สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 23 สิงหาคม 2567 )-------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ BOCT ที่ ‘AAA(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT มีปัจจัยการพิจารณาอันดับเครดิตมาจากการสนับสนุนจากธนาคารแม่ ซึ่งคือ Bank of China (Hong Kong) Limited (BOCHK; ‘A’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/a) BOCHK เป็นกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในฮ่องกงและเป็นธนาคารลูกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ Bank of China Limited (BOC; 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ/bbb) ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารรัฐขนาดใหญ่ของประเทศจีน
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT ยังสะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่มีปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นเป็นปัจจัยหลักในการพิจาณาอันดับเครดิตเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของสถาบันการเงินอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารที่ 'AAA(tha)' สะท้อนถึงโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ โดยพิจารณาจากความสามารถและโอกาสในการให้การสนับสนุนที่สูงจากธนาคารแม่
มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่: ฟิทช์มองว่า BOCT มีสถานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ BOCHK โดยธนาคารมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนกลยุทธ์ของ BOCHK ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ BOCT ยังช่วยต่อยอดสนับสนุนธุรกิจของกลุ่ม โดยเฉพาะการช่วยสนับสนุนปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน อีกทั้งธนาคารยังมีการร่วมมือในด้านการดำเนินงานกับธนาคารแม่และบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง เช่นในด้านการแนะนำลูกค้าและการให้เงินกู้ร่วม (syndicate loans)
ฟิทช์คาดว่า BOCT จะยังคงมีกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับธนาคารแม่ในระยะปานกลาง แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังไม่ได้มองว่า BOCT เป็นธนาคารลูกหลักของกลุ่มธนาคารแม่ (core subsidiary) เนื่องจากธนาคารยังมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและประเทศไทยไม่ได้เป็นตลาดเป้าหมายหลักของกลุ่ม
มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีการผสานการดำเนินงานกับกลุ่ม: BOCHK มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BOCT ที่ 99.99% และมีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการผ่านการแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารและผู้บริหารระดับสูง BOCT ยังมีการผสานการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแม่ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมโยงและสอดคล้องกันในนโยบายด้านการดำเนินงาน ด้านสภาพคล่อง ด้านการบริหารความเสี่ยง และกระบวนการทำงาน นอกจากนี้ BOCHK ยังให้การสนับสนุนทั้งในด้านการดำเนินงานและด้านการเงิน เช่น การรวมศูนย์ธุรกรรมของบางหน่วยงานไปไว้ที่ธนาคารแม่ (centralised support function) และการให้วงเงินกู้จากธนาคารแม่และบริษัทในกลุ่ม ทั้งนี้ฟิทช์เชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของ BOCT จะส่งผลให้เกิดความเสียหายในด้านชื่อเสียง (reputation) อย่างมากต่อ BOCHK เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดังกล่าว รวมถึงการใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับธนาคารแม่
ความสามารถของธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุน: ความสามารถในการให้การสนับสนุนของ BOCHK แก่ธนาคารลูก สะท้อนได้จากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ 'A' ซึ่งมีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ 'a' เป็นปัจจัยหลักในการพิจาณาอันดับเครดิต โดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BOCHK พิจารณาจากความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของธนาคารเทียบกับธนาคารในฮ่องกงที่จัดอันดับโดยฟิทช์ ทั้งนี้ฟิทช์เชื่อว่าการให้การช่วยเหลือแก่ธนาคารลูกไม่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทรัพยากรณ์ทางการเงินของ BOCHK เนื่องจาก BOCT มีขนาดที่ค่อนข้างเล็ก โดยคิดเป็นเพียงไม่ถึง 1% ของสินทรัพย์รวมและส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของ BOCHK ณ สิ้นปี 2566
ผลประกอบการมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น: ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงขึ้นเป็น 2.0% (เทียบกับ 0.9% ในปี 2565) การปรับตัวดีขึ้นของผลประกอบการส่วนใหญ่เป็นผลจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดและกำไรจากการธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ฟิทช์คาดว่า BOCT จะยังคงมีผลประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารได้กลับมาให้เน้นการเติบโตของสินเชื่อ (หลังจากที่ยอดสินเชื่อหดตัวลง 14% ในปี 2566) และมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคของธนาคารแม่ แต่อย่างไรก็ตามธนาคารยังอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญฯ และอาจเป็นปัจจัยจำกัดโอกาสที่ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารจะปรับตัวขึ้นอย่างมาก
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับตัวด้อยลงของสมมุติฐานของฟิทช์ในด้านการสนับสนุนจากธนาคารแม่ อาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT ถูกปรับลดอันดับ ตัวอย่างเช่น การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ BOCHK ลงไปอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลของประเทศไทยที่ 'BBB+' อาจบ่งชี้ว่าความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่ BOCT นั้นมีการปรับตัวลดลง และจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของธนาคารลูก แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์จะพิจารณาความแข็งแกร่งโครงสร้างเครดิตของ BOCT เปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้อันดับเครดิตของ BOCT อาจถูกปรับลดอันดับได้ หากฟิทช์มองว่ามีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของโอกาสที่ BOCHK จะให้การช่วยเหลือสนับสนุนแก่ BOCT ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการที่ BOCHK ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BOCT ลงต่ำกว่า 75% (และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (minority shareholder) ในระดับที่มีนัยสำคัญ) พร้อมทั้งมีการปรับตัวลดลงในด้านอำนาจควบคุมการบริหารจัดการ ด้านความเชื่อมโยงในการดำเนินงานระหว่างกัน และการสนับสนุนทางการเงิน แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่ BOCT ในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของ BOCT เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม
แหล่งที่มาของข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นไปตามรายละเอียดที่อธิบายไว้ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ BOCT มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลของ BOCHK
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
BOCT:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’