Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

517

 

 

"Selective Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1342/1355 จุด รับ 1332/1322 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น ดัชนี S&P500 +0.42% รายงาน Fed Minutes คณะกรรมการส่วนใหญ่หนุนการลดดอกเบี้ยในรอบประชุม ก.ย. 24 หลังเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง อยู่ในกรอบควบคุมได้ ขณะที่ความกังวลต่อภาคแรงงานสูงขึ้น ถ่วง US Bond Yield 10ปี แกว่งระดับต่ำสุดในรอบ 1ปีที่ 3.8% +/- เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ภายใน แม้วานนี้ กนง. คงดอกเบี้ย แต่ Real Yield ที่เป็นบวกยาวนาน 13 เดือน ผสาน ภาคเอกชนที่แผ่วลง ทีมกลยุทธ์ KSS ประเมินดอกเบี้ยนโยบายไทยปีนี้ มี Downside Risk อย่างน้อย 1ครั้ง(vs มุมมอง Krungsri Research ที่คาดว่าจะคง) ขณะที่นโยบาย ครม.ใหม่ ระยะสั้น Digital Wallet น่าจะปรับรูปแบบแจกไวขึ้น วันนี้ติดตาม "Vision for Thailand" น่าจะเห็นภาพยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกลาง-ยาวขับเคลื่อนผ่านภาคบริการ (Entertainment Complex), FDI (ดึงต่างชาติลงทุน S Curve ใหม่) หนุน SET ขึ้นต่อ ส่วนพรุ่งนี้ติดตามการประกาศ FTSE ชุดใหม่ คาด ORI EGATIF TPIPL ITD เสี่ยงหลุด กลุ่มเด่น คือ กลุ่มอิงดอกเบี้ยต่ำ(เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า ชิ้นส่วน Digital Tech) หุ้นอิงนโยบายรัฐฯ (ภาคบริการ ค้าปลีก ท่องเที่ยว และกลุ่มได้ประโยชน์ FDI วันนี้แนะนำ CPAXT, GULF, MTC

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1342/1355 จุด รับ 1332/1322 จุด

What happened around the world ?

(*/+) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาขึ้นอีกครั้งและใกล้ทดสอบจุดสูงสุดของปี 2024 ช่วงกลางเดือน ก.ค.2024 ปัจจัยหนุนหลักๆคือ Fed minutes ชี้ การปรับอิงลดดอกเบี้ยสหรัฐจะเกิดขึ้นในการประชุม เดือน ก.ย. 24 อิง Dow Jones 0.14%d-d, S&P500 0.42%d-d, Nasdaq +0.57%d-d โดยดัชนี S&P 500 ที่ Outperform คือกลุ่ม Consumer discretionary, Materials, Utilities, Consumer Staples ฯลฯ โดยหุ้นที่เคลื่อนโดดเด่น คือ Target +11% จากการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายในหลาย Broker , กลุ่มชิป Super micro computer +2.1%, AMD +0.9% มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนไทยวันนี้) หุ้น Tech อาทิ META +1.6% ฯลฯ

(+) Fed Minutes: กรรมการส่วนใหญ่หนุน Fed ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. หลังจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่ความเสี่ยงในตลาดแรงงานเริ่มสูงขึ้นจึงเหมาะสมที่เฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวเร็วเกินไป โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 64% Fed ลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ย. และให้น้ำหนัก 36% คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.5% ผลกระทบกับตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากนักลงทุนรอดูสัญญาณที่ชัดเจนจากการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมใหญ่ประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสันโฮล ในคืนวันศุกร์นี้

(-) US Econ: สหรัฐปรับลดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (เม.ย. 2023- มี.ค. 2024) จำนวน 818,800 ตำแหน่ง ลดลงเฉลี่ย 68,000 ตำแหน่งต่อเดือนนับเป็นการปรับลด (Revise) มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ส่งผลให้ตัวเลขการจ้างงานต่อเดือนอยู่ที่ 174,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่เคยรายงานไว้เฉลี่ยที่ 242,000 ตำแหน่ง KSS ประเมินการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเท่ากับว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในอดีตสูงกว่าความเป็นจริง หรือตลาดแรงงานสหรัฐไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่หลายฝ่ายรวมถึงคณะกรรมการเฟดเคยประเมินไว้ จึงเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่เฟดจะนำตัวเลขนี้ไปร่วมพิจารณาและมีโอกาสสูงที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม ก.ย.

