความมั่นใจต่อเศรษฐกิจภายในระยะถัดไปสูงขึ้น

(*/+) Digital Wallet: สำนักงบฯ ยืนยัน กลุ่มเปราะบาง รับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทันภายในก.ย.นี้ มองเม็ดเงิน 1.45 แสนล้านบาท (0.7% ของ GDP, 5.2% ของมูลค่าค้าปลีกค้าส่งไทย) จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดถึง Upside ต่อยอดขายกลุ่มค้าปลีกที่เกิดขึ้นได้จริง มองบวกต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูง อาทิ TNP, CPAXT และ CPALL

(*) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19-25 ส.ค. 24 อยู่ที่ 6.22 แสนคน ปรับตัวลดลง -8%w-w เป็นการลดลง 2 สัปดาห์ติด มองจิตวิทยาลบสั้นๆ ต่อกลุ่มท่องเที่ยว การบิน ทั้งนี้ หากมองภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติ YTD (25 ส.ค.) ที่ 23.1 ล้านคน ภายใต้ระดับนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 1.0 +/- แสนคน เราเชื่อว่ายังน่าจะอยู่ในโมเมนตัมดังกล่าวช่วงที่เหลือของปี โดยรวมยังมองนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F ไม่ต่ำกว่าตลาดมอง 36 +/- ล้านคน เชิงกลยุทธ์ หากหุ้นอ่อนตัวยังแนะนำทยอยสะสมเน้น AOT, BA, MINT

(*/+) Mega Projects: กระทรวงคมนาคม เตรียมชงรัฐบาลใหม่ อัดเม็ดเงินลงทุนกว่า 7.2 แสนล้านบาท เดินหน้า 13 โปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐาน โดยมั่นใจทยอยเปิดประมูลภายในปี 2024 ทั้งนี้ หากเป็นไปตามเป้าหมายคาดหนุนงบลงทุนรัฐฯจำนวนมากออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ GDP งวด 2H24 และปี 2025 ขณะที่จิตวิทยาบวกต่อหุ้นรับเหมา อาทิ CK, STEC, TASCO และหุ้นจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อาทิ DOHOME, GLOBAL, SCC

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอนุรักษ์นิยมตามขั้นตอนโครงการต่างๆในปัจจุบัน เรามองโครงการที่มีโอกาสเกิดขึ้นเร็ว คือ กลุ่มที่รอเสนอ ครม. อนุมัติ ราว 5.0 +/- แสนล้านบาท อาทิ

โครงการรถไฟรางคู่ จิระ – อุบล 3.6 หมื่นล้านบาท, ปากน้ำโพ – เด่นชัย 6.28 หมื่นล้านบาท และ หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ 6.5 พันล้านบาท รวม 1.04 แสนล้านบาท
โครงการรถไฟความเร็วสูง โคราช-หนองคาย วงเงิน 3.4 แสนล้านบาท
โครงการรถไฟชานเมือง อาทิ ตลิ่งชัน - ศาลายา 1.06 หมื่นล้านบาท, ตลิ่งชัน – ร.พ. ศิริราช 4.7 พันล้านบาท รังสิต - ม.ธรรมศาสตร์ 6.5 พันล้านบาท รวม 2.2 หมื่นล้านบาท
ทางด่วน ประเสริฐมนูญกิจ – วงแหวนรอบนอก 1.69 หมื่นล้านบาท
(*/+) Thailand Focus: งาน Thailand Focus ในปี 2024 จะจัดระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค. 24 ภายใต้สัญญาณเศรษฐกิจภายในฟื้นตัว + เศรษฐกิจภายนอกพอประคองได้ เราคาดว่ามีโอกาสที่ 112 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมงานจะให้ Outlook ทางบวก มองจิตวิทยาหนุน SET โดยรวม ทั้งนี้ อิงผลตอบแทนหลังงาน Thailand Focus แล้วเสร็จในช่วง 5ปีหลัง พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ย SET 1 และ 2 สัปดาห์ จะสูงราว 1.3% และ 0.86% โดยมีความน่าจะเป็นไปที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในแต่ละกรณีที่ 80% และ 60% ตามลำดับ โดยวันนี้ผู้บริหารหุ้นที่จะขึ้นให้ข้อมูลเวทีใหญ่ คือ WHA, GULF, BH, BCP และ BBIK

