Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

532

 


"Big Cap Plays"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1310/1320 จุด รับ 1290/1280 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐ แกว่งตัวแคบๆ ช่วงไทยหยุดยาว มองเป็นการรอรายงานเงินเฟ้อ CPI ก.ค. 24 วันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่น้ำมันระยะสั้นดีดตัวแรงเฉลี่ย 3.8% หลังสถานการณ์ตะวันออกกลางและรัสเซีย - ยูเครน กลับมาตึงเครียดมากขึ้น vs กลุ่ม OPEC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตความต้องการน้ำมันโลกปี 2024-25 โดยรวมมองภาพน้ำมันระยะสั้นเคลื่อนไหวในโซนปัจจุบัน 75-80 เหรียญ หนุน SET ที่มีหุ้นพลังงานต้นน้ำ 10-11% ของมูลค่าตลาด ผสาน ภายใน แม้ MSCI Rebalance รอบนี้เป็นภาพ Outflows หุ้นออกจาก MSCI Global Standard Index 4 บริษัท (AWC, GPSC, IVL, EA มีผล 30 ส.ค.) แต่หากอิง Performance SET นับจาก ส.ค. -1.8% ดีกว่า EM โดยรวมเฉลี่ย -2.4% ทำให้คาดถูกมีโอกาสูงที่จะถูกปรับลดน้ำหนักเป็นรอบสุดท้าย วันนี้ติดตามการแถลงข่าวกองทุนวายุภักษ์ 1 มองสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อหุ้น Big Cap ที่มีน้ำหนักในกองทุนสูง กลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร อาทิ PTT, SCB, TTB, BCP, KTB, AOT, ADVANC คาดหุ้น Big Cap นำ SET วันนี้แกว่งขึ้น วันนี้แนะนำ AOT, PTT, KTB

 

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1310/1315 จุด รับ 1290/1280 จุด

What happened around the world ?

•(*/+) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐ ช่วงวันหยุดแกว่งตัว ไม่ได้มีปัจจัยไรใหม่ที่มีนัยยะ ตลาดรอรายงานเงินเฟ้อกลางสัปดาห์ อิง Dow Jones เมื่อวาน เปิดบวกแต่ปิดลบ-0.36%d-d , S&P500 +0.0%d-d, Nasdaq +0.22%d-d โดยดัชนี S&P 500 กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักๆนำโดยกลุ่ม IT, Enegy , Utilities ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลง คือ Real estate , ICT, Consumer staples ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ Starbucks 2.58%, NVDIA+4.1% (AMD +1.86% เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นชิ้นส่วนไทย

•(*/+) Fed speaks : 1.) คุณSusan Collins ประธาน Fed สาขา Boston (Non Voter) ให้สัมภาษณ์กับ Providence Journal ว่า Fed อาจเริ่มผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง 2.)คุณ Michelle Bowman กรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Voter) (Fed) เผยว่ายังคงเห็นความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะสูงขึ้นและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ส่งสัญญาณว่าเธออาจยังไม่พร้อมสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม Fed ครั้งต่อไปในเดือน ก.ย.2024

• (*/+) TSMC : TSMC บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อันดับ 1 ของโลกรายงานยอดขายประจำเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 257 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.6%mom และ 44.7%yoy และมีรายได้รวม 7 เดือนแรกของปีนี้ที่ 1,523 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 30.5%yoy ** สะท้อนดีมานด์เซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกยังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับคาดการณ์ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของบ้านเราซึ่งคาดภาพรวมอุตสาหกรรมจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q24 เรายังแนะนำ "ซื้อ" หุ้นในกลุ่ม อิเล็กฯ อาทิ DELTA, HANA

• (*/+) Italy Heat : Bloomberg รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งทั่วประเทศอิตาลีได้ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากเผชิญอุณหภูมิร้อนจัดและแห้งแล้งอย่างมากฐบาลท้องถิ่นในแคว้นซิซิลีก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่ส่งออกไปยุโรป อาทิ SAPPE (ส่งออกไปยุโรปราว 27%ของยอดขายรวม) มอง Trading

