Market Wrap-Up
- SET วันที่ 15 ส.ค.67 ปิด -2.85 จุด อยู่ที่ 1,289.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,309 ลบ.สถาบันขาย 1,291 ลบ.ต่างชาติขาย 515 ลบ.รายย่อยซื้อ 1,120 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 860 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น CPF,COM7,IVL,BANPU,BCH และมียอดขายสุทธิ KBANK,BH,DELTA,BDMS,JMT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,194 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ AOT,CN01,KTC-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,008 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 29,058 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 8,832 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.39%, S&P500 +1.61%, Nasdaq +2.34% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +3.38%, เทคโนโลยี +2.54% หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีก ก.ค. ปรับขึ้นสูงกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.15% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +2.6% นำโดยหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เช่น ASLM, ASM รวมถึงกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, รถยนต์ก็ปรับสูงขึ้น
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. +1.0% & มิ.ย. -0.2% และสูงกว่าคาดที่ +0.3% MoM และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 7,000 อยู่ที่ 227,000 ต่ำกว่าคาดที่ 236,000 ราย บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐไม่มีสัญญาณถดถอย และ CME Fed Watch ชี้โอกาส 76.5% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ส.ค. คาด 66.7 & ก.ค. 66.4 และสัปดาห์หน้า 22 – 24 ส.ค.ติดตามการประชุมประจำปีเฟดที่แจ็คสัน โฮล ซึ่งคาด ปธ.เฟดจะสัญญาณลดดอกเบี้ยใน ก.ย.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลัง GDP ยูโรโซน Q2/67 +0.3% QoQ ตามคาดการณ์ และ Euro Stoxx VIX Index ปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 15.3 บ่งชี้ความผันผวนเริ่มเข้าสู่ระดับปกติ ขณะที่รายงาน GDP อังกฤษ Q2/67 +0.6% & Q1/67 +0.7% QoQ ส่งผลให้ BOE มีโอกาส 33% ลดลงจากเดิม 40% ที่จะลดดอกเบี้ยต่อใน ก.ย. ค่ำวันนี้ติดตามยอดค้าปลีกอังกฤษ ก.ค. คาด 0.6% & มิ.ย. -1.2% MoM
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.78% หลังรายงาน GDP ญี่ปุ่น Q2/67 +0.8% & Q1/67 -0.6% QoQ เป็นผลจากการบริโภคภาคเอกชนที่สูงขึ้น จาก ม.ปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.94% หลังรายงานยอดค้าปลีกจีน ก.ค. 2.7% & มิ.ย. 2.0% และดีกว่าคาดที่ 2.6% YoY บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภคจีนยังเติบโตได้ดี ขณะที่ตัวเลขผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 5.1% & มิ.ย. 5.3% YoY เป็นผลจาก ม.กีดกันการค้า
- ดัชนี SET วานนี้ปิด -0.22% ปริมาณการซื้อขาย 4.1 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,291 ลบ. ต่างชาติขาย 515 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,120 ลบ. และพอร์ตโบรกซื้อ 686 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มท่องเที่ยว -2.1% หลัง MINT รายงานกำไร Q2/67 ต่ำกว่าคาด กอปรกับกำไรงวด Q3/67 ยังอยู่ในช่วง Low Season ส่วนกลุ่ม รพ. -1.46% ถูกแรงขาย Sell on Fact หลังรายงานงบ Q2/67 กอปรหุ้น Cap. กลุ่ม รพ.เทรดที่ระดับ P/E ค่อนข้างสูง โดยดัชนีผันผวนตลอดทั้งวัน ระหว่างรอความชัดเจนในการสรรหาแคนดิเดตนายก ฯ คนใหม่ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้บทสรุปในการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 31 โดยวันนี้ช่วงเช้าจะมีการลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทน ฯ ซึ่งต้องการเสี่ยงสนับสนุนอย่างน้อย 248 เสียง จากปัจจัยดังกล่าวคาดจะสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ม.กระตุ้นกำลังซื้อ, ม.กระตุ้นการลงทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์ และไม่มีผลกระทบต่อการอนุมัติประมาณรายจ่ายปี 68
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,280 แนวต้าน 1,310 – 1,320 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวกลับ หลังมีความชัดเจนในการสรรหานายก ฯ คนใหม่ แนะนำทยอยซื้อ SCB,KTB,TTB/PTT,BCP,SCC/ADVANC, GULF ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ และกลุ่มที่กำไร Q2/67 เติบโตดี เช่น STA,STGT,CPF,CBG,SYNEX,COM7,CPALL
- ADVICE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.55 บาท) บริษัทรายงานกำไร 2Q67 อยู่ที่ 61 ล้านบาท +9%QoQ, +61%YoY เติบโตได้ QoQ แม้รายได้ชะลอตามปัจจัยฤดูกาล แต่ก็ได้แรงหนุนจากการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ส่วนการเติบโต YoY มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตาม SSSG และรายได้จากการให้บริการ ประกอบกับการลดการสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายแล้วไปซื้อจากผู้ผลิตเอง ส่งผลให้ GPM ปรับตัวสูงขึ้น แนวโน้ม 2H67 คาดกำไรโต HoH, YoY แม้ช่วงสั้น 3Q67 อาจจะเห็นการชะลอ QoQ แต่จะมีการเปิด iStudio by ADVICE สาขาแรกรับการเปิดตัว iphone 16 ช่วงปลายไตรมาส และ 4Q67 จะกลับมาดีจากฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย เบื้องต้นตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 240 ล้านบาท +41%YoY และ 304 ล้านบาท +27%YoY
- TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 1,219 ลบ. (+18.47%YoY, +5.68%QoQ) โดยในแง่ของรายได้มีแรงหนุนจากบาทอ่อน กลุ่มธุรกิจ Ambient Seafood(+1%YoY), กลุ่มธุรกิจ Value added Product(+16%YoY), และ ธุรกิจ Petcare (+41%YoY) โดยฝั่ง Pecare โตดี จาก Inventory คู่ค้ากลับสู่ปกติเมื่อเทียบ YoY ขณะที่ในส่วนของ GPM อยู่ที่ 18.52% +YoY +QoQ จาก Product mix(สัดส่วน Petcare สูง), ราคาปลาทูน่าแกว่งขึ้นจากโซนล่าง, และ ต้นทุนเหล็ก/อลูมิเนียมลดลง ทั้งนี้ TU จะจ่ายปันผลที่ 0.31 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 21 ส.ค. 67
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ก.ย. +$1.18 อยู่ที่ $78.16 / บาร์เรล, Brent ต.ค. +$1.28อยู่ที่ $81.04/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนหลังรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. ปรับตัวดีกว่าคาด บ่งขี้อุปสงค์ของผู้บริโภคสหรัฐยังเติบโตได้ดี ส่งผลบวกมายังอุปสงค์ตลาดน้ำมันด้วย
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$12.70 อยู่ที่ $2,492.40 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. และเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +25.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -14.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +40.03 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.06 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 35.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.918 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -36 จุด อยู่ที่ 1,692
(-) BitCoinเช้านี้ -3.14% อยู่ที่ 57,133 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
19 ส.ค. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/67
21 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2567
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
13 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)
14 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
15 ส.ค. US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, CPF, THCOM
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th