Company Note
Prima Marine
คงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดปี 2024F กำไรปกติเติบโตต่อเนื่องจากเรือที่เพิ่มขึ้น
กำไรของ PRM ใน 2Q24 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ และสูงกว่าที่เราคาด 13% เนื่องจากรายได้สูงกว่าคาดและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าคาด ยืนยันความคิดของเราที่คาดว่ากำไรปกติของบริษัทจะทำ New high ในปีนี้ จากเรือกองเคมีลำใหม่เดินเต็มทั้งปี, แนวโน้มธุรกิจ FSU ที่ดีขึ้นและเรือธุรกิจ Offshore ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรจะอ่อนตัว QoQ ใน 3Q24F เนื่องจากบริษัทจะนำเอาเรือ Aframax 1 ลำไปดัดแปลงเป็น FSO ก่อนกลับมาให้บริการในเดือนธ.ค. ซึ่งจะทำให้กำไรฟื้นตัว QoQ ใน 4Q24F เรายังคงคงคำแนะนำ ซื้อ
กำไร 2Q24 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ดีกว่าที่เราคาด
กำไรสุทธิใน 2Q24 อยู่ที่ 642 ลบ. เติบโต 36% YoY และ 14% QoQ หากไม่รวม FX Gain กำไรปกติอยู่ที่ 639 ลบ. เติบโต 27% YoY และ 19% QoQ โดยกำไรที่เติบโตมาจากรายได้ที่เติบโต 14% YoY, 12% QoQ และ Gross margin ที่เพิ่ม YoY และ QoQ จาก 38.6% และ 36.1% เป็น 38.9% โดยรายได้และ Gross margin ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 1) ธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ (COC) เรือ VLCC ที่เข้าอู่แห้งใน 1Q24 กลับเข้าให้บริการแล้วทำให้รายได้และกำไรมากขึ้น, 2) ธุรกิจ FSU มีดีมานด์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้ Utilization rate เพิ่มขึ้น QoQ จาก 70.7% เป็น 84.1%, 3) ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิต (OSV) เรือ Crew Boat 2 ลำที่เพิ่มใน 1Q ลำแรกเริ่มให้บริการในเดือนมี.ค.รับรู้เต็มไตรมาส ในขณะที่ลำที่ 2 เริ่มให้บริการวันที่ 1 เม.ย. ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและปิโตรเคมี (PCT) รายได้ flat QoQ เนื่องจากมีเรือทยอยเข้าอู่แห้ง สำหรับ S&A expense ควบคุมได้ดีโดยลด 12% YoY แต่เพิ่ม 14% QoQ เนื่องจากมีการจ่ายโบนัสพนักงานในไตรมาสนี้
คาดกำไร 3Q24F ลด QoQ ก่อนฟื้นตัวใน 4Q24F
เราคาดกำไร 3Q24F จะอ่อนตัวลง QoQ แม้ว่าแนวโน้มทุกธุรกิจยังดูดี เนื่องจากบริษัทจะเอาเรือ Aframax ซึ่งสิ้นสุดสัญญาการให้บริการกับ BCP ในเดือนมิ.ย.และมีอายุใช้งาน 18 ปีแล้วไปดัดแปลงเป็น Floating Storage & Offloading (FSO) ในช่วงเดือนก.ค.-พ.ย. ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีรายได้จากเรือลำนี้ ก่อนจะกลับมาให้บริการ PTTEP ในเดือนธ.ค. (สัญญา 5 ปี) ซึ่งจะทำให้กำไร 4Q24F ฟื้นตัว QoQ จากแผนการดัดแปลงเรือ Aframax เป็น FSO ที่กล่าวข้างต้น บริษัทจึงมีแผนที่จะซื้อเรือ Aframax 1 ลำมาทดแทนเพื่อให้บริการกับ BCP และยังคงมองหาซื้อเรือปิโตรเคมีเพิ่ม รวมถึง FSU ด้วยแต่จากดีมานด์ FSU ที่สูงในขณะนี้ทำให้ราคาค่อนข้างแพง ทั้งหมดในปีนี้บริษัทตั้งเป้า CAPEX ไว้ที่ 3 พันลบ. ส่วนแผนระยะยาวบริษัทยังมีแผนที่จะปลดระวางเรือ 6 ลำที่มีอายุมากโดยจะสั่งต่อเรือ 6 ลำโดยจะเริ่มมีการจ่าย Deposit บางส่วนในปีนี้และจะทยอยรับเรือในปี 2025-26F ทั้งนี้เงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
คงคำแนะนำ “ซื้อ”โดยมีมูลค่าเหมาะสมที่ 8.60 บาท
เราคงประมาณการกำไรและมูลค่าที่เหมาะสมที่ 8.60 บาท ซึ่งอิงจาก PER 10 เท่า ปี 2024F (คิดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของหุ้น) จากราคาหุ้นที่ไม่แพงและแนวโน้มที่ยังสดใสทำให้เรายังคงแนะนำซื้อ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน