"Domestic Plays"
KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Up" ต้าน 1350/1360 จุด รับ 1332/1327 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐพักตัวก่อนงาน Jackson Hole ดัชนี S&P500 -0.89% ลดความเสี่ยงหุ้นเทคฯ ที่ Outperform สลับมาหุ้น Value (ธนาคาร พลังงาน ค้าปลีก) ขณะที่เศรษฐกิจรวมยังบ่งชี้ภาพ Soft Landing ที่ตลาดคาดหวัง Flash PMI ผลิต ส.ค. 24 แม้หดตัวที่ 48 จุด และต่ำตลาดคาด แต่ภาคบริการยังเร่งขึ้น สู่ 55.2 จุด ผสาน ภายใน ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ขาดหายไป น่าจะมีความคาดหวังเชิงบวกมากขึ้น จากการให้วิสัยทัศน์คุณทักษิณ ฉายแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบด้าน ในระยะสั้น กลาง และยาว โดยแนวทางนโยบายหลัก ที่น่าจะเร่งขับเคลื่อน คือ Digital Wallet(ปรับรูปแบบบางส่วน), การแก้หนี้ครัวเรือน Entertainment Complex, Data Center จะเป็นตัวแปรหนุนเศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัวเร่งขึ้น หนุน SET ฟื้นตัวต่อ หุ้นนำ คือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากทิศทางนโยบายหลัก อาทิ ค้าปลีก เช่าซื้อ ธนาคาร ท่องเที่ยว/บริการ และกระแส Data Center อาทิ GULF, TRUE วันนี้แนะนำ AOT, BBL, CPAXT
Daily outlook: "Up" ต้าน 1350/1360 จุด รับ 1332/1327 จุด
What happened around the world ?
(*/+) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐชะลอการขึ้น อิง Dow Jones -0.43%d-d , S&P500 -0.89%d-d, Nasdaq -1.63%d-d โดยดัชนี S&P 500 กลุ่มที่ปรับขึ้นเด่น Real estate, Financials, Energy กลุ่มที่ Underperform หลักๆคือ IT, Consumer Discretionary, ICT ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นหลักๆคือ หุ้นกลุ่ม Zoom ผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ +13% รับกำไรและรายได้ 2Q24 ดีกว่าคาด ฯลฯ หุ้นที่ปรับลงหลักคือ หุ้น 7 นางฟ้า Microsoft -2%, Tesla -5.6% ฯลฯ กลุ่มชิป AMD -3.87%, NVDIA -3.66% มองเป็นจิตวิยาลบต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
• (*/+) US Econ 1.)จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ +4 พันรายสู่ระดับ 2.32 แสนราย inline ที่ Consensus คาดสะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง) 2.) PMI ภาคผลิต โดย S&P เบื้องต้น ส.ค. อยู่ที่ 48.0 จุดต่ำคาด 49.6 จุด (ภาคผลิตคิดราว 11%-ของ GDP ) สวนทางกับ PMI ภาคบริการ ในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 55.2 จุด ดีกว่าคลาดคาด 55.0 จุด (ภาคบริการราว 70%ของ GDP ) ยังมองภาคบริการเป็นตัวช่วยประคองเศรษฐกิจสหรัฐช่วงที่เหลือของปี 2024
• (*/+) China Econ : สำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน (NEA) เผยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของจีน เพิ่มขึ้นแกร่งในเดือนก.ค. โดย +เพิ่มขึ้น 5.7%y-y แตะระดับ 9.396 แสนล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง การใช้ไฟฟ้าของอุตสาหกรรมตติยภูมิ +7.8%y-y ด้านการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 5.9%y-y KSS มองบวกสะท้อนกิจกรรมเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้น ผสานกับมีการกระตุ้นจากทางการจีนธนาคารกลางจีน(PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 3.593 แสนล้านหยวน (5.044 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวาน ผ่านข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 1.7% โดยรวมมองหุ้นที่ทำธุรกิจอิงจีน ยังเน้นตั้งรับ มองบวกต่อ STA, SCGP
