หลัง PANIC SELL หวังว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น
คำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ นายกฯเศรษฐา พ้นจากตำแหน่ง เป็นเหตุที่ทำให้เกิด PANIC SELL วานนี้ แต่สุดท้ายก็สามารถดีดตัวกลับมาได้ตามที่เราคาดไว้ สำหรับสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ จะเข้าสู่กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎร์ เบื้องต้นกำหนดไว้เป็นวันที่ 16 ส.ค.67 โดยพรรคเพื่อไทย ยังทำหน้าที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคาดหมายว่าจะเสนอชื่อ คุณชัยเกษม นิติสิริ เข้าชิงตำแหน่ง หากกระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่น ก็น่าจะทำให้การได้มาซึ่งรัฐบาลใหม่อาจมีข้อยุติภายในเดือน ส.ค.67 ถือเป็นช่วงเวลาที่เกิดสุญญากาศสั้นมาก ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณและการเดินหน้ามาตรการๆ ไม่มากนัก ส่วนการพิจารณางบประมาณปี2568 ในวาระ 2-3 ในสภาผู้แทนฯ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ
ประเมินว่า SET INDEX น่าจะยังอยู่ในภาวะที่ผันวผนไปตามสถานการณ์ทางการเมือง แต่เชื่อว่า DOWNSIDE จะอยู่ในกรอบที่จำกัด วันนี้คาดกรอบ 1287 –1310 จุด TOP PICK เลือก BEM, MAJOR และ PLANB
16 ส.ค. โหวตนายกฯ คนใหม่ มาไวเกินคาด
วานนี้ ศาล รธน. มีมติ 5:4 ถอดถอน คุณเศรษฐาจากตำแหน่างนายกรัฐมนตรีส่งผลทำให้ครม.ทั้งคณะต้อ พ้นตำแหน่งทั้งคณะ แต่ยังทำให้หน้าที่ ครม.รักษาการ โดยรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการนายกฯอย่างไรก็ดีสุญญากาศทางการเมืองไทย น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และคาดหวังได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในเดือน ส.ค. 67 หลังสภาฯ ทำหนังสือด่วนถึง ส.ส. นัดประชุมวาระพิเศษ โหวตนายกฯ คนใหม่ ในวันที่ 16 ส.ค. นี้ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
สำหรับแคนดิเดตนายกฯ ตามบัญชีพรรคการเมือง ที่สภาผู้แทนราษฎร์สามารถโหวตได้มีอยู่ 7 คน จาก 5 พรรคการเมือง ดังนี้
• พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ (คาดว่าจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯคนใหม่) และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
• พรรคภูมิใจไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย
• พรรคพลังประชารัฐได้แก่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ
• พรรครวมไทยสร้างชาติได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา องคมนตรีและ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
• พรรคประชาธิปัตย์ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
ขณะที่จำนวน สส.ในรัฐสภาล่าสุดมีอยู่ 493 คน แบ่งเป็นพรรครัฐบาล 312 เสียง และฝ่ายค้าน 179 เสียง โดยขั้นตอนการโหวตนายกฯ คนที่ 31 ในวันศุกร์นี้โดยจะลงมติแบบเปิดเผย (ขานชื่อรายบุคคล) ซึ่งนายกฯคนใหม่ ได้เสียงตั้งแต่ 248 เสียงขึ้นไป (เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร์)
สรุป การโหวตนายกฯ คนใหม่ในวันศุกร์นี้ ทำให้สุญญากาศทางการเมืองไทย เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในเดือน ส.ค. 67 ขณะที่แนวนโยบายสำคัญไม่น่าจะปรับเปลี่ยนไปอย่างมีนัยฯ รวมงบประมาณปี 2568 ยังเดินหน้าตามกระบวนการของสภาฯ ได้ตามปกติ หวังผ่านวาระแรก 20 มิ.ย. 67 ซึ่งเชื่อว่า SETINDEX จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับนโยบายของพรรคร่วม ยังผลักดันเศรษฐกิจต่อ แต่อาจล่าช้าไปบ้างหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 5:4 เสียง คุณเศรษฐา สิ้นสุดการ เป็นนายกรัฐมนตรี(รายละเอียดตามหัวข้อด้านบน) ทำให้เกิดความกังวลว่านโยบายต่างๆที่เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป จะสามารถขับเคลื่อนออกมาได้หรือไม่ ?ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า โครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมี 312 เสียงโดยที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคหลักที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดที่ 141 เสียง ตามด้วยพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง จึงเชื่อว่า นโยบายต่างๆน่าจะถูกขับเคลื่อนออกมาได้อาทินโยนบายหลักอย่าง DIGIRAL WALLET ที่มีความคืบหน้าไประดับหนึ่งแล้ว หลังรัฐสภาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน
ในแอฟ “ทางรัฐ” แล้ว รวมถึงนโยบายอื่นๆของพรรคเพื่อไทยที่คาดดำเนินการต่อได้อาทิ กองทุน TESG-วายุภักษ์, ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน,ENTERTAINMENT COMPLEX เป็นต้น อย่างไรก็ตามนโยบายต่างๆอาจจะต้องใช้เวลาดำเนินการมากขึ้น เนื่องจากจะมีการโหวตเลือกนายกฯ ใหม่ และ ตั้ง ครม.ชุดใหม่ซึ่งเร็วสุดภายในเดือน ส.ค.67
ขณะที่นโยบายอื่นๆ ที่มีโอกาสถูกผลักดันมากขึ้น คือ นโยบายเรือธงของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ LANDBRIDGE , พักหนี้ 3 ปีหยุดต้น-หยุดดอก, บัตรประชารัฐฯ, คนละครึ่งภาค 2 เป็นต้น จึงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะดูดี และมีโอกาสเติบโตเป็นขั้นบันไดดังเดิมได้ แค่เพียงอาจจะล่าช้าไปบ้างตามกระบวนการเลือกนายกฯ-ครม.ชุดใหม่
สรุป นโยบายของพรรคร่วม ยังผลักดันเศรษฐกิจต่อ จากโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เปลี่ยนแปลงมี 314 เสียง โดยที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคหลักที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด เพียงแต่อาจจะล่าช้าไปบ้างตามกระบวนการเลือกนายกฯ-ครม.ชุดใหม่การเมืองหนึ่งในปัจจัยสร้างแรงกระเพื่อมกับตลาดหุ้น แต่รอบนี้
คาด SET INDEX ผันผวนจำกัดประเด็นการเมืองมักสร้างแรงกระเพื่อมกับตลาดหุ้นผันผวนเสมอมา แต่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ คาดว่า SET INDEX จะผันผวนจำกัด
1. ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยฯ ที่ตลาดฯ รับรู้และถูกกดดันมาตลอดเกือบ 3 เดือนเต็ม ส่งผลให้ SET INDEX ร่วงไปแล้ว
เฉลี่ยราว 5% จน UNDERPERFORM กว่าตลาดหุ้นโลก เชื่อว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมี DOWNSIDE ที่เริ่มจำกัด
2. หากเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของ SET ช่วงที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ พ้นจากการเป็นนายกฯ กรณีโยกย้าย คุณถวิล เปลี่ยนศรี (พ.ค. 57) พบว่า SET ย่อ
ตัวลึกสุด -2.1% ในช่วงสัปดาห์แรก แล้วค่อยๆทยอยฟื้นตัว โดย 1 เดือนถัดมา SET บวกกลับขึ้นมาได้ 3.2%
3. ปัจจุบัน หากกระบวนการคัดสรรค์นายกฯ คนใหม่เกิดขึ้นได้เร็วภายใน 16ส.ค. นี้ สูญกาศทางการเมืองอาเกิดขึ้นแปปเดียว ช่วยให้ความผันผวนของ
SET INDEX น้อยลงได้
สรุป ตลาดหุ้นตอบรับความผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองมาเกือบ 3 เดือนแล้ว และในอดีตช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านนายกฯ ที่พ้นจากตำแหน่งตลาดผันผวนไม่นานแล้วค่อยๆ ฟื้นขึ้นในระยะถัดไป ดังนั้นหากกระบวนการคัดสรรค์นายกเกิดขึ้นได้เร็วโครงการหรือนโยบายต่างๆ เปลี่ยนแปลงไม่มาก คาด SET INDEX ก็มีโอกาสทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี ตามภาพรวมผลประกอบการบริษัทที่ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์