Market Wrap-Up
- SET วันที่ 26 ส.ค.67 ปิด +9.94 จุด อยู่ที่ 1,364.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,339 ลบ.ต่างชาติซื้อ 553 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 445 ลบ.สถาบันขาย 691 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 1,121 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น BEM,AWC,PTTEP,CPF,DELTA และมียอดขายสุทธิ EA,HMPRO,PTTGC,BCP,SIRI มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,789 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPL,BLA-R,ITD โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,480 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 151,582 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,245 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.16%, S&P500 -0.32%, Nasdaq -0.85% กลุ่มเทคโนโลยี -1.12%,สินค้าฟุ่มเฟือย -0.81% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.1%,สินค้าอุปโภค +0.72% ส่วนรายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.ค. +9.9% ดีกว่าคาดที่ +4.0% YoY ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.02% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1% ขณะที่กลุ่มอสังหา +1.2% และน้ำมัน & ก๊าซ +0.70%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P, Nasdaq ปรับลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนการรายงานกำไร Q2/67 ของ Nvidia ในวันพุธนี้ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางหุ้นที่เกี่ยวกับ Ai เช่น Microsoft, Alphabet, Meta Platform ขณะที่ความเห็นของ ปธ.เฟดที่หนุนการลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 1% ในปีนี้ โดยมีโอกาส 69.5% จะลด 0.25% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย., 4% จะลด 0.25% ใน พ.ย. และ 44.6% จะลด 0.50% ใน ธ.ค.สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตาม US GDP Q2/67 ครั้งที่ 2 คาด +2.8% QoQ และวันศุกร์ US PCE ก.ค. คาด 2.5% & มิ.ย. 2.5% YoY, US Core PCE ก.ค. คาด 2.7% & มิ.ย. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับทรงตัว ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา, พลังงาน ขณะที่กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น ASML, ASM ปรับลดลง รอรายงานกำไรของ Nviidia ในวันพุธนี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม GDP เยอรมัน Q2/67 คาด -0.1% & Q1/67 +0.2% QoQ และวันศุกร์ รายงาน CPI ยูโรโซน เบื้องต้น ส.ค. คาด 2.2% & ก.ค. 2.6% YoY ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ ECB จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% หรือไม่ในการประชุม 12 ก.ย.
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -0.66% ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น รถยนต์ หลังค่าเงินเยนวานนี้แข็งค่าสุดที่ระดับ 143.44 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็ง +1.06% ได้ปัจจัยหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้นใน ก.ย. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์ติดตาม Tokyo Core CPI ส.ค. คาดทรงตัวที่ 2.2% YoY ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของ BOJ ในการประชุมวันที่ 20 ก.ย.
- ดัชนี SET วานนี้ +0.73% ปริมาณการซื้อขาย 4.73 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 553 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 445 ลบ. รายย่อยขาย 306 ลบ. และสถาบันขาย 691 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา ฯ +2.5% นำโดย AWC +9.4% คาดจะได้ประโยชน์จากโครงการ Entertainment Complex ส่วนกลุ่มขนส่ง +1.76% นำโดย BTS, BEM จากประเด็นข่าวที่รัฐบาลอาจพิจารณาขอเวรคืนสัมปทานรถไฟฟ้าเพื่อตั้งกองทุน IFF รองรับ ม.รถไฟฟ้า 20 บาท เช่นเดียวกับ กลุ่ม Domestic Play อื่น ๆ เช่น ธนาคาร, ไฟแนนท์ และค้าปลีกที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทย ก.ค. คาด +6.85% & มิ.ย. -0.3% YoY และวันศุกร์ MSCI จะรีบาลานท์ดัชนีด้วยการปรับหุ้น AWC,GPSC,EA,IVL ออกจาก Global Standard Index
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้านที่ 1,370 – 1,380 ประเมิน Upside ดัชนีเริ่มจำกัด หลังดัชนี +80 จุด รับข่าวการจัดตั้ง ครม.รวมถึง ม.กระตุ้นเศรษฐกิจใหม่มาระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นแนะนำขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน แนะนำทยอยซื้อ SCC,PTTGC,IVL,TOP ที่เป็นกลุ่ม Laggard และคาดกำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว/ ค้าปลีกวัดสุก่อสร้าง DOHOME,HMRPO ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านหลังภัยน้ำท่วม
- TFG*(ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.20 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 855 ลบ. +392%QoQ, +1,143%YoY ยหนุนจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นตามราคาเนื้อสัตว์ทั้งราคาไก่และราคาสุกร ขณะที่รายได้จากธุรกิจค้าปลีก (Thaifood Fresh Market) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 37% เติบโตตามการขนายสาขา สำหรับแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรดีต่อเนื่องจากธุรกิจไก่ตามปริมาณขายในตลาดส่งออก ธุรกิจสุกรเติบโตได้จากการขยายกำลังการผลิตในเวียดนาม ขณะที่ราคาเนื้อไก่/สุกรยังอยู่ในระดับที่ดี และต้นทุนวัตถุดิบในการเลี้ยงลดลง ด้านร้านค้าปลีกมีแผนขยายสาขาเพิ่มปี 67 ที่ 450 สาขา (สิ้น 2Q67 ที่ 364 แห่ง)หนุนรายได้รวมปีนี้ +15% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี67-68 ที่ 4 พันลบ.จากขาดทุนปี66 และ 2.85 พันลบ.+18%YoY
- AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.25 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 73 ลบ. +34%QoQ, +70%YoY บวกตามรายได้สินค้าขนมเครื่องดื่ม ทั้ง 1.การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการบริโภคในประเทศ ส่งผลบวกต่อ SSSG และ per bill และ 2.จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ด้านการดำเนินงานครึ่งปีหลัง คาดยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง หนุนด้วย 1.การออกเมนูใหม่ๆ / ขายผ่าน Modern trade 2.การขยายสาขา โดยคาดเปิด After You อีกราว 6-8 สาขาในไทย และเริ่มเปิดสาขาแรกในกัมพูชา 3.การเสริมแบรนด์/สินค้าใหม่ๆ เช่น “ลูกก๊อ” เน้นสินค้าจากผลไม้ไทย คาดจะเปิดเพิ่มใน 2H67 อีก 5 สาขา/“มิกก้า” ร้านกาแฟที่เน้นเฟรนไชน์เป็นหลัก ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 68 กำไรของ AU* จะอยู่ที่ 232 ลบ.(+30%YoY) และ 269 ลบ.(+16%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ต.ค. +$2.59 อยู่ที่ $77.42 / บาร์เรล, Brent ต.ค. +$2.41 อยู่ที่ $81.43/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากประเด็นข่าวเมืองเบนกาซีในลิเบียตะวันออกอาจระงับการผลิต & ส่งออกน้ำมัน หลังมีข้อขัดแย้งกับรัฐบาลกลาง โดยลิเบียมีกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 1.18 ล.บาร์เรล/วัน กอปรกับข่าวการโจมตีระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$8.90 อยู่ที่ $2,555.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย. กอปรกับเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงปัจจัยเสี่ยงสงครามในตะวันออกกลางสูงขึ้น
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +76.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +16.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +60.43 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.07 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.817 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -6 จุด อยู่ที่ 1,762
(-) BitCoin เช้านี้ -1.61%อยู่ที่ 63,082 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
28-30 ส.ค. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) จัด Thailand Focus 2024
30 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที5 สภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2/67
สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
27 ส.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี ( ส.ค.)
28 ส.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
29 ส.ค. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
30 ส.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ( ก.ค.)
31 ส.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ส.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, CPF, THCOM
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th