(*) To monitor : ติดตามงานสัมมนาประจำปี Jackson Hole Symposium ปีนี้ (วันศุกร์ที่ 23 ส.ค. นี้ เวลา 21.00 น. ตามเวลาไทย) MUFG ให้น้ำหนักกับการให้ความเห็นของคุณ Jerome Powell ประธาน Fed มองว่าจะให้ความเห็นเพื่อโน้มน้าวว่า Fed มิได้ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าเกินไป (Behind the Curve) และให้ความสำคัญกับการเติบโตเศรษฐกิจและการควบคุมเสถียรภาพของราคาของ Fed โดยจะยังไม่มีการให้คำมั่นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย เดือน ก.ย. KSS มองเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย การเริ่มต้นของวงจรดอกเบี้ยขาลงจะเริ่มในการประชุม ก.ย. นี้เช่นกัน เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลก บวกต่อโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มหนี้สูง CPAXT,CPALL, TRUE, ADVANC กลุ่ม Tech Consult BBIK BE8 ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนเน้น HANA, DELTA สำหรับกองทุนแนะนำ กองทุน KF-CSINCOM
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแนวโน้มปรับขึ้น อายุ 2 ปีปรับขึ้น +5 bps ที่ 3.997% และอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +4 bps ปิด 3.84% โดยรวมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร (BBL, SCB, KBANK, KTB, TTB) และประกันชีวิต (BLA, TLI) ระยะสั้น ส่วน Dollar Index แข็งค่าขึ้นบริเวณ 103.0 จุด
(+)Oil : ราคาน้ำมันฟื้นตัว อิงน้ำมันดิบ Brent +1.54%d-d ปิดที่ US$ 77.22/barrel น้ำมันดิบ West Texas +1.50%d-d ปิดที่ US$ 73.01/barrel แรงหนุนจากก่อนถ้าถูกขายต่อเนื่อง และไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่ มองเป็น Technical rebound ระยะสั้น โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย และหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP
(-) World Container Index : WCI พลิกปรับลง 5 สัปดาห์ติด สัปดาห์ล่าสุด -2%w-w) อยู่ที่ 5,319เหรียญต่อ 40 ft และปรับลงต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ แรงกดดันหลักๆมาจากความตึงเคร่ยดในะตวันออกลางล่าสุดลดลง ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้) ยังแนะนำเพียง ชะลอการลงทุน
What happened in Thailand ?
(*/+) SET : SET วันทำการล่าสุด ปรับตัวขึ้น +3.2 จุด ก่อนปิดที่ 1341.03 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CRC, BJC) หนุนหลักจากกระแสความชัดเจนนโยบาย Digital Wallet ที่จะปรับใหม่ให้อัดฉีดเศรษฐกิจไวขึ้น กลุ่มพลังงาน (OR, GULF) GULF เรามองจิตวิทยาบวกเก็งโอกาสอดีตนายกฯ จะกล่าวถึงนโยบายที่เป็นบวกต่อ GULF ในงาน Vision for Thailand กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA) มองถูกขายเปลี่ยนกลุ่มไปลงทุนหุ้นกลุ่มที่ยัง Underperform กลุ่มอสังหา (AWC) มองถูกขายทำกำไร หลังถูกเก็งกำไรขึ้นมาจากกระแสอดีตนายกให้ความเห็นการนำธุรกิจใต้ดินคาดในส่วน Entertainment Complex
(*/-) Flows: เม็ดเงินต่างชาติวันทำการล่าสุดเป็นภาพสลับไหลออก หลังไหลเข้ามาต่อเนื่องเกือบทั้งสัปดาห์ ขายพันธบัตร-44.9 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -24.7 ล้านเหรียญฯ TFEX มีสถานะ Net Short -3,533 สัญญา เงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าสู่ 34.5+/- บาท
(+) Vision for Thailand: ประเด็นหลักๆ จากงาน Vision for Thailand (ความเห็นอดีตนายกคุณทักษิณ ชินวัตร) หลักๆ เน้นที่ 6 เรื่อง คือ
1. ลดหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP
a. ลดหนี้สิน
o ให้ BOT ลดค่าธรรมเนียม FIDF ที่เก็บจากธนาคาร และให้ธนาคารพาณิชย์นำสภาพคล่องไปแก้ปัญหา
o ธนาคารหรือ บ. บริหารหนี้บริหารจัดการหนี้ให้ลูกหนี้
b. เร่งขยาย GDP
i. เศรษฐกิจใต้ดินปัจจุบันคิดเป็น 50% ของเศรษฐกิจบนดิน หลักๆ คือ ยาเสพติด และพนันออนไลน์