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 22 ส.ค. ติดตาม PMI ภาคผลิตเบื้องต้น ส.ค. คาด 49.6 จุด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐระยะสั้นยังเป็นขาลง รับรายงาน Fed minutes หนถนกาีลดดอกเบี้ยรอบ ก.ย. อายุ 2 ปีปรับลง 2 วันติดเมื่อวาน -7 bps ที่ 3.92% และอายุ 10 ปี ปรับลง 4 วันติด -3 bps ปิด 3.79% มองเป็นจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มชิ้นส่วน DELTA, HANA ส่วน Dollar Index อ่อนค่าต่อลงมาบริเวณ 101.0 จุด มองเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าเงินในฝั่งเอเซียแข็งค่า มองบวกต่อ ทิศทาง Fund Flow

(-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -1.49%d-d ปิดที่ US$ 76.05/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.69%d-d ปิดที่ US$ 71.93/barrel แนวโน้มยังเป็นขาลง และทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือนหรือต่ำสุดของปีนี้ แรงกดดันจาก การปรับลดตัวเลขการจ้างงานสหรัฐลง ทำให้ตลาดกังวลประเทศหัวเรือใหญ่ สหรัฐเศรษฐกิจชะลอกระทบการบริโภคน้ำมัน โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP วันนี้ ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นกลุ่ม Anti commodity อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มเครื่องดื่ม และหุ้นสายการบินที่มีต้นทุนจากน้ำมัน อาทิ AAV, BA

(*/+) Rubber Price : ราคายาง TOCOM +2.45%d-d และ +7.7%mtd ปิดที่ 339.1JPY/kg แนวโน้มเป็นขาขึ้น และทำจุดสูงสุดตั้งแต่ 20 มิ.ย.2024 แรงหนุนจากฝั่ง Supply Shortage อาทิ หลักๆคือ หน้าฝนในไทยทำให้กระทบต่อการผลิต โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มยาง อาทิ STA, NER แนะนำเก็งกำไร

(+) Crypto : ราคาบิทคอย +3.26%d-d ปิดที่ 61246.11 USD กลับมาเป็นขาขึ้นระยะสั้น และยืนเหนือ 6 หมื่นเหรียญ แรงหนุนหลักมาจาก Dollar ที่อ่อนค่า และเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงCrypto โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ หุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยง Bitcoin อาทิ BTC, TTA, BROOK

 

What happened in Thailand ?

(*/+) SET : SET วันทำการล่าสุด ปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้าน 1332 จุด ก่อนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.71 จุด ปิดที่ 1337.83 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF) มองแรงหนุน GULF มาจากเงินบาทแข็งค่า ราคาก๊าซยุโรปดิ่งแรงเฉลี่ย -4.2% กลุ่มการแพทย์ (BDMS, THG, BH) ปรับขึ้นรับคาดการณ์งบผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นใน 3Q24 จาก High season ของธุรกิจ ผสาน จิตวิทยาบวกกรณีไทยพบผู้ป่วยแถลงพบผู้ป่วยฝีดาษลิงสายพันธ์ Clade 1b เป็นคนแรกในประเทศไทย กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, SVI) เป็นกลุ่มที่ Outperform ขณะที่เริ่มมีความเสี่ยงเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ทำให้เกิดแรงขาย Lock กำไร กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม (ITC, TU, CPF, GFPT) มองประเด็นเดียวกับกลุ่มชิ้นส่วนฯ

(+) Flows: เม็ดเงินต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลเข้า ซื้อพันธบัตร+107.7 ล้านเหรียญฯ ซื้อหุ้น +22.1 ล้านเหรียญฯ TFEX มีสถานะ Net Long +18,916สัญญา เงินบาทเคลื่อนไหวโซนแข็งค่า 34.25+/- บาท