• (*/+) Pork Stocks & China CPI : จีนรายงานเงินเฟ้อ CPI เดือน ก.ค. +0.5%y-y (สูงที่สุดในรอบ 5 เดือน ดีกว่าตลาดคาด +0.3%y-y และตัวเลขบวก y-y 6 เดือนติด) โดยส่วนนึงเงินเฟ้อที่สูงมาจาก หมวดราคาหมูจีน +20.4%y-y (สูงสุด ธ.ค.2022 )KSS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นทำธุรกิจหมูจีนอาทิ CPF, TFG หลักๆ เน้น CPF (TP@22.0 มีแนวโน้มปรับขึ้น)

• (*/+) Crypto Currency : รัสเซียเป็นอีก 1 ประเทสที่เริ่มสนับสนุน Crypto Currency Ffpประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามในกฎหมายอนุญาตให้มีการทำเหมืองขุดคริปโทเค4อร์เรนซีอย่างถูกกฎหมายในรัสเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ใน พ.ย.2567 มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อราคา Crypto โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลหลัก มองเป็ยจิตวิทยากบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยง Bitcoin อาทิ TTA, BTC

•(*/-) OPEC : กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันโลกในปี 2024 จะเพิ่มขึ้น 2.11 ล้านบาร์เรล/วัน(ลดลงจาก 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันที่คาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว) อ้างถึงข้อมูลที่อ่อนแอกว่าที่คาดในครึ่งแรกของปีและความคาดหวังที่ลดลงสำหรับจีน และยังปรับลดคาดการณ์สำหรับปี 2025 เป็น 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน (จาก 1.85 ล้านบาร์เรลต่อวันที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า) โดยรวมเป็นการปรับลดครั้งแรกของคาดการณ์ปี 2024 ของ OPEC นับตั้งแต่ประกาศครั้งแรกในเดือนก.ค.2023 KSS มองเป็นจิตวิทยาลบต่อ ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลก จากมุมมอง Demand ที่อ่อนแอ และอีกมุมมคาดจะหนุนให้มีการเพิ่มหรือ ขยายการตัดลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่ม โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ และโรงกลั่น

• (*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแกว่งตัวผันผวน อิง อายุ 2 ปีปรับลง -4 bps ที่ 4.01% และอายุ 10 ปี ปรับลงต่อเนื่อง 2 วัน -4 bps ปิด 3.90% ส่วน Dollar Index แกว่งตัวบริเวณ 103.0 จุด

•(*/+) Oil : น้ำมันดิบ Brent +3.31%d-d ปิดที่ US$ 82.3/barrel. น้ำมันดิบ West Texas +4.19%d-d ปิดที่ US$ 80.06/barrel หนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางช่วงปลานสัปดาห์ มองบวกต่อ SET Index และหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาท PTT, PTTEP

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 14 ส.ค. เงินเฟ้อ CPI ก.ค. คาดเงินเฟ้อทั่วไป +3.0%y-y, +0.2%m-m vs prev. +3.0%y-y, -0.1%m-m เงินเฟ้อพื้นฐาน คาด +0.2%m-m vs prev. +0.1%m-m 15 ส.ค. ติดตามดัชนีค้าปลีก คาด +0.3%m-m vs prev. +0.0%m-m และ ผลผลิตอุตสาหกรรม คาด +0.0%m-m, 16 ส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาด 67.2 จุด ฝั่งจีน 5 ส.ค. กิจกรรมเศรษฐกิจจีน ก.ค. ได้แก่ 1) ผลผลิตอุตสาหกรรม คาด +5.4%y-y vs prev. +5.3%y-y, 2) ยอดค้าปลีก คาด +2.6%y-y vs prev. +2.0%y-y, 3) การลงทุนในสินทรัพย์คงทน คาด +3.9%ytd y-y เท่าเดือนก่อน และ 4) การลงทุนภาคอสังหา คาด -9.9%ytd y-y vs prev. -10.1%ytd y-y

 

What happened in Thailand ?