(*) SET200 Rebound Plays: ทีมกลยุทธ์คัดเลือกหาหุ้นที่ปรับฐานลงแรงกว่าตลาด YTD โดย SET Index -3.6% และมีความน่าสนใจทางพื้นฐานซึ่งระยะนี้มีประเด็นหนุนทางบวก คือ BTS (ผลตอบแทน -39.9%) JMT (-35.7%) CRC (-30.5%) SCGD (-29.0%) SCC (-27.5%) MOSHI (-27.1%) BGRIM (-22.6%) AEONTS (-19.1%)

(*) To Monitor: สัปดาห์นี้ 1.) 30 ส.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัด ก.ค. 24 2.) MSCI Rebalance รอบ ส.ค. มีผล 30 ส.ค. (ราคาปิด) MSCI Global Standard หุ้นเข้า : ไม่มี หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ) 3.) ทิศทางนโยบายของ ครม. ใหม่ที่คาดจะแถลงต่อสภาใน 15 วันหลังโปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม. ใหม่

 

Daily Strategy : CPALL, WHA, TASCO เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" มองแรงหนุนวันนี้จะมาจากภาพภายในที่สัญญาณเศรษฐกิจนับจาก 2H24 ฟื้นตัวเร่ง ทั้งยอดส่งออก ก.ค. 24 ที่ขยายตัว y-y สูงสุดในรอบ 28 เดือน ผสาน สำนักงบยืนยันกลุ่มเปราะบางรับเม็ดเงินดิจิทัลทัน ก.ย. นี้ ขณะที่ระยะกลาง-ยาวสนับสนุนเพิ่มเติมกระทรวงคมนาคมยืนยันเร่งประมูลโครงการ Mega Projects มองหุ้นนำ 1) หุ้น Domestic (ค้าปลีก ธนาคาร สื่อสาร) รับประโยชน์เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 2) หุ้นรับเหมา วัสดุก่อสร้าง (รัฐเร่งประมูล 13 โครงการใหญ่ปีนี้+เริ่มซ่อมแซ่มหลังน้ำท่วมคลี่คลาย และ 3) กลุ่ม Anti-Commodities (โรงไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง) รับน้ำมันพลิกลงแรง

 

หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Flood2024

สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือล่าสุด แม้ภาพหน้าข่าวน่ากังวล แต่หากพิจารณาระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศปัจจุบัน ณ 25 ส.ค. 24 อยู่ที่ 61% ของความจุทั้งหมด โดยระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำในเขื่อนปี 2005-23 และยังต่ำกว่า หากเทียบกับระดับปี 2022 (ปีที่ระดับน้ำสูงสุดในรอบ 5 ปีหลัง) นอกจากนี้ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2011 (25 ส.ค. 11) ที่เกิดวิกฤติมหาอุทกภัย ระดับน้ำสูง 73% ของความจุเขื่อน โดยมีภาคที่เริ่มเฝ้าระวัง คือ พื้นที่ภาคเหนือและตะวันตก อย่างไรก็ตาม หากมองภาพความเสี่ยงที่จะมีพายุ/ไต้ฝุ่นเข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ ความเสี่ยงหลักของเอเชีย คือ พายุไต้ฝุ่น Shanshan ปัจจุบันมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางเอเชียเหนือมากกว่า ขณะที่น้ำในส่วนที่สร้างผลกระทบไปแล้ว เขื่อนที่ยังอยู่ในโซนพื้นที่ภาคกลาง - ใต้ - ตะวันออก ยังน่าจะรองรับได้

ทำให้ประเมินความเสี่ยงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2024 จะรุนแรงเท่ามหาอุทกภัยยังจำกัด และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อห้างค้าปลีกน่าจะอยู่ในวงจำกัดเฉพาะภาคเหนือ (3-10% ของรายได้ โดยมี CRC และ GLOBAL สูง 17% และ 25% ซึ่ง CRC น่าจะอยู่ในส่วนเชียงใหม่ที่อยู่นอกพื้นที่น้ำท่วมเป็นหลัก)

กลยุทธ์ลงทุนภายใต้สถานการณ์น้ำท่วมบาง Zone ประเมินเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Home Improvement อาทิ HMPRO, GLOBAL, DOHOME เน้น DOHOME (TP-12.3) , และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ DCC ,TASCO, SCGD TOA เน้น TASCO(TP-17.6) หนุนจากการฟื้นฟู ซ่อมแซม, บ้าน สถานที่ถูกน้ำท่วม ส่วนหุ้นอิงการบริโภค อาทิ ค้าปลีกสินค้าจำเป็น เช่าซื้อ ธนาคาร และสื่อสาร ที่อ่อนตัวรับความกังวลดังกล่าว แนะนำมองเป็นจังหวะซื้อลงทุน KTB (TP-21), KBANK (TP-145), CPALL(TP-84) CPAXT(TP-40), MTC(TP-58), TRUE(TP-12), ADVICE(TP Con-6.55)