(+) Data Center: ทีมกลยุทธ์ออกรายงานประเมินโอกาสทางบวกของไทยต่อโอกาสเติบโตไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เรามองจุดเด่นที่ตั้ง สาธารณูปโภค ความเสี่ยงต่ำต่อภัยพิบัติ เอื้อต่อการก้าวเป็นศูนย์กลาง Data Center ของอาเซียน จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทย หนุนเป็น Thematic Theme ลงทุนที่เรามองน่าสนใจระยะกลาง-ยาว ในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ 1.) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ตั้ง Data Center และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน Data Center 2.) กลุ่มที่เกี่ยวข้องอุปกรณ์ และเทคโนโลยีใน Data Center 3.) 3.) กลุ่มที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนการเติบโต Data Center โดยเรามอง Best Picks ธีมดังกล่าว ดังนี้ GULF, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

(*/+) Digital Wallet: ความคืบหน้าใหม่นโยบาย Digital Wallet ที่จะปรับเป็นการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางที่ลงทะเบียน Digital Wallet ไว้ก่อน ด้วยวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท (วงเงินส่วนเพิ่มงบปี 2567) โดยจะแจกผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ

เรามองบวกต่อกระแสข่าวดังกล่าว โดยการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไวกว่าเดิม คาดเป็น Upside ต่อหุ้นกลุ่ม Domestic ค้าปลีก ในกลุ่มร้านค้าขนาดเล็กที่ประชาชนใช้สิทธิ์บัตรได้ อาทิ TNP (TP-5.0) KK ส่วนกลุ่มค้าปลีกอื่นๆ อาทิ CPALL, CPAXT ที่จะได้ประโยชน์ตามมา รวมถึงกลุ่มสื่อสาร ADVANC, TRUEจากเม็ดเงินที่เหลือในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้น หนุน Upside ยอดขาย กลุ่มเช่าซื้อ MTC, AEONTS ตามหนี้ JMT จะได้ประโยชน์การนำเงินที่เหลือมากขึ้นไปคืนหนี้ ลดปัญหาคุณภาพสินทรัพย์และการตามเก็บหนี้ รวมถึง ธนาคาร KTB, KBANK ที่จะรับผลบวกอีกด้านจาก GDP ช่วงปลายปีที่เร่งกว่าคาดเดิม

(*/+) New Government Policy: วันนี้ช่วงเย็น (22 ส.ค.) ติดตามความเห็นต่อเศรษฐกิจไทยอดีตนายกรัฐมนตรี คุณทักษิณ ชินวัตร (ในฐานะผู้ใกล้ชิดนายกฯ แพรทองธาร และพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล) ในงาน Vision for Thailand เราเชื่อว่าน่าจะช่วยให้ห็นทิศทางนโยบาย ครม. ที่ตลาดยังรอความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น โดยคาดมีทิศทางสอดคล้องกับยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยระยะกลาง-ยาวขับเคลื่อนภาคบริการ (Entertainment Complex), FDI (เร่งจับคู่ FTA, ดึงต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรม S Curve ใหม่ อาทิ Data Center) และมาตรการตลาดทุนกองทุนวายุภักษ์

(*) BOT Meeting: ผลประชุม กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% และมติ 6 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ย : 1 เสียงให้ลดดอกเบี้ยเท่ารอบก่อน จากมุมมอง อัตราดอกเบี้ยฯ ปัจจุบันสอดคล้องการขยายตัวเศรษฐกิจ ทั้งนี้ จากถ้อยแถลง กนง. กนง.ไม่ได้ปิดประตูการลดดอกเบี้ย ประเมินจากที่ระบุว่า "...ทั้งนี้ เศรษฐกิจในแต่ละภาคส่วนยังฟื้นตัวแตกต่างกันโดยรายได้แรงงานในภาคการผลิตและผู้ประกอบอาชีพอิสระมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มอื่น ในระยะต่อไป ต้องติดตามความเสี่ยงด้านต่ำจากการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน" และระบุว่า "คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจและภาวะการเงินที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยจะพิจารณานโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า" ผสาน การคงอัตราดอกเบี้ยไทยทำให้ Thai real yields เป็นบวกติดต่อกัน 13 เดือน ทำให้ทีมกลยุทธ์ KSS ยังมองมีโอกาสเห็นการปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง ส่วนคาดการณ์ GDP กนง. ยังคงมุมมองตามเดิมปี 24-25 ที่ 2.6% และ 3.0% ตามลำดับ (ยังไม่รวม Digital Wallet)