• (*) SET: SET Index เพิ่มขึ้น 0.82 จุด (+0.06%) ปิดที่ 1,297 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.29 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับลง 316 บริษัท, หุ้นปรับขึ้น 187 บริษัท) ดัชนีเปิดกระโดดกว่า 10 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศคลายกังวลตลาดแรงงานของสหรัฐหลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามดัชนีไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ระดับ 1,310 จุดขึ้นไปได้ เนื่องจากนักลงทุนดักขายทำกำไร และลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดยาว และ รอดูคดีนายกฯ ในสัปดาห์หน้า กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) ยังเป็นแรงหนุนโมเมนตัม Earnings Upgrade ต่อเนื่อง กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) จิตวิทยาบวกหุ้นเทคสหรัฐฯฟื้นตัวนำตลาด กลุ่มถ่วง คือ ค้าปลีก (CPAXT, CRC) เป็นการ Sell on Fact หลัง CPAXT ออกงบ ส่วน CRC มองลดความเสี่ยงก่อนรายงานกำไร 2Q24 คาดยังไม่เด่น กลุ่มเช่าซื้อ (TIDLOR, SAWAD) กังวลความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์

• (+) Flow : เม็ดเงินต่างประเทศวันทำการล่าสุดเป็นภาพไหลเข้า ซื้อพันธบัตร +255.5 ล้านเหรียญฯ ซื้อหุ้น 1.45 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long ที่ 12,628 สัญญา เงินบาทแข็งค่าที่ 35.1 +/- บาท

• (*) MSCI Rebalance: MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยการ Rebalance จะมีผลวันที่ 30 ส.ค.24

MSCI Global Standard ▪️หุ้นเข้า : ไม่มี ▪️หุ้นออก : AWC ( - 95 ล้านเหรียญฯ), GPSC(- 90 ล้านเหรียญฯ), EA(- 35 ล้านเหรียญฯ) และ IVL ( - 90 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap ▪️หุ้นเข้า : BJC, EA, KAMART, TLI ▪️หุ้นออก : BAFS, BYD, EPG, NEX, ORI, PTG, RBF, THANI, SC, SJWD, SKY, SNNP, THCOM

• (+) Industrial estate: สำนักข่าวนิกเคอิเอเชีย รายงาน HP บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐ มีแผนจะย้ายฐานการผลิตคอมพิวเตอร์พีซี มากกว่าครึ่ง จากจีนมายังไทย เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า Toshiba ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นประกาศย้ายไลน์การผลิตตู้เย็น และเครื่องซักผ้าจากประเทศจีนกลับมาที่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน เราคาดว่ากระแสการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์จะทยอยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหากโดนัล ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ประเด็นนี้จะส่งผลบวกต่อยอดขายที่ดินและ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มนิคมฯ ของไทย เรายังให้น้ำหนัก Overweight กับกลุ่ม นิคมฯ โดยมี Top Pick คือ WHA(TP-6) และ AMATA (TP-29)