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด

จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศผลการ Rebalance ดัชนีรอบใหม่แล้ว คาดมีผลราคาปิด 6 ก.ย. 24 จะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละส่วนดังนี้

o FTSE All World (Large + Mid Cap)

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : BLA

***ส่วนการเปลี่ยนแปลงขนาดระหว่าง Large Cap และ Mid Cap ดังนี้

• หุ้นเข้า Large Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Large Cap สู่ Mid Cap : CRC, EA, MINT, PTTGC, OR

• หุ้นเข้า Mid Cap ใหม่ : ไม่มี

• หุ้นออก Mid Cap : BLA

***หุ้นที่ขยับลงระหว่าง Large -> Mid cap จะมีผลลบเล็กน้อยจากการ Rebalance เนื่องจาก Market cap ที่ลดลง แต่ผลลบจะน้อยกว่าการถูกถอดออกจากดัชนีหลัก FTSE All world มาก

o FTSE Small Cap :

หุ้นเข้า : BLA, CPNREIT

หุ้นออก : ITD, NER, ORI, TPIPL

o FTSE Micro Cap :

หุ้นเข้า : DITTO, FTREIT, FUTUREPF, ITD, ORI, RBF, SRPIME. SAPPE, SJWD, SYMC, CREDIT, WHART, WICE

หุ้นออก : ZEN, UAC, TRC, THREL, TWPC, TRU, STI, SCAP, SA, SABUY, S11, QHHR, PYLON, POLY, PJW, NCAP, MONO, MILL, MICRO, GEL, GJS, EP, DEMCO, CV, CIMBT, CCET, B-WORK, AS, AMATAV, AMANAH, AJ, 2S

กลยุทธ์ : ระยะสั้น ระมัดระวัง หุ้นใน FTSE All-World ซึ่งเป็น Benchmark หลัก คือ ตัวที่ถูกถอดออก คือ BLA และ Trading เก็งกำไรหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เป็นกอง REIT ซึ่งล่าสุดมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นภาพวงจรดอกเบี้ยใกล้เข้าสู่ขาลงเต็มตัว อาทิ CPNREIT(TP Con-11.7, Yield25F- 9.9%), FTREIT(TP Con11.8, Yield25F-7.5%), FUTURPF, SYMC(TP Con-12.6), WHART(TP Con10.8, Yield25F-7.8%)

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

• Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24

MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

 

• ICT (Bullish): We remain bullish on the sector as earnings and FCFs are still on the upcycle. 117% yoy and 20% qoq earnings growth for the sector in 2Q24 reaffirms our robust earnings growth estimate of 89% yoy in 2024 and by 10% yoy in 2025. Upcoming auction next year will become earnings accretive not dilutive due to low competition in bidding. TRUE remain our top pick with TP Bt12.

• WORK (Reduce, TP7.9) : เรามอง Negative ระยะสั้นผลประกอบการ 2H24F มีความเสี่ยงพลิกขาดทุนจากต้นทุนสูงขึ้นจากการนำละครใน Stock มาออกอากาศ และค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้นตามฤดูกาล อาจเป็น Sentiment ลบต่อหุ้น WORK ขณะที่ระยะกลาง-ยาว WORK อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงอุตฯ สื่อและพฤติกรรมผู้บริโภค คงคำแนะนำ Reduce ราคาเป้าหมาย (TP25F) 7.90 บาท

• AUTO (Berish): Car production fell 17% yoy to 125k units in July. Both domestic sales and exports reported a weak number this month. Moreover, NPL for 2Q24 also increased to 2.26%, another new high. There is a possibility that total car production may be even lower than our supper worst case scenario of 1.6m units. Maintain NEGATIVE rating for the sector. No top pick.

• AH (Neutral, TP17.5) : We have to downgrade our recommendation for AH back to NEUTRAL with the same TP of Bt17.50 given that AH's share price surged by 32% within just two weeks, while there is no significant improvement sign on Thailand car production outlook. 3Q24 total car production is expected to fall by around 10-15%, which likely to hurt total car production for 2024 could fall to below 1.6m units, lower than our assumption of 1.65m units.

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้