ทั้งนี้ การคงดอกเบี้ยระยะสั้น เรามองหนุน 2 กลุ่ม 1.) กลุ่มธนาคาร เน้น KTB KBANK 2.) กลุ่มได้ประโยชน์เงินบาทที่คาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวแข็งค่าต่อ กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศ (PTT,GULF, GPSC, BA) กลุ่มนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศ (ADVANC, TRUE, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK) เน้น GULF, BA, TRUE, ADVICE, BE8

(*) MPOX: ไทยพบผูัติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรก เรามองเป็น sentiment บวกต่อราคาหุ้น รพ แต่คาดไม่น่าส่งผลบวกต่อ earning จากจำนวนผูัป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเหมือนการระบาด COVID ทั้งนี้ เรายังให้น้ำหนัก 3Q24F มีปัจจัยบวกฤดูกาลของการใช้บริการเพิ่มขึ้น ทำให้คาดรายได้และกำไรของ รพ จะกลับมาเติบโต yy และ qq เลือก BDMS เป็นหุ้นเด่น

(*) To Monitor: สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายใน 1.) วันนี้ (22 ส.ค.) ติดตามความเห็นอดีตนายกรัฐมนตรี คุณทักษิณ ชินวัตร งาน Vision for Thailand และ 3.) ติดตามผล FTSE Rebalance ประกาศช่วงคืน 23 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 24 ส.ค.) คาดหุ้นที่มีโอกาสสูงที่จะถูกปรับออกจากดัชนี คือ ORI EGATIF TPIPL ITD ส่วนความเสี่ยงระดับกลาง คือ LPN

 

Daily Strategy : CPAXT, GULF, MTC เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" ทิศทางต่างประเทศความมั่นใจต่อภาพดอกเบี้ยขาลงสหรัฐฯชัดเจนมากขึ้น หนุนจิตวิทยาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนภายในติดตามความชัดเจนนโยบายรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นำโดย Digital Wallet ส่วนปัจจัยขับเคลื่อนระยะกลาง-ยาว น่าจะเห็นภาพชัดขึ้นจากงาน Visions for Thailand แม้เป็นการนำเสนอโดยอดีตนายกฯ แต่ถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้ง ครม. ชุดใหม่ คาดประเด็นหลักๆสอดคล้องยุทธศาสตร์ระยะกลาง-ยาวพรรค อาทิ ภาคบริการ (Entertainment Complex) การดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติสร้างอุตสาหกรรม S Curve ใหม่ๆ มองหุ้นนำ 1.) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า ชิ้นส่วน Digital Tech) และ 2.) หุ้นอิงนโยบายรัฐฯ (ภาคบริการ ค้าปลีก ท่องเที่ยว และ กลุ่มได้ประโยชน์ FDI การต่อยอด S Curve ใหม่ๆ)

 

หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW, VGI, BA)กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (PTT, GULF, BGRIM, GPSC, BA, AAV, COM7, SYNEX, ADVICE, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK)กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด

จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

• Strategy Update : Earnings Plays

งบบริษัทจดทะเบียนไทย 2Q24 รายงาน 613 บริษัท กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 2.55 แสนล้านบาท +17.6%y-y, -4.6%q-q โดย Sector กำไรที่เพิ่ม y-y q-q หลักๆคือ เกษตร, เครื่องดื่ม, อสังหาฯ, พลังงาน, ค้าปลีก และกลุ่มเทคโนโลยี ฯลฯ Sector ที่กำไร หดตัว y-y และ q-q คือ ยานยนต์ รับเหมา สื่อ โดยรวมกำไร 1H24 ออกมา 5.23 แสนล้านบาทคิดราว 47% ของคาดการณ์กำไรที่ตลาดประเมินทั้งปี 90 บาทต่อหุ้น +/- (เท่ากับ 1.14 ล้านล้านบาท)

