Market Wrap-Up
- SET วันที่ 14 ส.ค.67 ปิด -5.10 จุด อยู่ที่ 1,292.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,352 ลบ.สถาบันขาย 2,021 ลบ.ต่างชาติซื้อ 438 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 612 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 847 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น AOT,KCE,CBG,GULF,TRUE และมียอดขายสุทธิ BDMS,BH,PTTEP,ADVANC,BCP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,864 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ IRPC,CN01,BH-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 19,249 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 31,066 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 9,637 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.61%, S&P500 +0.38%, Nasdaq +0.03% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน +1.29%, พลังงาน +0.66% หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผย US CPI ก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร -0.91% หลัง Alphabet -2.3% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -0.41% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.49% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเดินทาง & สันทนาการ +3% และ UBS ธ.สวิตเซอร์แลนด์ +5.3% ตอบรับกำไรไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2 เท่า
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังรายงาน US CPI ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.9% & คาด 3.0% & มิ.ย. 3.0% YoY และ Core CPI ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 3.2% & คาด 3.2% & มิ.ย. 3.3% YoY ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 64% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐน่าจะชะลอตัวแบบ Soft Landing ส่วนคำวันนี้ติดตามรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. คาด 0.4% & มิ.ย. 0% MoM
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนีปรับขึ้น หลังรายงาน GDP ยูโรโซน Q2/67 ครั้งที่ 2 +0.3% QoQ ตามคาดการณ์ และรายงาน CPI ฝรั่งเศส ก.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.7% & มิ.ย. 2.5% YoY ส่งผลให้นักลงทุนยังรอประเมินโอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยต่อหรือไม่ในการประชุมวันที่ 12 ก.ย. ขณะที่ Core CPI อังกฤษ ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 3.3% & คาด 3.4% YoY ดังนั้นตลาดคาด BOE มีโอกาส 40% ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุม 19 ก.ย.
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัชนีนิเกอิ +0.58% โดยกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนอ่อนค่า ขณะที่นายคิชิดะ นายกฯญี่ปุ่นประกาศจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP ในเดือนหน้า ส่วนดัขนีเซี่ยงไฮ้ -0.60% อยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q2/67 ของ Tencent, Alibaba ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ตัวเลข GDP ญี่ปุ่น Q2/67 คาด +0.8% & Q1/67 -0.6% & ดีกว่าคาด +0.60% QoQ และยังรอตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น ราคาบ้าน, การลงทุนสินทรัพย์ภาวร, ผลผลิตภาคอุต ฯ, ยอดค้าปลีก, อัตราว่างงาน ก.ค.
- ดัชนี SET วานนี้ปิด -0.39% ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 5.3 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 2,021 ลบ. รายย่อยซื้อ 970 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 612 ลบ. และต่างชาติซื้อ 438 ลบ. โดยช่วงเช้าดัชนีปรับขึ้นได้แรงหนุนกลุ่มอิเล็ก ฯ หลัง KCE รายงานกำไร Q2/67 ดีกว่าคาด กอปรกับตลาดคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม ก.ย.ช่วยหนุนกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินมีแนวโน้มลดลง แต่ภาคบ่ายดัชนีปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,280.99 จุด หลัง ศาล รธน.มีมติ 5 – 4 วินิจฉัยนายก ฯ เศรษฐาขาดคุณสมบัติ จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.สำนักนายก ฯ ส่งผลให้สถานะนายก ฯ และ ครม.ทั้งคณะสิ้นสุดลง โดยจะต้องจัดประชุมสภาผู้แทน ฯ เพื่อสรรหานายก ฯ ท่านใหม่ ซึ่งมีหมายกำหนดการประชุมเบื้องต้นในวันที่ 16 ส.ค. นี้ และแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย คือ คุณชัยเกษม นิติศิริ และคุณแพทองธาร ชินวัตร จากปัจจัยดังกล่าวหากการสรรหานายก ฯ และฟอร์มรัฐบาลใหม่ต้องใช้ระยะเวลานานเกิน 1 เดือน อาจส่งผลให้พิจารณางบประมาณปี 68 ล่าช้า และเป็นผลลบต่อประมาณกาณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 68
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,280 แนวต้าน 1,300 – 1,305 คาดดัชนียังผันผวนระหว่างความชัดเจนในการสรรหานายก ฯ ท่านใหม่ในการประชุมสภาผู้แทน ฯ วันศุกร์นี้ แนะนำทยอยซื้อ CPF,STA,CBG,SAPPE คาดกำไรเติบโตได้ดีตามอุปสงค์ในและต่างประเทศ และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,INTUCH,GULF,BDMS
- AOT (ทยอยซื้อ / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) งวด 3Q66/67 (เม.ย.-มิ.ย.67) มีกำไรสุทธิ 4.56 พันล้านบาท -21%QoQ, +44%YoY ชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโตสูง YoY หนุนจากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับผลบวกจากมาตรการฟรีวีซ่า ส่วนแนวโน้ม 4Q66/67 (ก.ค.-ก.ย.67) คาดกำไรยังลดลง QoQ เนื่องจากเข้าช่วง low season เต็มตัวและเริ่มรับรู้ผลกระทบจากการยกเลิก duty free ขาเข้า อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนประเด็นลบจากรายได้ค่าเช่าพื้นที่และผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ลดลงของ King Power ไปแล้ว ดังนั้นจึงถือเป็นการปลดล็อก overhang และเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นใหม่รอผลประกอบการฟื้นตัวเมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ต่อไป
- CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 6,925 ลบ.(+501%QoQ, จากขาดทุนใน 2Q66 ที่ -792 ลบ.) ทั้งนี้ กำไรปกติอยู่ที่ 5,595 ลบ.(+1,464%QoQ, จากขาดทุนใน 2Q66 ที่ -3,827 ลบ.) สูงกว่า Bloomberg Consensus ที่ 4,521 ลบ., +24% โดยในแง่ของกำไรสามารถทำได้ดีจาก 1. GPM ที่ดีขึ้น ขึ้นมาอยูที่ 15.39% จากราคาขายสัตว์บกที่ฟื้นตัวและต้นทุนอาหารสัตว์บกยังไม่สูง โดยเฉพาะ ราคาสุกรเวียดนามใน 2Q67 +14%YoY +18%QoQ และ 2.ส่วนของแบ่งกำไรบ.ร่วม/JV ที่ดีขึ้นจาก HyLife, CTI, และ CPALL ส่งผลให้ Equity Income อยู่ที่ 3,352 ลบ.(จากขาดทุน -893 ลบ. ใน 2Q66, +87%QoQ)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย. -$1.37 อยู่ที่ $76.98 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$0.93อยู่ที่ $79.76/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.4 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 2.2 ล.บาร์เรล กอปรกับคลายความกังวลต่อสถานการณ์อิหร่านจะโจมตีอิสราเอล
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$28.10 อยู่ที่ $2,479.70 /ออนซ์ ปรับลดลงหลังตลาดลดคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม ก.ย. หลังตัวเลข US CPI ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.9% & คาด 3.0% YoY
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +57.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +12.55 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +36.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +8.03 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 35.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.838 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +58 จุด อยู่ที่ 1,728
(-) BitCoinเช้านี้ -3.05% อยู่ที่ 58,940 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
19 ส.ค. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/67
21 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2567
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
13 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)
14 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
15 ส.ค. US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, BTG*, THCOM
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th