• (*) Vayupak: กระทรวงการคลัง นัดแถลง "กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง" 13 ส.ค. นี้ หวังเป็นกลไกเสริมสร้างการออมและการลงทุนให้กับประชาชน อิงกระแสข่วเบื้องต้นคาดเม็ดเงิน 1.0 แสนล้านบาท มองเป็นบวกต่อ SET อิงกรณีศึกษาที่เราเคยประเมินผลบวกเม็ดเงินใหม่ (อิงกรณี LTF) ทุกๆ1 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2012-13 ที่วงจรเศรษฐกิจใกล้เคียงปัจจุบัน จะหนุน SET ได้ 20-25 จุด ขณะที่จิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์ 1 สูง (สิ้นสุด ธ.ค. 23) >0.3% ของเงินลงทุน คือ PTT (36.3%) SCB(24.3%) TTB (4.9%) BCP (3.47%) KTB (3.3%) AOT (1.81%) ADVANC (1.63%) SCC (0.89%) BDMS (0.86%) KBANK (0.73%) BSRC (0.7%) BBL (0.67%) CPN (0.64%) CRC (0.53%) CPF (0.43%) MINT (0.43%) BH (0.41%) HMPRO (0.34%) CPAXT (0.34%) SCGP (0.33%) ทั้งนี้ หากประกอบภาพพื้นฐานระยะสั้น-กลาง มองหุ้นน่าสนใจ คือ PTT, SCB, BCP, KTB, AOT, ADVANC, MINT, SCGP

• (*/+) SET Measures: SET กำหนดมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นผู้ลงทุนเพิ่มเติม 3 ด้านที่จะมีผลนับจาก 2 ก.ย. 24 ได้แก่ 1.) เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ระดับ 2 ขึ้นไป โดยใช้วิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว "Auction" แทนการจับคู่ซื้อขายอัตโนมัติ 2.) กำหนดกรอบราคา "Dynamic Price Band" ที่ +/-10% จากราคาซื้อขายล่าสุด เพิ่มจาก Ceiling และ Floor เดิม 3.) กำหนด Minimum Resting Time โดยคำสั่งซื้อต้องคงอยู่ในระบบอย่างน้อย 250 มิลลิวินาที จึงแก้ไขหรือยกเลิกได้ โดยรวมประเมินจิตวิทยาบวกต่อตลาด โดยเฉพาะความผันผวนที่ลดลง

• (*/+) EA: ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA248A โหวตหนุนยืดหนี้ 9 เดือน 16 วัน มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ EA ระยะสั้น และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่เป็นเจ้าหนี้ EA อาทิ SCB ที่ให้สินเชื่อ EA มากสุด และกลุ่มที่รองลงมา ซึ่งมียอดในระดับที่ไม่มีนัยฯ คือ BBL, KBANK, KTB เชิง Tactical แนะนำเก็งกำไร SCB ส่วนเน้นลงทุน เลือก KTB ที่พื้นฐานปัจจุบันแข็งแกร่งสุด

• (*/+) SET 2Q24 Earnings: อิงรายงาน Bloomberg หุ้นใน SET ที่รายงานกำไรงวด 2Q24 แล้วทั้งสิ้น 179 บริษัท โดยเป็นหุ้นที่มีคาดการณ์กำไรของตลาด 69 บริษัท ดีกว่าคาด 36 บริษัท ตามคาด 11 บริษัท แย่กว่าคาด 22 บริษัท หุ้นที่รายงานกำไรวันศุกร์ที่ผ่านมา สรุปได้ดังนี้