Outlook กำไรบริษัทจดทะเบียน 2H24 เราประเมินเร่งขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก แรงหนุนหลัก คือ KSS ประเมิน ภาพใหญ่ ตามเดิมคือ มองภาพทิศทางดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง เศรษฐกิจสหรัฐมองเป็นภาพ Soft landing และเศรษฐกิจจีนค่อยๆฟื้น หนุนราคาน้ำมันดิบดูไบ ยืนระดับสมมติฐานทั้งปี 2024 -2025 ที่ 82 เหรียญฯ และ 75 เหรียญ เศรษฐกิจไทยคาด GDP Growth ล่าสุดที่ 2.4%y-y (Krungsri Research) vs ฐานช่วง 1H24F คาด 1.8%y-y บ่งชี้ 2H24F ดีขึ้น มีแรงหนุนหลักมาจากฝั่งท่องเที่ยวที่สัญญาณชี้นำเป็นไปในทางบวก ขณะที่แรงขับเคลื่อนจากเม็ดเงินลงทุนรัฐฯ และการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังการเมืองมีสัญญาณสุญญากาศทางการเมืองจะสั้นกว่าที่ตลาดกังวล จากความคาดหวังการได้นายกและครม. ชุดใหม่ โดยรวมทำให้คาดกำไรทั้งปีอยู่บริเวณ 90 -91 บาท/หุ้น ส่งผลให้ปัจจุบัน Current และ Forward Equity Risk Premium(ERP) ของ SET สูงราว 4.03% และ 4.42% ใกล้ระดับ AVG + 1 S.D. (4.07%) ที่เป็นจุดพร้อมฟื้นตัวในกรณีไม่มีวิกฤติ

เชิงกลยุทธ์ KSS ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด บนสมมติฐาน(Market EPS 2024 ที่ 90 บาท, ERP เท่าค่าเฉลี่ย 3.06%) ประเมินหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวนำตลาดในระยะถัดไป จะอยู่ในกลุ่มที่ทิศทางกำไร 3Q24 ดีเร่งขึ้น q-q ,y-y หลักๆคือ กลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน ที่เป็นช่วงฤดูกาลส่งออก เน้น CPF DELTA HANA กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF กลุ่ม Domestic ที่ปรับฐานลึกและจะฟื้นตัวใน 2H24F เน้น AOT, CPALL, CPAXT กลุ่มที่ยังอยู่ใน Upcycle ADVANC, TRUE, WHA

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

• MSCI Rebalance: •MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24

MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC (-95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(-90 ล้านเหรียญฯ), EA(-35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( -90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย

การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21

อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%

ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA

 

 


• SIRI (Buy, TP2.2): มุมมอง Neutral ต่อข้อมูลใน analyst meeting จาก i) 2H24F outlook ทั้ง presale, transfer มีโอกาสโต y-y, h-h ทำให้คาดแนวโน้ม Norm. profit ยังรักษาระดับที่สูงและทรงตัว h-h ได้ ถึงแม้การแข่งขันใน 2H24F ที่สูงขึ้น ii) คงแผนธุรกิจปี 2024F ที่ยัง aggressive กว่ากลุ่มฯ โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่ ทำให้แนวโน้ม 2024F presale, transfer ที่ตั้งเป้าโต y-y เป็นไปได้ (สวนทางกลุ่มฯ) สะท้อนการเพิ่ม market share ยังทำได้ต่อเนื่อง iii) IBD/E ยังบริหารจัดการได้ และมีโอกาสลดลงมาที่ 1.55x-1.60x (จาก 1.6x ใน Jun-24) โดยสภาพคล่องเพียงพอต่อการชำระคืน bond ที่จะครบกำหนดในช่วงที่เหลือของปีราว 4.9 พันลบ. iv) มีโอกาสสูงที่ประมาณการ Norm. profit ปี 2024F ของเราคงที่ 4.7 พันลบ. มี upside 5-10% ตามแนวโน้มการโอนที่ดีกว่าคาด และทำให้ Norm. profit ปี 2024F มีแนวโน้มใกล้เคียงปีก่อน (ที่ 5.1 พันลบ.) เราคง BUY ที่ TP25F ที่ 2.20 บาท/หุ้น มอง story หลักจะอยู่ใน 4Q24F เพราะการเปิดโครงการใหม่ที่มาก และมีโครงการ highlight รอเปิด โดยรวม business direction ใน 2H24F ที่ยังถือว่า aggressive กว่าบริษัทอื่น ทำให้มีโอกาสแย่ง market share ได้ต่อเนื่อง

• SAFE (Buy, TP21): SAFE ดำเนินกลยุทธ์แบบเครือข่ายสำหรับให้บริการศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจร มีจุดเด่นเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีสำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตรที่ทันสมัยด้วยมาตรฐานสากล ปัจจุบันมีเครือข่าย 5 สาขา (กรุงเทพ 2 สาขา, ศรีราชา, ขอนแก่น และภูเก็ต) โดยการให้บริการประมาณ 99% เป็นด้วยวิธี ICSI นอกจากนี้ยังให้บริการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนฯ ทั้งประเภท PTG และ NIPT สำหรับลูกค้าภายใน และลูกค้าภายนอก เช่น คลีนิก IVF และ รพ.ใน/ต่างประเทศ โดยเดือน ก.ย.นี้ จะให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq ซึ่งจะช่วยคัดกรองจำนวนตัวอ่อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตในปี 2025F เราแนะนำ Buy สำหรับ SAFE ประเมินราคาเป้าหมาย (TP25F) 21 บาท ด้วยวิธี DCF WACC 9.5% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 25F ที่ 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ปี 25F ที่ 25.3 เท่าของกลุ่มการแพทย์ที่ศึกษา 5 บริษัท แต่สูงกว่า GFC (TP25F 12.20 บาท วิธี DCF WACC 8.1% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 25F ที่ 23 เท่า) เรามองว่าหุ้น SAFE มีความน่าสนใจ 1) ได้เปรียบในการแข่งขันจากเป็นผู้นำเทคโนโลยีสำหรับให้บริการเพื่อการมีบุตร เตรียมให้บริการเทคโนโลยีใหม่ PTG-A Seq เดือน ก.ย.นี้ 2) จับตลาดพรีเมี่ยมกำลังซื้อสูง ทำให้มีความอ่อนไหวต่อราคาไม่มาก 3) มีโอกาสเติบโตจากการขยายตลาดต่างชาติใหม่ๆ และ 4) ระยะยาวมีโอกาสเติบโตแบบ In-Organic

• SJWD (Buy, TP15.6): มอง Neutral จาก Analyst Meeting โดยบริษัทฯ ประเมินรายได้และกำไร 2H24F กลับเข้าสู่ Seasonality ของ logistics ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในกลุ่ม Coldchain ตาม Occupancy rate และส่วนแบ่งกำไรซึ่งคาดยังคงเติบโตดีต่อเนื่องจากธุรกิจที่เข้าไปร่วมลงทุน โดยเฉพาะ SWIFT ที่ยังมีแผนเติบโตเชิงรุก รวมถึง Siam JWD ซึ่งเป็น JV ที่จะเริ่มให้บริการ On-site services ข้างโรงงาน BYD ในเดือนก.ย. ช่วยหนุนธุรกิจหลักที่ได้รับผลกระทบไปมากจากปัจจัยมหภาคที่ไม่คาดคิด ในขณะที่ SG&A จะลดลงจาก 2Q24 แต่ยังไม่ต่ำเท่า 1Q24 จากค่าใช้จ่าย Professional fee ในการทำดีล M&A ซึ่งอาจมีเข้ามาในอนาคต โดยรวม guidance ที่ออกมา in-line กับประมาณการของเรา คงคำแนะนำ "Buy" และ TP25F ที่ 15.6 บาท อิง DCF

 

3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้