o การพนัน - ปราบปรามเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ใช้เทคโนโลยีระบุตัวตน ส่วนที่เหลือดึงเข้าสู่ระบบเก็บภาษีรายได้ยาเสพติด
o ยาเสพติด – เร่งบำบัดเปลี่ยนกลายเป็นแรงงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ii. เศรษฐกิจบนดิน
*Digital Wallet มองประโยชน์หลายด้านของนโยบาย แต่ด้วยข้อจำกัด คาดแจกเป็นเงินสดก่อน ก.ย. 24
*สร้างอุตสาหกรรม S Curve ใหม่
o อุตสาหกรรมอวกาศ ผลิตดาวเทียมวงโคจรต่ำ ทำสถานีส่งดาวเทียมสู่อวกาศ
o AI มีประโยชน์หลายด้าน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
o Data Center (ยกข้อจำกัดพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าใช้เองสร้างเองได้)
o Soft Power มองมวยสร้างเป็นลีคอาชีพเหมือนฟุตบอล, E-Sport เร่งสร้าง Demand ให้อุตสาหกรรมเติบโต, อาหาร ผลักดันธนาคารปล่อยกู้คนไทยในต่างประเทศ ส่งเสริมเป็นวงกว้าง, ศิลปะ ขาย/เก็บสร้างมูลค่าผ่าน NFT ทั่วโลก, แฟชั่น เน้นใช้ทรัพยากรที่เรามี ความสวยของผู้หญิงไทย ต่อยอดคล้ายบราซิล
o Financial Hub ดึงสถาบันการเงินต่างประเทศเข้าไทย เน้นให้ทำธุรกรรมเฉพาะต่างประเทศ
o ส่งเสริมไทยเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวาของโลก
o ดึงบุคลากรต่างประเทศ ที่อยู่อาศัยเช่า 99 ปีจูงใจ (ครบ 99 ปีคืนรัฐฯ) ที่ดินอาจจะแพงขึ้น แต่เงินที่ได้เอาไปสนับสนุนที่ดินให้กับคนไทยอยู่อาศัย
*ยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่ดีให้เด่นขึ้น คือ ท่องเที่ยว
o Entertainment Complex (กทม. 2 แห่ง ลงทุนแห่งละ 1.0 แสนล้านบาท, ต่างจังหวัดที่ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ต้องสร้างจุดดึงดูด Entertainment Complex ที่ละ 5.0 หมื่นล้านบาท เน้นลงทุนสูงมี Impact มากพอ, ปรับปรุงห้องน้ำ+แหล่งท่องเที่ยวให้เหมือนสากล, แก้กฎหมายเอื้อ Private Jet ดึงเม็ดเงินเศรษฐี)
o โครงสร้างพื้นฐานรองรับการเดินทางต้องเร็ว มองกรณี Runway ที่ 3 สุวรรณภูมิช้าไป
*พัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มล้าหลัง
o ยานยนต์ Ecosystem ซัพพลาย เชนรถยนต์ที่มีอยู่แล้ว พยุงไม่ให้พัง เพราะสร้างใหม่ยากกว่า พยายามดึงยานยนต์อนาคต EV มาใช้ให้ได้
o เกษตร ต้องใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้าที่มีโอกาสขายได้แพง สุดท้ายนำมาสู่ค่าแรงในประเทศเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียน + ใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต
o SME ที่เน้นกลยุทธ์ Volume สินค้าไม่มีความแตกต่าง ต้องพัฒนา ส่วนกลุ่มที่ไปไม่ไหว หามาตรการปกป้อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งปรับตัวในระยะสั้น
2. มาตรการฝั่งตลาดทุน
a. ปัญหาความเชื่อมั่นและธรรมาภิบาลสำคัญ ต้องมีกลไกกำกับ ส่วนกรณีปัญหาต้องมีแนวทางแก้ไขรวดเร็ว
b. กองทุนวายุภักษ์ มองแนวคิดคล้ายกับ Treasury Stock ในช่วงที่ตลาดขาดความเชื่อมั่น
c. สนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวไปในเวทีโลก เพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ
d. ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
3. กระแสของโลกต้องปรับตัว
• Green Energy บริหารประสิทธิภาพจากเทคโนโลยีใหม่ๆ (เก็บค่าความร้อนในแม่เหล็ก)
• Trade War ต้องบริหารความเสี่ยงในประเทศที่เราเกินดุลการค้า วาง Supply Chain ว่าไทยอยู่ตรงไหน ปรับปรุงสินค้าเกษตรไทยให้มีความโดดเด่น, แตกต่างในระดับโลก ส่วนประเทศที่เรามีข้อเสียเปรียบ ต้องบริหารตามแนวทางโลกปัจจุบัน Protectionism (เน้นสินค้าจีน)
4. ปรับปรุงความล้าหลังระบบราชการ ใช้เทคโนโลยีทดแทน ลดบุคลากรระยะกลาง-ยาว เพิ่มประสิทธิการใช้งบประมาณ
5. โครงสร้างพื้นฐาน