กลุ่มที่ดีกว่าคาด ได้แก่ PTT (76.4%y-y, 22.5%q-q) CKP (4007%y-y, พลิกกำไร q-q) BA(6.4%y-y, -62%q-q) TVO (1143%y-y, 392%q-q) PTG (319%y-y, 81%q-q) SVI (106%y-y, 82%q-q) AU (70%y-y, 34%q-q) CBG (43%y-y, 10%q-q) WHA (49%y-y, -5.6%q-q) NER (4.7%y-y, 5.5%q-q) JMART (พลิกกำไร y-y, 44%q-q) *ส่วนหนึ่งมาจากกำไรพิเศษ กำไรปกติยังค่อนข้างต่ำ JMT (-33%y-y, -12%q-q) *ยอดเก็บหนี้ลดลง y-y, ทรงตัว q-q BEC(-4.6%y-y, 404%q-q)
กลุ่มที่เป็นไปตามคาด คือ ILM (4.6%y-y, -18%q-q) MOSHI (-3.6%y-y, -35.2%q-q) BE8 (-52%y-y, 10%q-q)
กลุ่มที่ต่ำกว่าคาด คือ IVL (พลิกขาดทุน y-y, q-q) SPA (2.5%y-y, -16.7%q-q) RBF(-33%y-y, -40%q-q) ZEN (-99%y-y, -96%q-q)
กลุ่มที่ไม่มีคาด คือ SMT (พลิกขาดทุน y-y, q-q) RCL (99.4%y-y, 87.5%q-q) ADVICE (61%y-y, 8.6%q-q) RJH (27%y-y, -2.5%q-q) SINGER (พลิกกำไร y-y, 41%q-q) WHAUP (-31%y-y, -29%q-q)
ส่วนกลุ่มที่คาดรายงานกำไรวันนี้ อาทิ AAV, AMATA, AP, BDMS, BEM, BGRIM, BJC, CPALL, GFPT, KCE, LH, M, PLANB, SAPPE, SC หุ้นที่ตลาดกำไรจะออกมาดี คือ AAV, AMATA, BJC, CPALL, GFPT, KCE, SAPPE

• (*) To Monitor: สัปดาห์นี้ ประเด็นในประเทศติดตาม 1.) 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิพากษาคดีคุณสมบัตินายก 2.) การพิจารณามาตรการสกัดสินค้าจีนของรัฐฯ 3.) รายงานกำไรตลาดงวด 2Q24F โค้งสุดท้าย ติดตามหุ้นหลักๆ อาทิ AAV, AP, BDMS, BEM, BGRIM, BJC., CPALL, KCE, PLANB, SAPPE, AOT, AWC, BTS, CENTEL, CPF, CRC, HANA, OSP, SIRI, SPRC, BCH. CK, STEC หุ้นตลาดคาดรายงานกำไรดี คือ BGRIM, BJC, CPALL, KCE, SAPPE, PLANB, AOT, CPF, OSP, SIRI, SPRC

 

Daily Strategy : AOT, KTB, PTT เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" ตลาดหุ้นต่างประเทศทรงตัวรอรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่ระยะสั้นความตึงเครียดในยุโรปและตะวันออกกลางหนุนราคาน้ำมันบวกเฉลี่ย 3.75% คาดหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน ผสาน ภายในความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์วันนี้ จะหนุนกลุ่มที่มีน้ำหนักสูงๆในกองทุน อาทิ พลังงาน ธนาคาร สื่อสาร มองหุ้นนำ 1.) หุ้นน้ำมัน+โรงกลั่น 2.) หุ้นอิงกองทุนวายุภักษ์ อาทิ พลังงาน ธนาคาร สื่อสาร

 

หุ้นฝั่ง Global Plays ที่ตลาดยังเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ Soft Landing (PTTEP, TOP, GFPT, TU, CBG, OSP, DELTA, HANA )
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, CPAXT, OSP, AOT, MINT, ERW)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, MTC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, GULF, INTUCH, WHA, AMATA)

• AUG24 Best Picks: ADVANC, CPALL, CPAXT, HANA, MINT, TRUE, WHA

• 3Q24Stock Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : I-Phone 16 เตรียมเปิดตัว หนุนหุ้นจำหน่ายมือถือ

กระแสการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ใกล้จะเริ่มขึ้น โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วง 1 -2 สัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. ของทุกปี และในปีนี้ iPhone 16 คาดว่าจะเปิดตัว 10 ก.ย. 24 หรือราว 4 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้จุดเด่นของ iPhone 16 คือ การใช้ชิป A17 -18 สนับสนุนฟีเจอร์ AI อาทิ การแปลภาษา, การแต่งภาพ เราประเมินรอบนี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นกระแสตอบรับทางบวกจากฟีเจอร์ AI ที่ iPhone 16 จะสามารถใช้งานได้ทุกรุ่น จากปัจจุบันที่ใช้งานเฉพาะ รุ่นเรือธง (Flagship) iPhone 15 Pro เท่านั้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เดิมไม่ได้ใช้งานเครื่องรุ่นเรือธงเดิม (Flagship) มีโอกาสพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่ vs ภาพหลายรุ่นช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน ทำให้วงจรเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างยาวนาน กระทบยอดขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจช่องทางจำหน่าย

