สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 สิงหาคม 2567)----บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 8 ส.ค. 2567 คาด SET การฟื้นตัวถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1300 และ 1305 จุด ตามลำดับ จาก Sentiment ลบ ของตลาดหุ้นสหรัฐที่กลับมาอ่อนตัว หลังฟื้นตัวก่อนหน้านี้ และสัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นของ SET ที่เข้าสู่ภาวะ overbought ด้านแนวรับอยู่ที่ 1280 และบริเวณจุดต่ำเดิม 1274 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบต่อ
ประเด็นสำคัญ
• รองผู้ว่า BoJ ส่งสัญญาณไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ เนื่องจากตลาดการเงินอยู่ในภาวะผันผวน ขณะที่เงินเยนที่แข็งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยลดภาวะเงินเฟ้อจากการนำเข้าได้
• วานนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9-0 สั่งยุบพรรคก้าวไกลและสั่งตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 11 คนเป็นเวลา 10 ปี ติดตามคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 ส.ค.
• กกร. กังวลการขาดดุลการค้าระหว่างไทยกับจีน ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนช่วง 6M24 เพิ่มขึ้น 7.1%YoY ทำให้ขาดดุลการค้าจากจีน 6.99 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 15.7%YoY กระทบต่อภาคการผลิตกว่า 23 กลุ่มอุตสาหกรรม
• กระทรวงพาณิชย์เผย CPI เดือนก.ค. ขยายตัว 0.83%YoY เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ จากราคาเชื้อเพลิงและอาหารที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยช่วง 7M24 ขยายตัว 0.11%YoY
• ธปท. ร่วมมือ 8 ธนาคารพาณิชย์เร่งออกผลิตภัณฑ์การเงิน หวังหนุนภาคธุรกิจปรับตัวสู่ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ธปท.เผยภาคการเงินมีบทบาทสำคัญในการช่วยเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืน
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสำหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาด ตลาดกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางและลิเบียที่ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ส่วนราคาก๊าซฯ ยุโรปปรับขึ้นทำจุดสูงสุดของปีนี้หลังหลังยูเครนโจมตีข้ามพรมแดนรัสเซียและยึดสถานีก๊าซฯ ซุดซาได้
• สำนักศุลกากรจีน (GAC) เผยการส่งออกเดือนก.ค. ขยายตัว +7.0% ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่วนการนำเข้าขยายตัว 7.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ตลาดคาดได้รับผลกระทบจากกมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และ EU
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีมอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1280/1274 – 1300/1305
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มองตลาดหุ้นไทยจะปรับลงจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากงบ 2Q67 ของ บจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 2Q67 ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกำไรจะยังสามารถเติบโต YoY อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก ADVANC TU CPAXT BTG CBG BCP GPSC AU
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
3) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA TOP BEM AOT
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Daily top pick
TU กำไรปกติ 2Q67 ออกมาสูงกว่าคาด ขณะที่ 3Q67คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY จากธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีขึ้น อีกทั้งมองได้ผลบวกเล็กน้อยจากการทำสัญญากู้เงินฉบับใหม่กับ ITC (จะมี upside 0.4-1.4% จากต้นทุนการเงินที่ลดลง) ทั้งนี้วันนี้แนะนำราคาซื้อไม่เกิน 14.50 บาท
PTTEP มองราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นลบ. เติบโต 5%YoY อีกทั้งยังมีเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลที่ 4.50 บาท/หุ้น (XD 13 ส.ค.) คิดเป็น Div. Yield ราว 3% ทั้งนี้วันนี้แนะนำราคาซื้อไม่เกิน 146.50 บาท