a. รถไฟฟ้าปัจจุบัน 20 บาทตลอดสาย เวนคืนเอกชน (ใช้เม็ดเงินจากการตั้ง Infrastructure Fund) ส่วนรายได้กองทุน มาพร้อมกับผลักดันเปลี่ยนแปลงนิสัยประชาชนเก็บค่าธรรมเนียม Congestion Fee ส่วนเอกชนที่รับสัมปทาน ก็จ้างมาเดินรถ ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาท้องถนน เอาเวลาไปสร้างโอกาสอื่นๆ
b. Land bridge ภาพรวมได้รับความสนใจสูงจากต่างชาติ แต่มีแนวคิดปรับจากพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง มาทำฝั่งอันดามันก่อน ดึงสินค้ายุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง ไปจีนผ่านรถไฟความเร็วสูง เร่งทำเพิ่มเติมเชื่อมต่อ สายที่อยู่ในแผน
c. ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยแก้ไขปัญหาถาวร ชายทะเลที่มีปัญหากัดเสาะ บางขุนเทียน ปากน้ำ มองถมทะเลทั้งการแก้ปัญหา + สร้างโอกาส
6. ทรัพยากร - พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล นำทรัพยากรขึ้นมาใช้ ช่วยลดต้นทุนพลังงาน ค่าไฟฟ้า ลดภาระประชาชน
7. ปฏิรูปภาษี อาทิ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคล รวมถึงแนวคิดใช้ Negative Income Tax, ระบบ VAT เพื่อชดเชย
กลยุทธ์ KSS เชื่อว่า SET มีโอกาสตอบรับทางบวกต่อวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ ในงาน Vision for Thailand จากมุมมองเชิงบวกที่หาก ครม. นำปรับใช้ เชื่อว่าจะหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นกว่าปัจจุบัน (vs มุมมองตลาดปัจจุบันที่มองไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง รวมถึงขาด S Curve ใหม่ๆ ของเศรษฐกิจ) อย่างไรก็ตาม เราให้น้ำหนักเรื่องที่พร้อมขับเคลื่อนระยะสั้น - กลาง (ตามสมัยรัฐบาลปัจจุบันที่เหลือราว 3 ปี) ที่จะเกิดขึ้นได้จริง นอกจากมาตรการตลาดทุนที่มีพัฒนาการต่อเนื่อง ในฝั่งภาคเศรษฐกิจจริง หลักๆ เน้นไปที่ 3 กลุ่มคือ
- ภาคบริโภคครัวเรือน : มองแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน และ Digital Wallet ที่จะอัดฉีดสภาพคล่องคืนสู่ระบบ เรามองสามารถทำได้เร็ว ผสาน แนวทางช่วยเหลือ SME ในส่วนศักยภาพการแข่งขัน (แนวทาง Protectionism กีดกันสินค้าจีน เรามองทำได้เร็ว) หนุนหุ้นกลุ่ม Domestic ค้าปลีก, เช่าซื้อ, ธนาคาร เน้น CPALL, CPAXT, MTC, KTB, KBANK, BBL
- ภาคบริการ ท่องเที่ยว Entertainment Complex เรามองน่าจะเห็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมกว่าทันสมัยรัฐบาล และมีโอกาสเห็นการทำสัญญาเอกชนที่สนใจได้ทัน จิตวิทยาบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว AOT, BA, ERW และหุ้นที่มีกระแสข่าวสนใจในธุรกิจดังกล่าว BTS, VGI, AWC ส่วน Soft Power ที่เรามองเป็นไปได้เร็ว คือ แฟชั่นที่ได้ทรัพยากรความสวยงามของผู้หญิงไทย บวกต่อ Media Contents
- อุตสาหกรรม S Curve ใหม่ เรามอง Data Center รวมถึง EV ที่เริ่มไปแล้วน่าจะต่อยอดได้เร็ว และการออก/คลายข้อกฎหมายในส่วนไฟฟ้าที่ใช้สนับสนุน มีโอกาสทำให้เม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นดังเช่นมาเลเซีย อินโดนีเซีย เน้นหุ้นได้ประโยชน์ธีม Data Center คือ WHA, GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE
(*/+) New Cabinet: เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่ง 35 รายชื่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจคุณสมบัติแล้ว ส่วนใหญ่ในฝั่งกระทรวงเศรษฐกิจยังเป็นรัฐมนตรีท่านเดิม คือ รมว. คลัง : คุณพิชัย ชุณหวชิร รมว. คมนาคม : คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. ดิจิตอล : คุณประเสริฐ จันทรรวงทอง ยกเว้น รมว. พาณิชย์ที่เปลี่ยนเป็น คุณนภินทร ศรีสรรพางค์ (เดิมคุณภูมิธรรม) นอกจากนี้ ยังปรากฏชื่อ รมว. ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เรามองบวกต่อ 1.) การขับเคลื่อนนโยบายที่จะมีความต่อเนื่อง อาทิ กองทุนวายุภักษ์, การผลักดันโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และ 2.) เสียงของรัฐบาลมีแนวโน้มมากขึ้นกว่าเดิม หนุนเสถียรภาพ