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติการเปิดตัว i-Phone ย้อนหลัง 6 ครั้งล่าสุด พบว่า หากลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง คือ กลุ่มที่จำหน่าย iPhone ก่อนเปิดตัว iPhone 1 เดือน (ช่วงเวลาปัจจุบัน) และขายทำกำไรหุ้นในช่วงเปิดตัว หุ้นในกลุ่มทุกบริษัทมีความเป็นไปได้เกิน 75% ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากสุด คือ JMART (ความเป็นไปได้ 100%, ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8%) SPVI (83%, 12.4%) COM7(83%, 5.7%) CPW(75%, 4.8%) และ SYNEX(83%, 4.4%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ ด้วยผลศึกษาดังกล่าว ประกอบกับ ภาพพื้นฐานปัจจุบัน KSS แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่รายได้ส่วนใหญ่ยังมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์ที่นอกจาก iPhone ยังเชื่อว่าจะมีอานิสงส์จากกระแส AI ในอุปกรณ์ตามหนุนอีกระลอกใหญ่ แนะนำเก็งกำไร SPVI (Trading), CPW (Trading) SYNEX (TP Con-13.9), ADVICE(TP-6.55) ส่วนการลงทุนแนะนำ ADVANC(TP-280) และ TRUE(TP-12) อีกหนึ่งกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ หากความนิยมสูง ระดับเงินอุดหนุนที่ใช้ขายเครื่องจะลดต่ำลง หนุนกำไร

• Strategy Update : Fed คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ตลาดมองดอกเบี้ยลด 3 ครั้ง ย้ำภาพดอกเบี้ยขาลง

ผลประชุม Fed : ผลประชุม Fed มติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% Key Highlight คือถ้อยแถลงของ ประธาน Fed เผยข้อมูลเศรษฐกิจมีพัฒนาการที่ดี โดยเฉพาะฝั่งเงินเฟ้อ และเริ่มกล่าวถึงการเปิดทางการลดดอกเบี้ยในปีนี้ หากอิง Statement ประเด็นที่เปลี่ยนแปลงรอบก่อน และสนับสนุนมุมมองการลดดอกเบี้ยคือ การอ่อนตัวลงของตลาดแรงงาน ปรับประโยคการจ้างงานเป็น "Moderated" (จากรอบก่อน Remained Strong) และ คาดอัตราการว่างงานสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ สนับสนุนมุมมองตลาดคาดโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งปี 3 ครั้งๆละ 25 bps อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีอยู่ที่ 4.5-4.75% สอดคล้องกับ MUFG คาดปีนี้จะเห็นการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งเช่นกัน

KSS ประเมิน หลังจากนี้ ตลาดจะเริ่มจับตารายงานทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคแรงงานมากขึ้น นำโดยอัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ก.ค. 24 ที่จะประกาศ 2 ส.ค. ไม่ควรสูงเกิน 4.2% อิงเกณฑ์ Sahm's Rule เสี่ยง "US Recession" ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า หรือช่วงต้นปี 2025 (Consensus คาดเฉลี่ย 4.1%) อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักอัตราว่างงานยังต่ำกว่าระดับดังกล่าวและเห็นด้วยกับมุมมอง Consensus ซึ่งจะเป็นภาพ Soft landing หากอิงดัชนีชี้นำฝั่ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

ทั้งนี้ น้ำหนักหลักในส่วนอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงทิศทางดังกล่าวจะหนุนภาพ Search for Yield มายัง SET Index ยังแกว่งที่ระดับ Current และ Forward ERP สูง 3.75% และ 4.31% ล้วนใกล้ระดับ Avg + 1 S.D. ที่ 4.07% น่าจะหนุน SET ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์เน้นกลุ่ม Yield ลดลง อาทิ โรงไฟฟ้า เน้น GULF, BGRIM กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มหนี้สูง เน้น CPALL, CPAXT, TRUE, MINT

• MSCI Rebalance: ดัชนี MSCI มีกำหนดการประกาศผลการ Rebalance รอบใหม่วันที่ 12 ส.ค. (ไทยทราบผลเช้า 13 ส.ค.) โดยการ Rebalance จะมีผล 30 ส.ค. เบื้องต้นเราคาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงหลุดออกจากดัชนี ได้แก่ AWC GPSC EA เสี่ยงระดับกลาง คือ IVL เสี่ยงต่ำ คือ KTC ระยะสั้นมีโอกาสหุ้นชุดดังกล่าวจะมีโอกาสเคลื่อนไหว Underperform เชิงกลยุทธ์ให้เลี่ยงลงทุนไปก่อน

• Strategy Update : เลือกตั้งสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอน แต่เป็นโอกาสระยะสั้น-กลางของเอเชียและไทย

การเลือกตั้งสหรัฐ 5 พ.ย.24 ตลาดเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคุณ Kamara Harris สลับมาเป็นตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้งปธน. แทนคุณ Biden ที่ถอนตัวออกไป ทำให้ผลคะแนนเดิมที่คุณ Biden ถูกคุณ Trump ทิ้งห่างกลับมาสูสีมากขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยระดับคะแนนปัจจุบันโอกาสที่ Trump จะเป็นประธานาธิบดียังเหนือกว่า และนโยบายทั้งสองพรรคเหมือนกัน ในส่วนการทำสงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Tech War) กับจีน ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นคล้ายกับสมัยคุณ Trump ดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2017-21

อิงผลการศึกษา Krungsri Research ประเมิน หากมีการยกระดับ Tariff ขึ้นราว 25% จากปัจจุบัน 1.) คาดกระทบยอดส่งออกจีน -5.76% และสหรัฐฯ -3.26% แต่จะบวกต่ออาเซียน และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงไทย และ 2.) KSS ประเมินผลกระทบจะไม่สูงเท่ารอบปี 2018-19 เพราะภาพ Supply Chain ของโลกมีความเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ช่วงคุณ Trump ดำรงตำแหน่งสมัยแรก อิงสัดส่วนการส่งออกสินค้าจีนไปยังกลุ่มประเทศ Belt and Road ที่ปัจจุบันสูง 46% จากระดับต่ำราว 26% ในปี 2006 รวมถึงสัดส่วนการส่งออกจีนไปยังประเทศพัฒนาแล้วเหลือ 22% จากปี 2006 ที่ 50% 3.) คาดกรณีดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อไทย GDP +0.04% และส่งออก +0.87%

ส่วนผลกระทบตลาดหุ้นสหรัฐ และ SET Index ก่อนและหลังการเลือกตั้ง จากการศึกษา KSS ในอดีต พบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 5 ครั้งหลังสุด ดัชนี S&P 500 มักปรับตัวผันผวนก่อนการเลือกตั้ง ก่อนจะปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง ส่วนปี 2024 KSS ประเมินมีโอกาสอาจจะเห็นภาพ Fund Flows สลับยังมา ไทย SET Index -6.8%นับตั้งแต่ต้นปี(ytd) และ Valuation จูงใจ และมีโอกาสที่ Upside เพิ่มจากการที่ดอกเบี้ยไทยคาดมีโอกาสที่ กนง. อาจจะพิจารณากลับมาเดินหน้าลดดอกเบี้ย ลงอย่างน้อย 1 ครั้งๆ ราว 25 bps ทำให้โดยรวม KSS ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index ช่วง 3Q24 ปรับขึ้น วางดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1,540 จุด กลยุทธ์การลงทุนยังให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election แนวนโยบายที่จะยังคงอยู่คือการเดินหน้าสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน ผสาน กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ทำให้ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร ชิ้นส่วน คาดได้จิตวิทยาบวกเช่นกัน อาหาร CPF, GFPT, TU ชิ้นส่วน KCE, HANA

• Strategy Update : ThaiESG 2024 ต่อ SET Index

รัฐบาลมีแผนปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์จากกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG ใหม่ โดยปรับเงื่อนไขให้สิทธิซื้อเพิ่มลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงิน และสัดส่วนเทียบกับฐานรายได้ ผสาน ระยะเวลาลงทุนสั้นลง KSS คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้.

เชิงกลยุทธ์ : โดยรวม KSS ประเมินเป็น "บวก" ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนในหุ้นใน SETESG ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และกลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF AOT, MTC, CPALL, GPSC

 

 

• PTT (Neutral, TP38.5): เรามีมุมมอง slightly positive ต่อกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 3.5 หมื่นลบ. (+76% y-y, +22% q-q) สูงกว่าคาด 3% จากธุรกิจ Trading ที่อัตรากำไรดีกว่าคาด โต q-q ได้เพราะมีกำไรพิเศษ หากตัดออก กำไรปกติจะ -22% q-q เพราะโรงแยกก๊าซฯ (GSP) มีผลกระทบจาก single pool และกำไรของบริษัทลูกลดลงโดยเฉพาะโรงกลั่น คงมุมมอง 2H24F กำไรปกติลดลง h-h จากผลกระทบ single pool ที่ยังสูง, ไม่มี stock gain หนุน และ E&P เข้าสู่ low season คงคำแนะนำ Neutral ต่อ PTT ปรับไปใช้ TP25F = 38.5 บาท สามารถรอดูความชัดเจนการปรับราคาขายของโรงแยกฯในช่วง 4Q24F ก่อนได้

• IVL (Trading Buy, TP19):มองขาดทุนสุทธิ 2Q24 ที่ออกมาถึง -2.3 หมื่นลบ. แย่ลง y-y q-q แม้น่าตกใจ แต่เป็นข้อมูลที่บริษัทได้เปิดเผยแนวโน้มไว้วันที่ 24 ก.ค. 2024 เรามองเป็นโอกาสซื้อเก็งกำไร ในช่วงที่ราคาหุ้นมีแรงกดดันจากขาดทุนก้อนใหญ่ข้างต้น เพื่อรับการ bottom out ใน 2H24F คาด ฝั่ง PET เห็น supply ตึงตัวมากขึ้นหลังโรงผลิตในจีนทยอย shutdown และ ฝั่ง IOD เข้าสู่ high season รวมถึงต้นทุนคงที่มีแนวโน้มลดลง (เป้าบริษัท ลดได้ 6.5-7.2 พันลบ./ปี

• SVI (Trading Buy, TP19): SVI reported impressive core earnings in 2Q24 of Bt497m (+91% yoy, +68% qoq), doubling our expectation, highest quarterly earnings in the past two years. Its financial performance beat our expectation on every element. We see the 22% declined on its share price from its peak as an opportunity to accumulate the stock. Upgrade our recommendation from NEUTRAL to BUY with the same TP of Bt8.40.

• WHA (Buy, TP6.0): Above all estimates, core profit jumping 55% yoy to 1.3b which took 1H24 core profit to 48% of our FY24F and we will revisit forecast. This thanks to stronger profit contribution from IE unit, first booking for equity income and management fee from GCL and revenue from green logistic. Its 3Q24 will depend on deed transfer. We look for strong land sales in 3Q24 premised on big-lot deal and WHA will likely raise target land sales. BUY.

 


3Q24F Equity Outlook : The strong get stronger, the weak get less weak

Stock Best Picks : CPALL, GFPT, HANA, KCE, MINT, MTC, OSP, TRUE, TU, WHA

Mid-Small Cap Play : CKP, DOHOME, INSET, TNP

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้