Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

556

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ขยับกรอบขึ้น
กลยุทธ์เลือก Laggard Play

Market Strategy
SET Index แกว่งขึ้นตามกรอบ 1315-1330 จุด ประเด็นต่างประเทศเป็นบวกบนความคาดหวัง FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯในการประชุม Jackson Hole ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ลดลง ปัจจัยในประเทศรายงาน GDP Growth 2Q67 และกำไรบริษัทฯที่ออกมาดีกว่าคาดทำให้ปิดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการ ด้านปัจจัยการเมืองอยู่ในช่วงตั้ง ครม. ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ กลยุทธ์เลือกหุ้น Laggard Play ที่กำไรเติบโต 2H67 BJC และ TASCO

รายงาน GDP2Q67 ของบ้านเราขยายตัว 2.3%YoY ดีกว่าตลาดคาดและ1Q67 ที่ขยายตัว 2.2%YoY และ 1.6%YoY โดยสภาพัฒน์คงค่ากลาง GDP67 ขยายตัว 2.5%YoY แต่ได้มีการปรับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 0.3%YoY จากเดิม 3.2%YoY และปรับการลงทุนภาครัฐฯ หดตัว -0.7%YoY จากรอบก่อนคาดหดตัว -1.8%YoY สัญญาณข้างต้นเป็นบวกต่อกลุ่ม CONMAT อย่าง SCCC TASCO ส่วน GDP ที่ออกมาดีกว่าคาดน่าจะทำให้การประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้ยังคงดอกเบี้ยฯ 2.5%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้นในช่วง 0.6%-1.4% จากความคาดหวังต่อการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯในการประชุม Jackson Hole ที่ประธาน FED จะมีการขึ้นแถลงในวันที่ 23 ส.ค. เรามองเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow ที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้น EM และบ้านเราต่อไป
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-ฮามาส มีแนวโน้มลดลงจาก Bloomberg รายงานว่าอิสราเอลตอบรับข้อตกลงหยุดยิง ขั้นตอนต่อไปหากฝั่งฮามาสเห็นด้วย จะทำให้สงครามทั้งสองฝ่ายยุติลง ความคืบหน้าข้างต้นกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 2.5% กดดันต่อราคากลุ่มพลังงานต้นน้ำแต่เรามองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในภาพรวม


Market Summary
SET ปรับขึ้น 20.4 จุด หนุนจากความชัดเจนจากประเด็นการเมืองและ GDP 2Q67 ดีกว่าตลาดคาด โดยกลุ่มที่หนุนตลาด นำโดย กลุ่มธนาคาร KBANK +3.8% SCB +3% กลุ่มไฟแนนซ์ MTC +5.3% ต่อความคาดหวังมาตรการกระตุ้น กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC +7.6% BGRIM +5% จากเงินบาทแข็งค่า ต่างชาติขายสุทธิ 1.05 หมื่นล้านบาทแต่หัก Big Lot SCCC 1.22 หมื่นล้านบาทพลิกซื้อสุทธิ 1.7 พันล้านบาท


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BJC TASCO


TASCO มีสัญญาณบวกใน 2H67
แนวโน้มผลประกอบการ 2H67 จะดีขึ้นจาก 1H67 อย่างมาก เนื่องจากตลาดในประเทศมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และ เริ่มใช้งบประมาณใหม่ปี 68 ในเดือน ต.ค. 67 ส่วนตลาดต่างประเทศจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
เราเห็นสัญญาณบวกจากสภาพัฒน์มีการปรับเป้าการลงทุนภาครัฐฯ ปี 67 หดตัว -0.7%YoY หดตัวลดลงจากเดิมคาด -1.8%YoY และ 1H67 หดตัว -16.7%YoY สะท้อนภาพเม็ดเงินที่เร่งเข้าสู่ระบบตั้งแต่ 3Q67 เป็นอย่างมาก
การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 1H67 เท่ากับ 247 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทรับเหมาก่อสร้างได้รับชำระเงินล่าช้า ผู้บริหารคาดรายการนี้จะบวกกลับมาเกือบทั้งหมดในปลายไตรมาสสามหรือไตรมาสสี่ หลังจากบริษัทรับเหมาได้รับชำระเงินจากหน่วยงานของรัฐบาล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.00 บาท

 


BJC ราคาหุ้น Laggard กลุ่มค้าปลีก
กำไรหลักงวด 2Q67 ซึ่งสูงกว่า ที่เราคาดการณ์และตลาดคาดการณ์ 23%/13% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด โดยฟื้นตัว 137 bps YoY สู่ระดับ 20.3% จากการที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ลดลง ไม่ว่าจะเป็นอลูมิเนียม ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และวัตถุดิบอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นของ Big C เพิ่มขึ้น 90bps YoY จากการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง ลดต้นทุนการขนส่ง และมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น
กำไรหลักในครึ่งปีแรกคิดเป็น 47% ของประมาณการทั้งปี 2567 ขณะที่คาดว่ากำไรจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังจากปัจจัยฤดูกาลและประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น โดยราคาซื้อขายบน PER67E 17.3เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังกว่า -2S.D. ยังแถมราคาหุ้นlaggard กลุ่มอยู่มากสะท้อนจาก YTD ติดลบ -17% เทียบกลุ่มค้าปลีก -9.6%YTD
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.00 บาท

 

KEY FACTOR
GDP 2Q67 ของไทย ขยายตัว +2.3% และ +0.8% QoQ 1) การบริโภคภายในประเทศที่แม้จะชะลอลง +4.0% จาก +6.9% ใน 1Q67 แต่ยังเป็นตัวแปรหลักช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 2)การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส +0.3% เทียบกับ 1Q67 ที่ -2.1% 3) การผลิตขยายตัว +0.2% 4) การลงทุนภาคเอกชน ถือว่าน่าผิดหวัง -6.8% 5) การท่องเที่ยว ฟื้นตัวกลับสู่ระดับประมาณ 94% เทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 ใน 2Q67 โดยยังคงประมาณการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีที่ 37 ล้านคน ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณการเติบโตที่ไม่พึ่งพาปัจจัยขับเคลื่อนเพียงด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียวดังเช่นในช่วงที่ผ่านมา
ในวันนี้ทิศทางตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาแรงต่อเนื่อง SET +2.6% ในช่วงสองวันที่ผ่านมา น่าจะชะลอความร้อนแรงลง โดยปัจจัยที่น่าจะให้น้ำหนักต่อเนื่องในสัปดาห์ นอกเหนือจากความชัดเจนของการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ยังประกอบไปด้วย 1) การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี ของจีน 2) ประชุม กนง. (คาดว่าจะคงดอกเบี้ย) และ 3) การประชุม Jackson Hole ซึ่งน่าจะมีการส่งสัญญาณนำไปสู่การลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย.


Eyes on
20 ส.ค. จีนประกาศดอกเบี้ย LPR อายุ 1 และ 5 ปี
21 ส.ค. ประชุม กนง.
22 ส.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, รายงานการประชุม FOMC, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของยุโรป, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรป, การประชุม Jackson Hole

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้