(*) To Monitor: สัปดาห์หน้า 1.) ติดตามผล FTSE Rebalance ประกาศช่วงคืน 23 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้าเสาร์ที่ 24 ส.ค.) คาดหุ้นที่มีโอกาสสูงที่จะถูกปรับออกจากดัชนี คือ ORI EGATIF TPIPL ITD ส่วนความเสี่ยงระดับกลาง คือ LPN 2.) 26 ส.ค. ยอดนำเข้า - ส่งออก ไทย ตลาดคาด 1.2% และ 8% vs prev. 0.3%y-y และ -0.3%y-y ตามลำดับ 3.) 30 ส.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัด ก.ค. 24 4.) ทิศทางนโยบายของ ครม. ใหม่ที่คาดจะแถลงต่อสภาใน 15 วันหลังโปรดเกล้าแต่งตั้ง ครม. ใหม่
Daily Strategy : AOT, BBL, CPAXT เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Up" แม้ฝั่งต่างประเทศเป็นการขายลดความเสี่ยงก่อนก่อนประชุม Jackson hole แต่หุ้น Value ที่ Laggrd ยังเคลื่อนไหวเด่นกว่ากลุ่ม Tech ที่ Outperform ส่วนแรงขับเคลื่อนหลัก เรามองภายในที่อดีตนายกแสดงวิสัยทัศน์ ทิศทางต่างประเทศความมั่นใจต่อภาพดอกเบี้ยขาลงสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้น คาดนำมาสู่ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ขาดหายไปนานน่าจะเพิ่มขึ้นชัดเจน จากให้วิสัยทัศน์คุณทักษิณ (บิดานายกฯ) ที่วาดภาพแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบด้านในทุกระยะ สั้น กลาง และยาว มองหุ้นนำกลุ่ม Domestic ที่เกาะ 3-4 นโยบายหลัก อาทิ Digital Wallet, การแก้หนี้ครัวเรือน, Data Center ที่คลายข้อจำกัดโรงไฟฟ้าที่สนับสนุน ช่วยให้การลงทุนเกิดขึ้นเร็ว+แรง, Entertainment Complex ที่เกิดขึ้นได้เร็ว อาทิ ค้าปลีก เช่าซื้อ ธนาคาร ท่องเที่ยว และหุ้นเด่นในธีม Data Center อาทิ GULF, TRUE
หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)
• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA
• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP
Tactical & Investment Idea
Research Highlight
• Strategy Update : Data Center
กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด
จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP
มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)
Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE
• Strategy Update : Earnings Plays
งบบริษัทจดทะเบียนไทย 2Q24 รายงาน 613 บริษัท กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 2.55 แสนล้านบาท +17.6%y-y, -4.6%q-q โดย Sector กำไรที่เพิ่ม y-y q-q หลักๆคือ เกษตร, เครื่องดื่ม, อสังหาฯ, พลังงาน, ค้าปลีก และกลุ่มเทคโนโลยี ฯลฯ Sector ที่กำไร หดตัว y-y และ q-q คือ ยานยนต์ รับเหมา สื่อ โดยรวมกำไร 1H24 ออกมา 5.23 แสนล้านบาทคิดราว 47% ของคาดการณ์กำไรที่ตลาดประเมินทั้งปี 90 บาทต่อหุ้น +/- (เท่ากับ 1.14 ล้านล้านบาท)
Outlook กำไรบริษัทจดทะเบียน 2H24 เราประเมินเร่งขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก แรงหนุนหลัก คือ KSS ประเมิน ภาพใหญ่ ตามเดิมคือ มองภาพทิศทางดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง เศรษฐกิจสหรัฐมองเป็นภาพ Soft landing และเศรษฐกิจจีนค่อยๆฟื้น หนุนราคาน้ำมันดิบดูไบ ยืนระดับสมมติฐานทั้งปี 2024 -2025 ที่ 82 เหรียญฯ และ 75 เหรียญ เศรษฐกิจไทยคาด GDP Growth ล่าสุดที่ 2.4%y-y (Krungsri Research) vs ฐานช่วง 1H24F คาด 1.8%y-y บ่งชี้ 2H24F ดีขึ้น มีแรงหนุนหลักมาจากฝั่งท่องเที่ยวที่สัญญาณชี้นำเป็นไปในทางบวก ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากเม็ดเงินลงทุนรัฐฯ และการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังการเมืองมีสัญญาณสุญญากาศทางการเมืองจะสั้นกว่าที่ตลาดกังวล จากความคาดหวังการได้นายกและครม. ชุดใหม่ โดยรวมทำให้คาดกำไรทั้งปีอยู่บริเวณ 90 -91 บาท/หุ้น ส่งผลให้ปัจจุบัน Current และ Forward Equity Risk Premium(ERP) ของ SET สูงราว 4.03% และ 4.42% ใกล้ระดับ AVG + 1 S.D. (4.07%) ที่เป็นจุดพร้อมฟื้นตัวในกรณีไม่มีวิกฤติ
เชิงกลยุทธ์ KSS ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด บนสมมติฐาน(Market EPS 2024 ที่ 90 บาท, ERP เท่าค่าเฉลี่ย 3.06%) ประเมินหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวนำตลาดในระยะถัดไป จะอยู่ในกลุ่มที่ทิศทางกำไร 3Q24 ดีเร่งขึ้น q-q ,y-y หลักๆคือ กลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน ที่เป็นช่วงฤดูกาลส่งออก เน้น CPF DELTA HANA กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่ม Domestic ที่ปรับฐานลึกและจะฟื้นตัวใน 2H24F เน้น AOT, CPALL, CPAXT กลุ่มที่ยังอยู่ใน Upcycle ADVANC, TRUE, WHA
• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ
กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย
KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ
กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร
• MSCI Rebalance: •MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24
MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)
MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM
• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย
การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21
อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%
ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA
• SHR (Buy, TP-2.2) : We maintain a positive outlook following the analyst meeting, with a BUY rating and Bt2.20 TP, on: (i) a favorable growth outlook for 2H24F, driven by improved bookings and RevPAR growth in-line with the company's target of 10-15% yoy, supported by the peak season and successful rebranding efforts; (ii) continued growth in 2025F, fueled by travel momentum, a revised pricing strategy, the reopening of renovated hotels, and lower interest rates; and (iii) the stock's current trading level at only 7x 2024F EV/EBITDA, below the sector average, limited downside.
• HANA (Neutral, TP-44) : We have a negative view after we attended HANA's analyst meeting yesterday. The company's expect only a flat or slightly improve qoq on its revenue for 3Q24, while there is a risk of GPM to be soften due to Thai Baht appreciation. Thus, this would make HANA's earnings in 3Q24 to be flat or fall qoq and fall significantly yoy. Our earnings forecast for 2024 has a downside risk, which could be flat or slightly decline yoy. Maintain NEUTRAL rating and Bt38.50 TP.
• AI Day : วานนี้เราได้จัดงาน "KSS – AI: The new S-curve" โดยได้รับเกียรติจากคุณ ปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Looloo Technology, คุณอติชาญ เชิงชวโน เจ้าของเพจ "Spin9" เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทและพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อีก 4 บริษัท ได้แก่ INSET, DELTA, ADVICE, และ SYNEX เข้ามาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มของธุรกิจ และโอกาสของเทคโนโลยี AI ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทต่อบริษัทและผู้บริโภคมากขึ้นในอนาคต
3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak
Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA
Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP